นอกจากนี้หลิวหย่งยังได้รับเงินปันผลจากร้านวัสดุก่อสร้างอีกด้วย
เขาถือหุ้น 18% คิดจากเงิน 100,000 หยวนแล้ว หลิวหย่งได้เงินปันผลไปทั้งหมด 18,000 หยวน
ร้านวัสดุคิดบัญชีเสร็จก่อนบริษัทตกแต่งภายใน เมื่อหลิวหย่งมาถึงร้านวัสดุก็สามารถรับเงินปันผลได้ทันที
เขาไม่คิดที่จะเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้กับตัว แต่ตั้งใจว่าพอกลับถึงซางตูแล้วจะมอบให้หลี่เฟิ่งเหมย เขาทำงานนอกบ้านมาตลอดทั้งปี แม้งานก่อสร้างจะต้องมีเงินทุนหมุนเวียนก็จริง แต่คงไม่ถึงขนาดไม่สามารถส่งเงินกลับบ้านเลยหรอกกระมัง
จ่ายค่าแรงเสร็จ หลิวหย่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานก็พากันไปซื้อของให้ทังหงเอิน
เพราะได้รับน้ำใจจากทังหงเอิน หย่วนฮุยถึงสามารถยืนหยัดที่เผิงเฉิงได้อย่างทุกวันนี้ นี่ก็ใกล้ตรุษจีนแล้ว สมควรมาหาทังหงเอินเพื่อสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า
ครั้งนี้ทังหงเอินรับของเอาไว้อย่างเต็มใจ การกระทำของตู้เ้าฮุยนั้นเสี่ยวหวังรายงานเขาเรียบร้อยแล้ว ทังหงเอินกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานที่ยังเด็กจะวู่วามจึงกำชับกับเธอว่า “อย่าไปสนใจเขา ผู้ชายคนนี้เ้าเล่ห์มาก”
“คุณอาทัง ฉันทราบดีค่ะ”
หลิวหย่งกลัวว่าทังหงเอินจะไม่ยอมรับของขวัญ แต่ครั้งนี้ทังหงเอินกลับรับของไว้อย่างไม่อิดออด
ก่อนกลับ เสี่ยวหวังหิ้วกล่องใบใหญ่หลายกล่องวิ่งไล่ตามหลังมาติดๆ
“นี่คือของที่ทางหน่วยงานส่งมาให้หัวหน้า รวมถึงของขวัญที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ หัวหน้าบอกว่าเขากินคนเดียวไม่ไหว ให้พวกคุณเอากลับซางตูด้วยครับ”
ที่แท้มีสิ่งนี้รออยู่นี่เอง!
ของทั้งหมดคืออาหารแห้งที่ถูกห่อไว้อย่างงดงาม มีน้ำหนักแต่ก็ไม่มากเกินไป
เซี่ยเสี่ยวหลานพอคิดว่าทังหงเอินต้องฉลองปีใหม่ตามลำพัง ขณะที่คนอื่นอยู่กันพร้อมหน้า ก็อดนึกเป็ห่วงไม่ได้ แม้ทังหงเอินจะได้เป็นายกเทศมนตรีแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจเลี่ยงชะตากรรมนี้ เธอจึงอดถามเสี่ยวหวังไม่ได้ว่า “คุณอาทังจะฉลองปีใหม่อย่างไรหรือ”
เสี่ยวหวังไม่คิดอะไรมาก เขาบอกว่าตารางงานของทังหงเอินยาวไปจนถึงวันที่สี่หลังปีใหม่
นอกจากคืนวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ตรุษจีนปีนี้ทังหงเอินยังต้องทำงานยาวจนถึงวันที่สี่ของปีถึงจะได้หยุดพัก
“วันที่สิบเดือนหนึ่งค่อยกลับมาทำงานอย่างนั้นหรือ”
ถ้าอย่างนั้นก็มีเวลาว่างถึงหนึ่งสัปดาห์
เซี่ยเสี่ยวหลานหยุดคิด ก่อนจะเดินวกกลับไปที่บ้านของทังหงเอินอีกครั้ง “คุณอาทัง ถ้าไม่มีตารางงานอื่น อยากไปฉลองตรุษจีนที่ซางตูไหมคะ พวกเราเพิ่งตกแต่งบ้านหลังใหม่ที่บ้านเกิด แม้ที่บ้านนอกจะไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ตรุษจีนก็คึกคักมากนะคะ”
แน่นอนว่าทังหงเอินมีตารางงาน วันที่สี่ของปีเขาต้องเดินทางไปปักกิ่งเพื่อสวัสดีปีใหม่เหล่าหัวหน้า รวมถึงเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงอีกกลุ่มหนึ่งด้วย
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับชวนเขาไปฉลองตรุษจีนที่ชนบท ทังหงเอินหยุดคิดเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปฏิเสธออกไปตามตรง “เธอสงสารคนตัวคนเดียวอย่างฉันหรือ ถ้าเช่นนั้นฉันขอรับน้ำใจนี้ไว้ ถ้ามีเวลาฉันจะไปเดินเล่นที่ซางตู”
พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งลงบันไดไปแล้ว ทังหงเอินก็หุบยิ้มทันที
เขาย่อมรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่แล้ว ยิ่งเป็เทศกาลที่ครึกครื้น เขาก็ยิ่งรู้สึกอ้างว้าง โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีน ลูกน้องอย่างเสี่ยวหวังกับเลขาเผิงต่างก็้ากลับบ้านไปเฉลิมฉลองพร้อมครอบครัว แน่นอนว่าทังหงเอินย่อมอนุญาตให้พวกเขาลาหยุด
เขาต้องฉลองปีใหม่ตามลำพัง เมื่อก่อนยังไม่เท่าไร แต่ปีนี้เขาได้เจอกับลูกชายอย่างจี้เจียงหยวนอีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม และเริ่มอิจฉาครอบครัวชาวบ้านทั่วไปที่มีแต่ความอบอุ่น
ครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือตัวแทนของความอบอุ่นในครอบครัว ชีวิตที่เจริญก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ได้อยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัว ซึมซึบพลังงานบวกได้อย่างเต็มที่
—-------------------------------------------------
“หลานคุยอะไรกับนายกทังหรือ”
หลิวหย่งถามไปอย่างนั้น แต่คำตอบของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำให้เขาเกือบปล่อยกล่องกระดาษหลุดมือ
“ฉันเห็นเขาฉลองตรุษจีนคนเดียวที่เผิงเฉิงคงจะรู้สึกเบื่อ เลยถามว่าอยากไปฉลองด้วยกันที่ซางตูไหม พวกเราเพิ่งตกแต่งบ้านใหม่นี่คะ ที่ชนบทคงครึกครื้นน่าดู”
ชวนนายกทังไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดอย่างนั้นรึ?
เสี่ยวหลานช่างกล้าคิดเสียจริงๆ
หลิวหย่งเงียบไปพลางครุ่นคิด ต่อให้เขาหาเงินได้เป็กอบเป็กำ แต่เขาก็เป็แค่นักธุรกิจทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คนระดับเดียวกับนายกทัง เงินเดือนของนายกทังอาจจะใกล้เคียงกับคนงานของหลิวหย่ง แต่ฐานะทางสังคมของพวกเขาเหมือนกันเสียที่ไหน ทุกคนล้วนเป็หนึ่งฟันเฟืองของระบบสังคมนิยม แน่นอนว่าฟันเฟืองแต่ละชิ้นล้วนมีขนาดใหญ่และเล็ก มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน
หลิวหย่งอดพิจารณาใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างละเอียดอีกครั้งไม่ได้ หลังเกิดเหตุรถชนนี่ก็ผ่านมาหกวันแล้ว แม้ใบหน้าของเธอจะหายบวม แต่รอยแผลยังคงอยู่!
“หลานจะเข้มแข็งเกินไปแล้ว ถูกรถชนยังไม่ยอมบอกใคร ลุงจะรอดูสิว่ากลับบ้านไปหลานจะบอกแม่ของหลานว่าอย่างไร!”
เซี่ยเสี่ยวหลานถอดผ้าพันแผลที่ข้อมือแล้ว ปากแผลสมานตัวดีจึงไม่จำเป็ต้องพันผ้าไว้อีก ขอแค่ระวังไม่ให้โดนน้ำก็พอแล้ว สำหรับเื่นี้คงปิดบังหลิวหย่งไม่ได้ ร้านวัสดุก่อสร้างมีไป๋เจินจูอยู่ด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงต้องเล่าเื่ไปตามความจริง วินาทีนั้นเธอถูกหลิวหย่งตำหนิไปแล้วหนึ่งรอบ แต่สองลุงหลานยุ่งอยู่กับการทำสรุปบัญชีปลายปี หลิวหย่งจึงบ่นได้ไม่นาน และตอนนี้เขาเพิ่งนึกได้อีกครั้ง
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบเอ่ยปากขอร้อง “ฉันไม่เป็ไรจริงๆ ค่ะ บอกพวกแม่ไปก็คงร้อนใจกันเปล่าๆ ถ้าลุงกลับถึงบ้านเมื่อไรต้องพูดเหมือนอย่างที่ตกลงกันนะคะ บอกไปว่าฉันแค่ขี่จักรยานล้มเท่านั้น ไม่ได้ถูกรถชน”
หลิวหย่งส่งเสียงฮึอยู่ในลำคอ เซี่ยเสี่ยวหลานกะแล้วว่าลุงของเธอคงทนลูกอ้อนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยอมตกลงแต่โดยดี ทำให้เธอไม่ค่อยรู้สึกกังวลมากนัก
ถึงอย่างไรหลิวหย่งก็มีความคิดคล้ายกับเธอ นั่นคือเขาอยากปกป้องคนที่บ้าน
“ตอนนี้มันคือเื่ของตระกูลคังกับตู้เ้าฮุยไปแล้วละค่ะ แต่หากพูดถึงตู้เ้าฮุยแล้ว เขารู้จักกับเซี่ยจื่ออวี้ด้วยนะคะ”
ตู้เ้าฮุยไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางถูกเซี่ยจื่ออวี้บงการได้อย่างแน่นอน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเธอควรบอกหลิวหย่งเอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรงานส่วนใหญ่ของหลิวหย่งก็อยู่ที่เผิงเฉิงนั่นเอง
หลิวหย่งเกาศีรษะ “เื่นี้อาจเกี่ยวกับลุงก็ได้ ลุงให้คนส่งข่าวไปบอกคนบ้านเซี่ยว่าเซี่ยต้าจวินรวยแล้ว ว่าแต่หลานเจอเซี่ยจื่ออวี้แล้วไม่เจอคนอื่นเลยหรือ? ลุงได้ยินมาว่าคนบ้านเซี่ยเก็บข้าวของเตรียมย้ายไปอยู่กับเซี่ยต้าจวินด้วยนี่”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจเจตนาของหลิวหย่งทันที
เขาก็เหมือนกวนฮุยเอ๋อที่อยากปกป้องเธอ อยากหาเื่วุ่นวายให้เซี่ยต้าจวิน รวมถึงทำให้คนบ้านเซี่ยคอยถ่วงกันเอง
“ฉันไม่เห็นคนอื่นค่ะ แต่ถูกพวกเหลือบไรมาดูดเืเช่นนี้ เซี่ยต้าจวินคงลำบากแน่”
เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับว่าเธอนั้นรู้สึกดีใจในความทุกข์ของคนอื่น แต่ช่วยไม่ได้ เซี่ยต้าจวินเองก็คงรู้สึกยินดีเสียมากกว่า การได้เลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวคือความฝันของเซี่ยต้าจวิน แต่คำว่าครอบครัวของเขานั้นไม่รวมเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟิน แน่นอนว่าตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินเองก็ไม่จำเป็ต้องพึ่งพาเซี่ยต้าจวินเช่นกัน นอกจากนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยคิดว่าเซี่ยต้าจวินจะตระหนักรู้ได้ ต่อให้วันหนึ่งเขาถูกคนพวกนั้นสูบเืสูบเนื้อจนหมดตัว ก็เป็ทางเลือกของเซี่ยต้าจวินเอง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สงสารเขาสักนิด
เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งซื้อของมาจำนวนไม่น้อย ทั้งสองต่างหิ้วกระเป๋าน้อยใหญ่พากันขึ้นเครื่องบิน คนหนึ่งเรียนอยู่ต่างถิ่น อีกคนทำงานอยู่ต่างเมือง ออกจากบ้านมานานขนาดนี้ ทั้งคู่ต่างก็คิดถึงบ้านเป็ธรรมดา
พอเครื่องบินลงจอดที่สนามบินซางตู ทั้งสองก็พบว่าหลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินมารออยู่ล่วงหน้านานแล้ว
กลางฤดูหนาวเช่นนี้ ใบหน้าของทั้งคู่ถูกลมโกรกจนรู้สึกชาไปหมด หลิวหย่งเดินทางกลับบ้านกับหลี่เฟิ่งเหมยไปก่อน ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานหิ้วของกลับไปที่บ้านย่าอวี๋พร้อมกับหลิวเฟิน
“เสี่ยวหลาน ตรุษจีนปีนี้ให้ย่าอวี๋กลับบ้านเราพร้อมกันดีไหม”
เซี่ยเสี่ยวหลานมองหลิวเฟินอย่างแปลกใจ “เธอต้องฉลองกับพวกเราอยู่แล้วนี่ ไม่อย่างนั้นย่าอวี๋คงจะเหงาแย่”
ปีที่แล้วย่าอวี๋ก็อยู่ตัวคนเดียว
แต่นั่นก็เป็เพราะปีก่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกกับย่าอวี๋ยังไม่สนิทสนมเช่นตอนนี้ ความใกล้ชิดของคนเราเกิดจากการอยู่ร่วมกัน ปีที่แล้วย่าอวี๋ยังไม่ยอมสลัดเกราะป้องกันตัวออกไป หากเซี่ยเสี่ยวหลานคิดอยากฉลองปีใหม่กับหญิงชราแปลกประหลาด นั่นคงเพราะเธอบ้าไปแล้วจริงๆ