ตัวอักษรเอียง ภาษาอังกฤษ
ตัวอักษรปกติ ภาษาไทย
เป็ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เนื่องจากทั้งมอร์ซินและว่าที่คู่หมั้นได้พาคนของตนเองสะกดรอยตามมาสักพักใหญ่ ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนเพราะกลัวว่าเด็กคนนั้นจะรำคาญ
ใจจริงของเขาคืออยากสนิทด้วยเท่านั้นเอง เพราะไม่ได้คุยกับใครด้วยความสบายใจและไม่ต้องคิดเยอะแบบนี้มานานมาก แต่เหมือนอีกคนจะไม่ต้อนรับเท่าไหร่นัก
รวมถึงมีข้อความจากพ่อส่งมาอีกว่าทำยังไงก็ได้ แต่ต้องปกป้องเด็กคนนี้เอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็การท่องเที่ยว ใช้ภาษาอังกฤษ การต่อรองราคา วิธีสนทนาแบบธุรกิจก็ทำได้เยี่ยมยอด
จนแทบไม่รู้สึกว่าน่าเป็ห่วงเลยสักนิด แถมยังรู้สึกเห็นด้วยกับการประโคมข่าวเื่ความสามารถของลูกคนเล็กตระกูลนี้อย่างละเอียดยิบ รวมถึงลูกคนโตเองก็มากความสามารถเช่นกัน ทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลนี้ช่างน่าจับตามองนัก
“เข้าไปช่วยกันเถอะค่ะ ท่านลอร์ด” เธอกล่าวพลางหยิบอาวุธขึ้นมา
“อย่าเพิ่งครับ ลองดูความสามารถก่อน”
“อาจจะอันตรายนะคะ นี่มันเกินร้อยคนด้วยซ้ำ มันมากเกินไปค่ะ”
“พวกเราจะเข้าไปช่วยในตอนที่ทั้งสามคนรับมือไม่ไหวครับ ผมไม่เชื่อหรอกว่าทายาทจะไม่มีความสามารถ”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรออีกสิบนาที”
ลำพังความสามารถของพ่อบ้านกับเลขาประจำตัวนั้น สำหรับเขาไม่ค่อยแปลกใจนัก การที่ใครคนใดคนหนึ่งสามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ได้ทีละสามสี่คนถือเป็เื่ปกติ
แต่นี่มันเหนือความคาดหมายมากทีเดียว ทั้งคู่สามารถรับมือได้ทีละห้าคน เล็งจุดตายหรือจุดที่ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้ทันทีอย่างรวดเร็ว สมแล้วที่ถูกฝึกมาเพื่อปกป้องเหล่าผู้สืบทอด
ไม่กี่นาทีต่อมาก็ทำให้ทั้งเขาและเธอต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อมือเล็กทั้งสองหยิบอาวุธออกมาแล้วจัดการศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าได้ทีละห้าคนในคราวเดียว
สมกับที่ผู้นำตระกูลนั้นโอ้อวดว่ามีลูกชายที่แสนเก่งกาจถึงสองคน ไม่ว่าใครที่เห็นก็ต้องภูมิใจกันแน่นอน รับมือศัตรูได้เทียบเท่าผู้ใหญ่วัยเดียวกัน
ต่อไปในภายภาคหน้าจะต้องเก่งกาจกว่านี้หลายเท่านัก
“หมดเวลาดูแล้วครับ เข้าไปช่วยกันเถอะ”
“ค่ะ ท่านลอร์ด”
“คุณชายเล็ก! ระวัง!”
เคร้ง!
มอร์ซินะโลงไปช่วยทันทีหลังจากออกคำสั่ง ทั้งเขาและเธอพาคนสนิทออกมาด้วยนับสิบชีวิต ถึงแม้ว่าปริมาณจะดูน้อยกว่าแต่ของแบบนี้เน้นคุณภาพมากกว่า
ศัตรูแปลกใจกับกลุ่มคนมาใหม่ที่เข้าช่วยเหลือเป้าหมายในการลอบสังหารครั้งนี้ เพราะว่ามันดูเจาะจงเกินไป มาช่วยราวกับรอเวลาอยู่แล้วแบบนี้
สัญชาติญาณกำลังร้องบอกว่างานนี้อันตรายเกินกว่าที่คิด อาจไม่มีโอกาสรอดชีวิตอีกต่อไป คิดต่อไปก็ไร้ความหมายเพราะทั้งหมดถูกจัดการภายในยี่สิบนาทีเท่านั้น
“เป็ยังไงบ้างครับ คุณชายปลอดภัยหรือเปล่า” กันต์ถามด้วยความเป็ห่วง
“าเ็ตรงไหนไหมครับ” แจ็คถามด้วยความเป็ห่วงเช่นกัน
“ไม่เป็ไร ฉันปลอดภัย โอเคดีทุกอย่าง”
“โล่งอกไปที / โล่งอกไปที”
“ว่าแต่จะไม่ถามเหรอครับ ว่าพวกเขาเป็ใคร ทำไมถึงมาช่วยคุณชายเล็ก” แจ็คถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีความจำเป็เลยสักนิด ฉันดูออกแต่แรก”
“พวกเรากลับกันเถอะ”
“ครับคุณชาย / ครับคุณชาย”
นภัทรหันมามองกลุ่มคนมาใหม่ที่เข้ามาช่วยทันเวลาโดยไม่ใส่ใจมากนัก พลางยักไหล่แล้วเดินออกจากตรอกมืดที่วางแผนเอาไว้ั้แ่แรก
เขาสังเกตเห็นมาั้แ่ว่ามีคนหลายกลุ่มคอยสะกดรอยตาม แม้ว่าตอนแรกจะไม่รู้ว่าเป็ใครบ้าง แต่จากการต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาก็ทำให้รับรู้ว่าต้องเป็กลุ่มของคุณชายมอร์ซินและเลดี้คนนั้นแน่
ในเมื่อต่างฝ่ายต่างรับรู้ตัวตนของกันและกัน ไม่มีความจำเป็ต้องอธิบายอะไรอีก เขารู้ดีว่าคุณชายบ้านนั้นเองก็ต้องสังเกตได้เหมือนกัน
ตรู๊ด... ตรู๊ด...
(แม่)
“ได้ข่าวว่าถูกลอบสังหารตอนไปเที่ยว ลูกเป็ยังไงบ้าง” เนตรดาวถามด้วยความร้อนรนใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าการปล่อยลูกไปเที่ยวในครั้งนี้ของเธอจะเป็ภัยร้ายแรง
“ปลอดภัยดีครับ มีคนจากตระกูลอลันมาช่วยสมทบอีกแรงตามคำขอของคุณแม่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ยังกังวลอะไรอีก” นภัทรตอบพลางหัวเราะร่า
บางครั้งเธอเองก็แอบคิดว่าเด็กคนนี้ใช่คนเดียวกับที่คลอดออกมาเมื่อแปดปีก่อนหรือเปล่า ถึงแม้ว่าจะเป็การเจริญเติบโตใน่วัยก็เถอะ
แต่นี่มันจะฉลาดมากเกินไปแล้วนะ ในอนาคตเธอจะรับมือกับลูกชายของตนเองได้ยังไง
“รู้ด้วยเหรอคะ” เธอตอบเสียงเบาลงเล็กน้อย
“เดี๋ยวต่อไปผมจะยอมไปเที่ยวจักรวรรดิกับเขาในระหว่างอยู่ที่นี่ครับ แม่จะได้สบายใจขึ้น”
“โอเค ถ้าแบบนั้นแม่คงสบายใจขึ้นมาก แล้วเจอกันนะคะ ลูกรักของแม่”
“ครับ แล้วเจอกัน”
ติ๊ด!
“แจ็ค หาสถานที่ท่องเที่ยวให้ทั่วจักรวรรดิทั้งหมด ภายในหนึ่งปีพวกเราจะไปเที่ยวในดินแดนเหล่านี้ให้หมดเลย รวมถึงออกแบบให้ไม่เหนื่อยเกินไปอย่างที่เคยทำมาด้วยล่ะ”
“ครับ คุณชายเล็ก”
“กันต์ ลงไปที่ล็อบบี้ด้านล่างแล้วบอกพนักงานว่าถ้าคนจองหอพักชื่อตามในกระดาษที่ฉันเขียนไป เชิญไปพบห้องอาหารที่จะจองเย็นนี้”
“ครับ คุณชายเล็ก”
ตรู๊ด... ตรู๊ด...
(พ่อ)
“อยากรู้ไหมว่าโทรมาทำไม”
“ถูกจับได้แล้วสินะครับ แล้วทางนั้นว่ายังไงบ้าง”
“บอกว่าตลอดหนึ่งปีจะอยู่เที่ยวให้ทั่วจักรวรรดิถึงจะกลับไทย เพราะฉะนั้นรอรับเทียบเชิญกินข้าวที่ล็อบบี้ได้เลย แต่ว่ารับแค่ฝั่งอลัน ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอื่น
เด็กคนนั้น้าความสงบในการท่องเที่ยว ไม่ได้อยากเข้าสังคม ถ้าจะตามมาคุ้มกันก็ให้คนลงไปรอรับซะ”
“ครับพ่อ”
ติ๊ด!
เพราะแบบนั้นถึงยักไหล่ในตรอกแล้วบอกให้ลงไปรับคำตอบที่ล็อบบี้อีก ราวกับรู้ว่าอาศัยอยู่โรงแรมเดียวกัน อยากจะรู้เหลือเกินว่าทายาทลำดับสองของตระกูลนี้
กินอะไรเป็อาหารกันแน่ ฉลาดเป็กรดขนาดนี้ มีใครเคยบอกบ้างหรือเปล่าว่ามันโคตรน่ากลัวเลย เหมือนกำลังเต้นอยู่บนฝ่ามืออีกฝ่ายตามใจชอบยังไงไม่รู้
“ลงไปรับเทียบเชิญล็อบบี้ด้านล่าง”
“แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่นะขอรับ ท่านลอร์ด”
“นายไม่ได้ยืนฟังอยู่ข้างกันรึ ทางนั้นรู้ตัวแต่แรกแล้ว”
“ขอรับ ตามบัญชา”
บรรยากาศของการเชิญมาครั้งนี้ถูกจองไว้ล่วงหน้าทั้งโซน มีอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงของว่างมากมาย แต่เขากลับหายใจไม่ทั่วท้องเลยสักนิด
“ไม่ได้เห็นท่านมอร์ซินประหม่าแบบนี้มานานมากแล้วขอรับ กลัวแขกคนนั้นงั้นรึ”
“มากกว่าความกลัวแต่เป็ความน่าเกรงขาม ฉลาดทันเกมไปทุกเื่ มากความสามารถจนลืมไปเลยว่าอายุสิบขวบ สมัยฉันยังไม่ขนาดนี้เลย”
“เหมือนจะมากันแล้วครับ ท่านมอร์ซิน”
ในระหว่างทางลงมาห้องอาหาร นภัทร พยายามทำใจให้มากที่สุดว่าตลอดระยะเวลาที่คุณชายบ้านนั้นอยู่ด้วยไม่เกิน่ปิดเทอมเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ดร็อปเรียน
เพราะฉะนั้นนี่คือการอยู่ร่วมกันระยะสั้น ไม่มีระยะเวลาที่ยาวนานไปกว่านั้น และอีกไม่นานที่บ้านจะส่งพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลอีกคนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
“ขอกินข้าวก่อนนะครับ ห้ามชวนคุยตอนกินเด็ดขาด”
“จนกว่าจะกินขนมสองชิ้น ห้ามชวนคุยเด็ดขาด”
“ขนาดหมายังไม่มีใครรบกวนมันกินข้าว”
“พวกเราเป็คน เพราะฉะนั้นห้ามรบกวนนะครับ"
