หลินเฟิงหันหลังกลับไป และจ้องมองไปยังเหล่าศิษย์สายในอีกครั้ง
“พวกเ้า มีใคร้าขึ้นมาแทนเหวินเริ่นเหยียนหรือไม่?”
ไม่มีผู้ใดกล้าตอบ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนที่อยู่ระดับแถวหน้า
การโจมตีด้วยมีดของถงโชวนั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะพบหนทางและ้าเอาชนะ แต่มันไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะเพียงแค่การโจมตีด้วยดาบเดียวของหลินเฟิงก็สามารถทำให้ถงโชวหลั่งเืได้
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวคือ ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงที่ปรากฏในเวลานี้ เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามีเหรอ?
ถงโชวถูกหลินเฟิงฆ่าเพียงดาบเดียว พวกเขาดูไม่ออกว่าหลินเฟิงจะมีไพ่ตายอีกหรือเปล่า และเขาจะมีความแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหน?
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เหวินเริ่นเหยียน ดูเหมือนว่าจะมีเขาเท่านั้นที่สามารถกำราบหลินเฟิงได้
“การทดสอบของนิกายในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็การต่อสู้ของหลินเฟิงเสียแล้ว”
ทุกคนต่างมีรอยยิ้มขมขื่นประดับอยู่บนใบหน้า การทดสอบได้สูญเสียความหมายแต่เดิมไป เพราะหลินเฟิงเพียงคนเดียวที่ทำให้ศิษย์ของนิกายกลายเป็คู่ต่อสู้ของเขา
เหวินเริ่นเหยียนได้ชำเลืองมอง ทุกคนจึงต่างรู้สึกหวาดกลัว
การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของหลินเฟิงในวันนี้ ฝีดาบของหลินเฟิงแต่ละครั้งช่างเปล่งประกาย ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เพราะเขาถูกหลินเฟิงด่าว่า ‘เป็สวะ เป็มดปลวก’
ศิษย์สายในในวันนี้ยกเว้นเขา ไม่มีใครกล้าท้าหลินเฟิงเพื่อต่อสู้ ตอนนี้หลายๆ คนต่างเกรงกลัวว่าเหวินเริ่นเหยียนจะทำได้เพียงพูดจาเย่อหยิ่งและอวดดีเท่านั้น
หลังจากเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงนั้นจะเป็มดปลวก เป็สวะ ไปได้อย่างไรกัน?
“เหวินเริ่นเหยียน ตอนนี้เ้าควรจะพิสูจน์ให้ทุกคนดูว่า ข้าหลินเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเ้าเป็แค่มดปลวก เป็สวะจริงหรือ!”
หลินเฟิงจ้องมองไปยังเหวินเริ่นเหยียน เช่นเดียวกับหานหมาน เพราะว่าไปขัดแย้งเขา หานหมานจึงถูกโจมตีจนาเ็สาหัส เพียงแค่หานหมานพูดประโยคเดียว ก็เกือบต้องถูกฆ่า
อีกทั้งยังเหวินเริ่นเหยียนได้ประกาศไปแล้วว่า หลิ่วเฟยเป็ผู้หญิงของเขา แต่เพราะหลินเฟิงได้เดินเคียงข้างหลิ่วเฟย เหวินเริ่นเหยียนจึงคิดอยากจะฆ่าหลินเฟิง
ความหยิ่งยโสโอหังและชอบบงการคนอื่นๆ นี่แหละคือเหวินเริ่นเหยียน
“ในเมื่อเ้าแข็งแกร่งกว่าข้าก็ฆ่าข้าซะสิ ไม่งั้นหากข้าแข็งแกร่งกว่าเ้า ข้าก็จะฆ่าเ้าอย่างแน่นอน”
หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า เหวินเริ่นเหยียนและม่อเสียต้องตายอย่างแน่นอน
ถ้าหลินเฟิงไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็จะหาโอกาสได้ พวกเขาจะฆ่าหลินเฟิงแน่นอน
“ไร้สาระ”
เหวินเริ่นเหยียนกล่าวเพียงแค่สองคำ และก้าวไปยังลานประลองเป็ตายในทันที
ในเวลานี้ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เหวินเริ่นเหยียนเป็ศิษย์สายในอับดับหนึ่ง ก่อนที่หลินเฟิงจะปรากฏตัว เหวินเริ่นเหยียนนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็ศิษย์ที่มีพร์อันแข็งแกร่งที่สุดในนิกายหยุนไห่ ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับหลิ้งหูเหอซานและถูฟูก็ตาม
ส่วนความแข็งแกร่งของหลินเฟิงได้เพิ่มขึ้น จึงป้องกันตัวเองจากคนที่้าฆ่าเขาได้ และเป็เพราะเขา การบ่มเพาะของผู้าุโสายนอกหลู่หยวนจึงถูกทำลายและถูกขับไล่ออกจากนิกาย แล้วเขายังขมขู่อีกว่า้าขับไล่ผู้าุโสายในม่อเสียออกจากนิกายหยุนไห่
อาจพูดได้ว่าทั้งสองคนนี้เป็ศิษย์ที่มีศักยภาพมากที่สุดในนิกายหยุนไห่ การปะทะกันระหว่างสองอัจฉริยะใครจะเป็ผู้ชนะ?
“เ้าคิดว่าสามารถฆ่าเหล่ยโปและถงโชวได้ แล้วความแข็งแกร่งของเ้าจะสู้ข้าได้งั้นหรือ?”
สายตาของเหวินเริ่นเหยียนเต็มไปด้วยการประชด “ข้าฆ่าเ้าได้อย่างง่ายดาย เพราะเ้ามันก็เป็เพียงมดปลวกในสายตาข้า เ้าไม่มีค่าพอที่จะเป็คู่ต่อสู้ของข้า แต่เ้า้าให้ข้าลงมือ ดังนั้นข้าจะแสดงความสามารถให้เ้าเห็น การยั่วยุของเ้าช่างไร้สาระ และความมั่นใจของเ้าก็ต่ำต้อยเกินไป”
“ข้าจะใช้เืที่แดงฉานของเ้า พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าข้าเหวินเริ่นเหยียนไม่มีใครสามารถเทียบได้”
หยิ่งยโส โอหัง อวดดี
“คำพูดไร้สาระของเ้า มันเป็ความจริงที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้”
น้ำเสียงประชดประชันของหลินเฟิงดังขึ้น จึงทำให้สายตาที่มั่นใจของเหวินเริ่นเหยียนดูใเล็กน้อย ั์ตาคู่นั้นนับวันยิ่งน่ากลัวขึ้น
“เอาล่ะ”
ในเวลานี้ จู่ๆ หนานกงหลิงก็พูดออกมา ขณะจ้องมองไปยังทั้งสองคนบนลานประลองเป็ตาย
“พวกเ้าล้วนเป็อัจฉริยะและเป็อนาคตของนิกายหยุนไห่ ทางนิกายยังจำเป็ต้องพึ่งพาอาศัยพวกเ้า ทำไมต้องเข่นฆ่ากัน ถ้าต่างคนต่างถอยร่นกันคนละก้าว ครั้งนี้จะถือว่าเป็การเรียนรู้จากการแข่งขันของศิษย์ร่วมนิกาย ไม่จำเป็ต้องทำลายชีวิตของอีกฝ่าย”
หนานกงหลิงพูดเพื่อหยุดทั้งสองคน ทั้งเหวินเริ่นเหยียนและหลินเฟิงต่างเป็อัจฉริยะ ถ้าหากพวกเขาคนใดคนหนึ่งต้องตายจากการต่อสู้ คงต้องเป็การสูญเสียของนิกายซึ่งมันไม่คุ้มเป็อย่างมาก
หนานกงหลิงไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะมีเื่กัน ที่กล่าวไปนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองคนจะไม่มีการต่อสู้กัน
เป็เพราะความแข็งแกร่งของเหวินเริ่นเหยียน หนานกงหลิงจึงเข้าใจว่าทรงพลังแค่ไหน ถึงแม้จิติญญาของหลินเฟิงจะเป็ดาบ แต่เหวินเริ่นเหยียนก็มีโอกาสชนะมากกว่า เพราะจิติญญาของเหวินเริ่นเหยียนนั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก อีกทั้งยังเป็จิติญญาที่หาได้ยากยิ่ง
“ท่านประมุข ท่านเห็นว่าเ้าสวะนี่จะโจมตีข้า หรือคิดว่าข้าเหวินเริ่นเหยียนอาจพ่ายแพ้ให้กับเขา”
ถึงแม้หนานกงหลิงจะโน้มน้าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำให้เหวินเริ่นเหยียนโอนอ่อนลงไปได้ เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องฆ่าหลินเฟิงให้ได้ มันเป็เพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายหยุนไห่ต้องเป็เหวินเริ่นเหยียนเท่านั้น
หลินเฟิงมีหน้าที่แค่เสริมเหวินเริ่นเหยียนให้เด่นขึ้นเท่านั้น
“หลินเฟิง เ้ายอมถอยสักครั้งเถอะ”
หนานกงหลิงกล่าวกับหลินเฟิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลินเฟิงหัวเราะและมองไปที่หนานกงหลิง “ดูเหมือนว่าท่านประมุขยังคงไม่มั่นใจในตัวข้า หรือคิดว่าข้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน?”
หนานกงหลิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น “หลินเฟิง ความแข็งแกร่งของเหวินเริ่นเหยียนอยู่ระดับสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 จิติญญาของเขาเป็จิติญญาอสูรไผ่น้ำเงิน ถึงแม้เ้าจะแข็งแกร่งแต่เ้ายัง้าเวลาเพื่อที่จะสามารถเอาชนะเหวินเริ่นเหยียนได้”
ไผ่น้ำเงิน สัตว์อสูรไผ่น้ำเงิน?
หลินเฟิงเกร็งเล็กน้อย เพราะในความทรงจำของเขามีคำว่าไผ่น้ำเงิน เป็สัตว์อสูรประเภทงู ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีพิษรุนแรงอย่างมาก และดวงตาสีน้ำเงิน มันรวดเร็วดั่งฟ้าผ่า อีกทั้งยังสามารถหลบในไม้ไผ่น้ำเงินได้อีก นี่ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสายตาถึงได้ฉายแววประกายสีน้ำเงินน่ากลัวเช่นนี้ ที่แท้ก็เพราะจิติญญาอสูรไผ่น้ำเงินนี่เอง”
หลินเฟิงนึกถึงสายตาของเหวินเริ่นเหยียน มันเหมือนกับอสรพิษ นั่นจึงทำให้ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัด
แต่เพียงเพราะเขามีจิติญญาไผ่น้ำเงิน หลินเฟิงอาจจะกลัวก็ได้?
“ท่านประมุขไม่ควรมีข้อกำจัดการต่อสู้ระหว่างศิษย์ แต่ศิษย์คนนี้กลับดูิ่ข้า เขาสมควรตาย แต่เพราะเขามีพร์ที่โดดเด่นท่านประมุขจึงพยายามปกป้องเขา นี่อาจทำให้ผู้าุโเสินอับอายขายขี้หน้า”
ในตอนนั้นเองได้มีเสียงที่เ็าดังขึ้น เหนือหุบเขาที่กำลังลงมาจากท้องฟ้า โดยมีแสงอยู่ที่ฝีเท้าราวกับเดินอยู่บนอากาศ ครู่ต่อมานางก็ชะลอตัวลงบนอัฒจันทร์
“ผู้นี้คือใคร เหวินเริ่นเหยียนเป็ศิษย์ของนาง?”
ฝูงชนต่างจ้องมองไปยังผู้าุโเสินที่ปรากฏตัวออกมา นางดูซูบผอมและมีผมสยาย ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกน่าขนลุก
นอกจากนี้นางยังกล้าพูดกับท่านประมุข เห็นได้ชัดว่ามีสถานะพิเศษ
มีหลายคนที่รู้จักหญิงชราผู้นี้ ในใจนางแอบแปลกใจ เพราะไม่คิดว่านางจะทำให้ทุกคนใ แต่นี่ดูเหมือนว่าครั้งนี้หลินเฟิงจะโชคร้ายเสียแล้ว
“ท่านอาจารย์”
แม้ว่าเหวินเริ่นเหยียนจะหยิ่งยโส แต่เมื่อเห็นหญิงชราผู้นี่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ยังคงเคารพนับถือมากกว่าตอนอยู่ต่อหน้าท่านประมุขหนานกงหลิงเสียอีก
“อืม” นางพยักหน้าเล็กน้อยเหลือบมองไปที่ต้วนเทียนหลาง จากนั้นกล่าวกับหนานกงหลิงว่า “ท่านประมุข เื่ของคนรุ่นเยาว์พวกเราไม่ควรไปมีส่วนร่วม เพราะมันจะทำให้คนนอกติฉินนินทาเอาได้”
หนานกงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่คิดเลยว่าหญิงชราผู้นี้จะปรากฏตัว ดูเหมือนเหตุการณ์จะแย่ลงเรื่อยๆ
“ยายแก่ เ้าให้ท่านประมุขไม่ไปยุ่งเกี่ยวเื่ระหว่างคนรุ่นเยาว์ แต่เ้ากลับทำเสียเอง”
เหนือท้องฟ้าได้มีเงาของนกกระเรียนกำลังกระพือปีกจนเกิดพายุหมุน จากนั้นบินลงมาเหนืออัฒจันทร์
“ผู้าุโเป่ย”
รอยยิ้มขมขื่นของหนานกงหลิงยิ่งเพิ่มขึ้นทุกที ความขัดแย้งระหว่างหลินเฟิงและเหวินเริ่นเหยียน ถึงกับทำให้ผู้าุโสองท่านต้องเข้ามามีส่วนร่วม นี่ทำให้ทุกคนต่างใเป็อย่างมาก
“หลินเฟิง เ้าคิดเช่นไร?”
“ข้ายินดีจะต่อสู้ โดยเดิมพันด้วยชีวิต”
หลินเฟิงเข้าใจถึงความหมายของผู้าุโเป่ย ถ้าเขาปฏิเสธที่จะต่อสู้ หลินเฟิงสันนิษฐานว่าผู้าุโเป่ยจะต้องปกป้องเขาอย่างแน่นอน แต่การต่อสู้ในวันนี้มันคือความจำเป็
ถ้าหลังจากนี้เหวินเริ่นเหยียนรู้จิติญญาของหลินเฟิง เขาอาจจะหนีไม่กล้าต่อสู้อีก และอะไรคือเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ แม้ว่าเหวินเริ่นเหยียนจะไม่มีความแข็งแกร่งมากพอแต่ก็ต้องต่อสู้ต่อ
ผู้าุโเป่ยพยักหน้า “ถ้าเ้า้าที่จะต่อสู้ ถึงแม้จะถูกฆ่าตาย นั่นมันเป็เพราะทางเลือกของเ้าเอง ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ฉะนั้นตอนนี้เ้ายังมีเวลาคิดไตร่ตรอง คิดให้ดีซะ”
“ไม่จำเป็ต้องคิดหรอกขอรับ”
หลินเฟิงส่ายหน้าโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว
“เยี่ยม”
ผู้าุโเป่ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าเ้าชนะเขา ข้าจะช่วยเ้าขับไล่ม่อเสียออกจากนิกาย”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของผู้าุโเป่ยแล้วต่างก็ตกตะลึง มันช่างเป็คำพูดที่ก้าวร้าวยิ่งนัก หากหลินเฟิงชนะ เขาก็จะขับไล่ม่อเสียออกจากนิกาย ดูเหมือนว่าชายชราผู้ดูแลหอซิงเฉินจะมีสถานะพิเศษ ถึงกับให้สัญญากับหลินเฟิงเช่นนี้
สีหน้าของม่อเสียดูอึมครึมทันที ถ้าหลินเฟิงชนะ ผู้าุโเป่ยก็จะขับไล่เขาออกจากนิกาย สารเลว…
ในเวลานี้ม่อเสียได้เกลียดชังผู้าุโเป่ย แต่น่าเสียดายที่สถานะของอีกฝ่ายสูงส่งกว่าท่านพ่อของเขา แล้วเขาจะทำอะไรได้ ตอนนี้ได้แต่รอความหวังว่าหลินเฟิงจะตายด้วยน้ำมือของเหวินเริ่นเหยียนเท่านั้น
“ยายแก่ หากหลินเฟิงพ่ายแพ้ ข้าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าหลินเฟิงชนะ เ้าคงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรอกนะ?
ผู้าุโเป่ยหันไปถามหญิงชรา
“ยายแก่อย่างข้าทำไมต้องเข้าไปยุ่งด้วย? นอกจากนี้ศิษย์ของข้าไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน”
หญิงชราจ้องเขม็งมาที่ผู้าุโเป่ย ด้วยสัญชาตญาณนางจึงมั่นใจในตัวเหวินเริ่นเหยียน ก็เหมือนที่ผู้าุโเป่ยมั่นใจในตัวหลินเฟิง
“เมื่อเป็เช่นนี้ ก็เริ่มต่อสู้เถิด”
ผู้าุโเป่ยพยักหน้าตอบรับ
หนานกงหลิงยิ้มอย่างขมขื่นพลางมองไปมาระหว่างหญิงชราและผู้าุโเป่ยที่กำลังสนทนากัน การปรากฏตัวของหญิงชราและผู้าุโเป่ยทำให้ท่านประมุขผู้นี้กลับไม่มีอำนาจในการตัดสิน
หรือว่าดวงชะตาระหว่างหลินเฟิงและเหวินเริ่นเหยียนจะถูกลิขิตไว้แล้ว?
หนานกงหลิงไม่เต็มใจเป็อย่างมาก แต่เขาในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้
การต่อสู้ระหว่างหลินเฟิงและเหวินเริ่นเหยียนเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
บนลานประลองเป็ตาย ทั้งคู่ต่างยืนประจันหน้ากัน จากนั้นเหวินเริ่นเหยียนมองหลินเฟิงและกล่าวประชดว่า “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้าุโเป่ยถึงมั่นใจในตัวเ้านัก และข้าก็เชื่อว่าเ้าจะสามารถต่อสู้กับข้าได้ แต่อีกไม่นานเขาก็จะพบว่า เขานั้นคาดหวังในตัวเ้าสูงเกินไป!”
“เมื่อเ้าอยู่ต่อหน้าข้า เ้าก็เป็เพียงแค่มดปลวกเท่านั้น พร์ของเ้าก็จะกลายเป็เื่ไร้สาระ ข้าเหวินเริ่นเหยียนจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าอะไรคืออัจฉริยะที่แท้จริง”
เมื่อเหวินเริ่นเหยียนกล่าวจบ กลิ่นอายที่น่ากลัวก็ได้ปลดปล่อยออกมาจากตัวเขา และข้างหลังของเขาได้มีอสรพิษสีน้ำเงินโผล่ออกมา อสรพิษนี่แม้ว่าจะเป็เงาแต่กลับให้ความรู้สึกถึงแก่นแท้ นี่คือจิติญญาอสูรไผ่น้ำเงินของเหวินเริ่นเหยียน
