“อือ...”
เสียงครางเบาๆ หลุดจากริมฝีปากของ ภาวรรณวรางค์ เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างมารบกวนการนอนที่แสนสุข เปลือกตาเธอขยับ ก่อนจะลืมขึ้นช้าๆ ห้องนอนที่ไม่คุ้นตา ร่างเปลือยเปล่าของตัวเองกำลังนอนแนบอยู่กับ... ผู้ชาย!
ชายหนุ่มร่างหนานอนซุกหน้าอยู่ตรงซอกคอของเธอ หายใจสม่ำเสมอ
“เหี้ย!!” ภาวรรณวรางค์หลุดคำสบถออกมาด้วยความใสุดขีด ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างในทันทีที่มองเห็นภาพตรงหน้า
เธอดีดตัวผละออกทันที ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกายไว้แน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ร่างกายเปลือยเปล่าที่ปวดระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณนั้น เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นเพราะอะไร
ไม่จริงใช่ไหม...
เธอกัดริมฝีปากแน่น หายใจหอบ นี่มันไม่ใช่แค่ฝัน มันคือความจริง และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
“อะไรวะ” เสียงทุ้มงัวเงียดังขึ้นจากชายที่นอนข้างเธอ
ปุริมปรัชญ์ขยับตัวขึ้น ใช้แขนยันกายอย่างงุนงง ดวงตาเรียวยังไม่ปรับรับแสง แต่ก็เพียงพอจะเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ปลายเตียง กอดผ้าห่มแน่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างหวาดหวั่น
“เธอเป็ไร?” เขาถามเสียงแหบพร่า ขมวดคิ้วนิด ๆ เมื่อมองเธอที่ดูเหมือนกำลังเสียขวัญ
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอถามเสียงสั่นพลางกวาดตามองรอบห้องอย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉัน... เป็คนพาเธอมาเอง”
เขาตอบตรง ๆ แต่เสียงเริ่มนิ่งลงเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเธอน่าจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ มือหนาดึงชายผ้าห่มอีกด้านมาปิด่ล่างของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เธอใไปมากกว่านี้
“นายข่มขืนฉันเหรอ?” ภาวรรณวรางค์ถามเสียงกระซิบ แต่คำถามกลับราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจของเขา
“ฉันไม่ได้ข่มขืนเธอ!” ปุริมปรัชญ์พูดเสียงเข้มแต่ยังควบคุมอารมณ์ ดวงตาจริงจัง เธอดูเหมือนกำลังเค้นความทรงจำของเมื่อคืนออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ภาวรรณวรางค์หลุบตาลง พยายามประมวลทุกอย่างในหัว แต่ก็เหมือนช่องว่างขนาดใหญ่ไม่มีวันถูกเติมเต็มได้ เธอยกมือขึ้นขยี้ศีรษะตัวเองแรง ๆ อย่างคนสติจะแตก
“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!” เขาใ รีบเอื้อมมือมาห้ามแต่ก็ชะงักเพราะตัวเองก็ไม่ได้สวมอะไร
“ฉัน... จำอะไรไม่ได้เลย...” เธอพูดเสียงแ่ ก่อนจะหยุดขยี้หัวและเงยหน้าขึ้นมองเขา มือยังกำเส้นผมบนหัวของตัวเองอยู่ สีหน้าสับสนเต็มไปหมด ดวงตาแดงรื้น ขณะที่สายตาเหลือบเห็นเสื้อผ้าเกลื่อนเต็มพื้นห้อง
มองไปรอบห้องอีกครั้งเห็นเสื้อผ้าทั้งของเธอและของเขาเกลื่อนอยู่ทั่วห้อง หลักฐานชัดขนาดนี้ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้แล้วว่า ข้าวสารกลายเป็ข้าวสุกไปแล้ว
“นาย... หันไปทางอื่นก่อน” เธอพูดพร้อมขยับตัวลงจากเตียงอย่างระแวดระวัง
“เห้ย!!! อย่าดึงสิ!”
ปุริมปรัชญ์อุทาน เมื่อผ้าห่มที่เขาคลุมไว้ถูกรั้งไปพร้อมกับเธอ เขารีบคว้าหมอนขึ้นมาปิด่ล่างอย่างลนลาน
“ก็เอาหมอนไปปิดไว้ก่อนนั่นแหละ!” เธอพูดโดยไม่มองหน้าเขา “นายก็อย่าหันมานะ!”
“อือ...” เขารับคำในลำคอ หันหน้าไปมองทางหน้าต่างที่มีม่านหนาปิดไว้ แสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาบอกเขาว่าตอนนี้น่าจะสายมากแล้ว
“เสร็จยัง?” เขาถามหลังจากผ่านไปหลายนาที
“เสร็จแล้ว... อย่าเพิ่งหันมา” เสียงของเธอดูมั่นคงขึ้นเล็กน้อย
“อะไรของเธอเนี่ย...” เขาบ่นเบา ๆ แต่ไม่ได้หันกลับไป
“ก็นายโป๊ไง ฉันจะออกไปก่อน”
“อือ...” เขาพยักหน้าอีกครั้ง
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้าเบา ๆ ที่เดินห่างออกไป
ปุริมปรัชญ์ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาจัดการตัวเองพักหนึ่งแล้วจึงออกมาสวมเสื้อผ้า
เมื่อเปิดประตูออก เขาเห็นเธอยืนอยู่หน้าห้อง กำลังเดินไปมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง
ภาพหญิงสาวที่อยู่ในเสื้อยืดธรรมดา ผมยุ่งเล็กน้อยจากการนอน แต่ยังคงสวยจนแทบลืมหายใจ มันทำให้เขาเผลอคิด
คนที่เพิ่งตื่นสวยได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ
เธอยืนอยู่กลางห้องอย่างคนที่ยังไม่หายจากความสับสน ภาวรรณวรางค์ มีผิวขาวนวลเนียนราวกับผิวกระเบื้องเคลือบ แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านกระทบผิวเธอยิ่งขับให้ดูโดดเด่น
ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนเป็ลอนหลวม ๆ แม้จะยุ่งนิด ๆ จากการนอน แต่กลับดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งเมื่อประกอบกับชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีดำที่เธอสวมอยู่
ชุดนั้นเผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนและไหล่บาง ๆ อย่างจงใจ สายไขว้เป็ตัว X ที่รั้งไว้เพียงนิดเดียวดูราวกับจะหลุดออกได้ทุกเมื่อ และความยาวของกระโปรงที่สั้นจนเผยให้เห็นขาเรียวสวยของเธอ ยิ่งทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอ
เธอกำลังเดินไปเดินมาในห้อง ถือกระเป๋าไว้ข้างหนึ่ง และรองเท้าเพียงข้างเดียวอีกข้างในมือ สายตากวาดไปรอบห้องเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง
“หาอะไรอยู่?” ปุริมปรัชญ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่แววตาไม่อาจละจากเธอได้
“รองเท้า... เจออยู่ข้างเดียว” เธอตอบทั้งที่สายตายังมองไปรอบ ๆ บริเวณห้องของเขา
เขากวาดตามองไปรอบห้องเพียงครู่ ก็ชี้ไปทางใต้โต๊ะซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับประตูห้อง
“โน่นไง”
ภาวรรณวรางค์หันตามนิ้วเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินพุ่งไปคว้ามันมา เธอจัดแจงสวมรองเท้าให้เรียบร้อย เช็คสภาพตัวเองผ่านกระจกเงาที่อยู่ตรงมุมห้อง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตู หวังจะจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“เดี๋ยว” เสียงทุ้มเรียบนิ่งของเขาหยุดฝีเท้าเธอได้ทันควัน
ภาวรรณวรางค์หันขวับกลับไปมอง “อะไร?”
“เธอจะกลับแล้วเหรอ?”
“ใช่ จะอยู่ทำไมล่ะ? ฉันยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ามาที่นี่ได้ยังไง”
“บอกก่อนนะ...” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “ฉันไม่ได้บังคับเธอมา”
เธอเลิกคิ้ว มองเขาด้วยสายตานิ่งเฉียบ ก่อนจะจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด “เหรอ”
“จริง ๆ แล้วเธอเต็มใจ... ที่จะมากับฉัน” เขาพูดดวงตาจับจ้องที่เธอแน่วแน่ แม้จะรู้ว่าคำพูดนั้นอาจทำให้เธอไม่พอใจก็ตาม
“จิ๊” เธอจิกตาส่งมาพร้อมกับเสียงจิ๊ปาก
“จริง ๆ เธอเต็มใจมากับฉัน”
“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องย้ำซ้ำไปซ้ำมา” เธอพูดตัดบทเร็วปรื๋อ “แค่นี้ใช่ไหม ฉันจะไปแล้ว”
เธอหันหลังกลับ หวังจะก้าวออกจากห้องไปอย่างไม่เหลียวหลัง แต่ในใจของปุริมปรัชญ์กลับยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
เขาพยักหน้ารับช้า ๆ แม้ปากจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในหัวกลับวุ่นวายไปหมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้