สืออีถูกส่งไปยังห้องที่ถันถั่นเคยอาศัยอยู่
เนื่องจากเสียเืมาก ใบหน้าของเขาจึงซีดเซียวและอ่อนแอเป็อย่างยิ่ง เขาจึงทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงให้เวินซีรักษา
เวินซีจงใจเลือกจุดฝังเข็มที่เ็ปที่สุด นางปักเข็มเงินลงไปและเงยหน้าดูการตอบสนองของเขา
เขามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาโดดเดี่ยว ไม่ขยับเขยื้อน หากมิได้มีการกะพริบตาบ้าง คงเป็ดั่งหุ่นไม้เชิดจริงๆ
ร่างกายของเขาดูไร้ชีวิตและิญญา บรรยากาศทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความอึดอัดและแสนหดหู่
ทุกคนรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น จึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดอันใดในเวลานี้
“คุณหนูเวินซี ยาต้มเสร็จแล้วขอรับ”
เสียงของจ่างกุ้ยดังเข้ามา ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออก
จ่างกุ้ยถือถ้วยยาสมุนไพรเข้ามาด้วยความนอบน้อม
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเวินซีและยื่นยาให้
เวินซีมิได้รับไป แต่หลีกทางออกให้จ่างกุ้ยเดินเข้ามาใกล้ๆ สืออี
“จ่างกุ้ย รบกวนด้วยล่ะ” นางพูดเสียงนิ่ง
“ไม่รบกวนขอรับ ไม่รบกวน”
เขาเข้าใจความหมายของนาง จ่างกุ้ยพยุงสืออีขึ้น นั่งลงที่ข้างเตียงและป้อนยาให้
สืออีเหลือบมองยาอย่างเฉยเมย พลันมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างอีกครา
เขามิได้ดื่มยาในช้อนที่จ่างกุ้ยส่งเข้าปาก
“คุณชายสืออี ดื่มเถิดขอรับ นี่เป็ยาชั้นดี สามารถทำให้คุณชายหายดีได้อย่างรวดเร็ว” จ่างกุ้ยพูดอย่างอดทน น้ำเสียงราวกับเกลี้ยกล่อมเด็ก
แต่สืออีก็ไม่ตอบสนองใดๆ
“คุณชายสืออี?” จ่างกุ้ยเรียกชื่อเขาอีกรอบอย่างไม่ยอมแพ้
เขายังคงนิ่งเฉย
เมื่อเห็นสีหน้าที่หมดอาลัยตายอยากของเขา ความโกรธภายในใจของเวินซีก็พลุ่งพล่านขึ้น นางหยิบยาจากมือของจ่างกุ้ยพลันเททิ้งลงพื้น
“หากไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม ต่อไปเ้าจะทำอันใดข้าจะไม่ห้าม น่าสงสารถันถั่นจริงๆ ที่ทุ่มเทเพื่อเ้า เ้าไม่คู่ควรที่จะเป็พี่ชายของนางสักนิด”
“คุณหนูเวินซี...” สืออีมีน้ำเสียงเศร้า เขาหันกลับไปมองเวินซี แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“งานศพของถันถั่นก็ต้องจัด แค้นก็ต้องชำระ ข้าไม่มีเวลามาเสียไปกับเ้า ข้าไปก่อนล่ะ” หลังจากที่เวินซีพูดจบก็หันหลังเดินจากไป โดยมีทหารลับในห้องติดตามไปด้วย
จ่างกุ้ยเหลือบมองสืออี พลันถอนหายใจ เขาเดินออกไปด้วยเช่นกัน
เหลือสืออีอยู่เพียงคนเดียวภายในห้อง เขาลดสายตาลง หยิบจี้หยกที่อยู่ในอกออกมา น้ำตาก็พลันไหลออกมาอย่างไม่อาจหักห้าม
......
ที่ลานเรือน ศพทั้งหมดถูกจัดการด้วยผงสลายกระดูก ส่วนทหารลับก็พากันจัดการรอยเืบนพื้น
ร้านเปิดทำการตามปกติ ลูกค้าพูดคุยกันและเข้าๆ ออกๆ หากมิใช่ว่าเวินซีไม่ได้ยินเสียงของถันถั่นอีกแล้ว ก็คงคิดว่าเื่เมื่อวานนั้นฝันไป
เื่จัดการศพของถันถั่นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ศพของนางถูกนำไปฝังที่สุสานในแถบชานเมืองในตอนกลางคืน หลังจากที่เวินซีตรวจดูร้านเสร็จแล้วก็รีบตรงไปที่สุสาน
แต่ยังไม่ทันได้ออกไปไกล นางก็พบกับฮูหยินซ่ง จ้าวต้าน เอ้อเอ้อร์ ซันซานและต้วนจิงเย่ นางพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ แล้วเดินไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“พี่สะใภ้เ้าคะ”
“พี่สะใภ้”
เอ้อเออร์และซันซานทักทายนางอย่างมีความสุข
เวินซีคลี่ยิ้ม ลูบศีรษะพวกเขาเบาๆ “เอ้อเอ้อร์ซันซาน กลับบ้านไปก่อนได้หรือไม่? พี่ยังมีเื่ต้องทำ เดี๋ยวพี่กลับมาเล่นด้วย”
“เ้าค่ะ” เอ้อเอ้อร์อารมณ์ดีจึงพาซันซานวิ่งกลับไปที่ร้านเครื่องหอม
เมื่อเด็กๆ ไม่อยู่ ทุกคนก็มีสีหน้าอึมครึมลงทันใด
“ข้าเคยได้ยินเื่ของถันถั่นจากจ้าวต้านแล้ว เ้าอย่าได้ทุกข์ใจไป เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้า” ฮูหยินซ่งเดินเข้าไปหาเวินซี ดึงมือนางมาปลอบโยนเสียงเบา
เวินซียิ้มพยักหน้า แต่แววตาของนางยังคงไร้ความรู้สึก
“ฮูหยินซ่งเ้าคะ เหตุใดเมื่อวานจ่างกุ้ยกับถันถั่นถึงกลับมาล่ะเ้าคะ?” ความสงสัยนี้ยังค้างคาอยู่ในใจมานาน นางจึงเอ่ยปากถาม
เมื่อต้องพูดถึงเื่นี้ ฮูหยินซ่งก็ถอนหายใจยาว
“เมื่อวานตอนที่ไปถึงจวนซ่ง นางก็นึกได้ว่าไม่ได้เอาถุงหอมที่ปักไว้มาด้วย นางอยากจะกลับไปเอา ข้าได้บอกนางว่าค่อยเอาวันพรุ่ง แม้ว่านางจะตกลงแล้ว แต่เมื่อเข้าไปในจวน นางกลับถือโอกาสตอนที่พวกเรามิได้สังเกตเห็น พาจ่างกุ้ยแอบกลับไป”
“ทราบแล้วเ้าค่ะ” ไม่คิดเลยว่าจะเป็เพราะถุงหอมเล็กๆ เพียงเท่านั้น เวินซียิ่งไม่พอใจมากขึ้น
ถุงหอมที่จะปักให้สืออี จนตายนางก็ทำไม่เสร็จ
“คุณหนูเวินซี ทุกคนต่างมีชะตากรรมเป็ของตนเอง ในเมื่อเื่มันเกิดขึ้นแล้ว เ้าก็ปล่อยวางเสียเถิด เ้าหนูถันถั่นคงไม่อยากให้พวกเ้าต้องเสียใจเพราะนาง” ฮูหยินซ่งตบหลังมือของเวินซีเบาๆ
“เ้าค่ะ ขอบพระคุณฮูหยินซ่งเ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” เวินซีตอบด้วยเสียงอ่อนโยน
“ในเมื่อมาที่นี่แล้ว เรามาคุยเื่ที่ต้องทำกันเถิด เสร็จแล้วค่อยไปหาถันถั่น” จ้าวต้านพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนจึงไปที่ร้านหม้อไฟ และเปิดห้องอาหารที่นั่นเพื่อความปลอดภัย
หม้อไฟเดือดปุดส่งกลิ่นหอมคลุ้งในห้อง ขณะที่แต่ละคนรู้สึกหนักอึ้งในใจและมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีผู้ใดขยับตะเกียบ
“วันนี้จวนตระกูลเวินถูกขายออกไปแล้ว เป็คนตระกูลโจวที่ซื้อไป สองคนพ่อลูกตระกูลเวินหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ที่ออกมารับเงินเป็ฮูหยินซูเถ้าแก่ของซุ่ยเฟิงโหลว”
“ก่อนหน้านี้ฮูหยินซูก็ขายธุรกิจทิ้งเช่นกัน เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็เงิน คนภายในร้านของนางก็ออกไปนอกเมืองแล้ว ดูท่าว่านางเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปเช่นกัน”
ฮูหยินซ่งเป็ฝ่ายพูดเื่ที่ตนเองรู้ทั้งหมดออกมาก่อน
การที่คนพวกนี้ออกจากเมืองไปเป็สิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว เวินซีมิได้แปลกใจ นางหยิบชาบนโต๊ะขึ้นมา จิบไปหนึ่งคำและฟังคนอื่นพูดต่อ
“เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอึกทึกมาก เื่นี้น่าจะไปถึงหูของฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้หาแม่ทัพต้านมานานแล้ว ในที่สุดก็มีข่าวคราว เขาน่าจะส่งนักฆ่ามาแล้วเป็แน่ เราจะอยู่ในเมืองนี้ต่อไปมิได้ มิฉะนั้นจะนำความเดือดร้อนมาสู่ผู้คนในเมืองด้วย” ต้วนจิงเย่พูด
ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วย
“เราจัดการเื่นี้ให้เสร็จแล้วรีบออกไปเถิด” เวินซีกล่าว
“จากเมืองหลวงมาถึงเมืองนี้ใช้เวลาห้าวัน หากเดินทางทั้งวันทั้งคืนจะใช้เวลาสามวัน คุณหนูเวินซี เราต้องจัดการเื่ทั้งหมดให้เสร็จภายในสามวันขอรับ” ต้วนจิงเย่พูดนิ่งๆ
“ได้” เพราะว่าไม่มีอันใดต้องจัดการมากนัก เวินซีจึงตอบตกลงทันที
“ฮูหยินซ่ง เื่เอ้อเอ้อร์กับซันซาน ต้องรบกวนด้วยนะขอรับ” จ้าวต้านหันข้างไปมองฮูหยินซ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็เกียรติที่ได้รับใช้แม่ทัพต้านเ้าค่ะ” ฮูหยินซ่งตอบรับ “ไม่ทราบว่าแม่ทัพต้านจะเดินทางไปที่ใดหรือเ้าคะ?”
“เมืองซู่เหอ” จ้าวต้านพูดอย่างใจเย็นพลางเล่นกับถ้วยชา
เมืองซู่เหออยู่ห่างจากเมืองนี้ไป ใช้เวลาเดินทางสี่วัน เป็เมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในระยะร้อยลี้
เมืองซู่เหอมีทางเดินน้ำที่ล้ำหน้า สามารถไปถึงแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงได้โดยตรง ที่นั่นมีการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับเมืองหลวงบ่อยครั้ง ทั้งยังเป็เมืองที่โจวอวี่ชางและยียีอยู่ด้วย ทั้งสองจะรอรับพวกเรา
“เ้าค่ะ แม่ทัพต้าน คุณชายต้วน เวินซี พวกท่านสามคนจะออกเดินทางแล้ว อย่าลืมบอกข้านะเ้าคะ ข้าจะไปพบ” ฮูหยินซ่งพูดอย่างเบิกบาน
“ฮูหยินซ่ง หากข้าไปแล้ว การแข่งขันทำเครื่องหอมนั่น...” เมื่อนึกถึงรางวัลที่หายไป เวินซีก็เป็กังวล
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเอง เ้าวางใจเถิด หวังว่าเราจะได้เจอกันที่เมืองหลวงนะ”
“เ้าค่ะ”
......
เมื่อคุยกันพอประมาณแล้ว ทั้งสี่คนก็เริ่มขยับตะเกียบ หลังจากที่ทานไปเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังชานเมือง