ในวันต่อๆ มาที่หมี่หลันเยว่ได้เข้ามาอยู่ในห้องเรียนนี้ เธอจึงเข้าใจเสียทีว่าทำไมถึงต้องเป็พี่ชายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ยืมหนังสือการ์ตูนมาอ่านได้ ที่แท้เด็กผู้ชายมักจะซุกซน ทำหนังสือขาดหรือเปรอะเปื้อนอยู่เสมอ แต่หมี่หลันหยางนั้นเป็ที่เคารพในหมู่เด็กผู้ชายเ่าั้ ครูหวังจึงมอบสิทธิ์พิเศษนี้ให้เขาแต่เพียงผู้เดียว กลายเป็การมอบหมายหน้าที่ให้พี่ชายเป็ผู้พิทักษ์หนังสือการ์ตูนไปโดยปริยาย
เมื่อเห็นหนังสือการ์ตูนที่ใกล้จะขาดวิ่นเ่าั้ หมี่หลันเยว่ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา ในเมื่อเธอยังเด็ก การจะช่วยเหลือครอบครัวก็ควรเริ่มจากเื่เล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน ฐานะทางบ้านเป็ตัวกำหนดหลายๆ อย่าง ถ้ามีเงินอยู่ในมือเสียก่อน เธอก็จะสามารถตัดสินใจก้าวต่อไปได้
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว หมี่หลันเยว่ก็เริ่มอยู่ไม่สุข เธอเริ่มลงมือทำจริงจัง โดยในทุกคืน เธอจะเล่านิทานให้หลันซิงฟัง แม้จะเล่าได้ตะกุกตะกัก ฟังไม่ค่อยรู้เื่ แต่ก็พอจะจับใจความได้บ้าง และสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ การกระทำนี้ได้ดึงดูดความสนใจของหมี่จิ้งเฉิงและหวังหย่วนฉิงเข้า
"หลันเยว่ ลูกไปฟังนิทานพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?"
ถ้านิทานพวกนี้มาจากที่ครูหวังเล่า ก็ไม่น่าจะสะเปะสะปะไร้ทิศทางขนาดนี้ อีกทั้งลูกชายคนโตก็จะกลับมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ แต่นี่กลับไม่เคยได้ยินจากปากลูกชายคนโตเลย
"จากหนังสือการ์ตูนค่ะ ในหนังสือการ์ตูนมีนิทานเยอะแยะเลย แต่หนูอ่านตัวหนังสือในหนังสือการ์ตูนไม่หมด ถ้าหนูอ่านออกทั้งหมด หนูจะเล่านิทานให้หลันซิงฟังได้สนุกกว่านี้อีกค่ะ"
หมี่หลันเยว่ยิ้มอย่างใสซื่อกับหวังหย่วนฉิง แต่ในใจกลับรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายยังเล็กเกินไป ฟังอะไรไม่รู้เื่ เธอคงไม่กล้าทำลายสติปัญญาของน้องชายอย่างบุ่มบ่ามขนาดนี้
"หนังสือการ์ตูนเหรอ หลันเยว่อ่านออกด้วยเหรอ?"
จากท่าทางที่ลูกสาวเล่านิทาน เธอน่าจะพออ่านออกบ้าง แต่รายละเอียดคงไม่เป๊ะนัก เพราะมีหลายตอนที่ลูกสาวแต่งเติมเสริมแต่งไปเอง แต่แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว ลูกสาวเพิ่งจะสามขวบกว่าๆ เท่านั้นเอง
"หลันเยว่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนขนาดนี้ เดี๋ยวแม่ซื้อมาให้หนูอ่านที่บ้านบ้างดีไหม?"
ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ทำให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ หวังหย่วนฉิงก็พร้อมจะจ่ายอย่างไม่เสียดาย เธอคิดว่าที่ลูกสาวบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก ก็เลยเล่านิทานได้ไม่รู้เื่ ถ้าอาศัยหนังสือการ์ตูน จะช่วยให้ลูกสาวอ่านหนังสือได้คล่องขึ้นหรือไม่นะ
เธอไม่รู้ว่ากำลังโดนลูกสาววางแผนหลอกอยู่ นี่คือสิ่งที่หมี่หลันเยว่้า เธออยากให้แม่ซื้อหนังสือการ์ตูนมาให้ ถือเป็การลงทุนระยะแรก เธอจะหาทางทำกำไรคืนให้ได้ในอนาคต อีกทั้งหนังสือการ์ตูนเหล่านี้ยังไงเสียที่บ้านก็ต้องซื้ออยู่แล้ว เธอแค่ทำให้แผนการนี้เร็วขึ้นหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นเอง
"ขอบคุณค่ะแม่ หนูจะดูแลอย่างดี แล้วก็จะตั้งใจอ่าน เล่าให้หลันซิงฟังค่ะ"
หวังหย่วนฉิงได้ยินลูกสาวรับปาก ก็รู้สึกดีใจเป็ธรรมดา ถ้าการเสียเงินเพียงเล็กน้อยจะทำให้ลูกสาวได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายขึ้น แถมลูกชายคนเล็กยังได้รับประโยชน์ไปด้วย แบบนี้ถือเป็กำไรเห็นๆ เพราะความรู้ที่ซื้อได้ด้วยเงินนั้น ถูกแสนถูก
หวังหย่วนฉิงพูดคุยเื่นี้กับหมี่จิ้งเฉิง แล้วก็ออกไปกว้านซื้อหนังสือการ์ตูนตามท้องตลาด แม้ว่าเธอจะอยากสนับสนุนความอยากเรียนรู้ของลูก แต่ก็อยากจะประหยัดเงินให้มากที่สุด เพราะเงินทองไม่ได้หามาง่ายๆ ครอบครัวของเธอยังต้องกินต้องใช้อีกเยอะ ดังนั้นเธอจึงไปที่ร้านหนังสือซินหัว แล้วให้คนรู้จักช่วยซื้อหนังสือการ์ตูนลดราคามา
หนังสือลดราคา คือหนังสือที่วางขายมาสักพักแล้ว แต่ขายไม่ออก ทางร้านจึงประทับตราราคาพิเศษ ลดราคาขายออกไป แต่จริงๆ แล้วหนังสือเ่าั้ยังใหม่เอี่ยม ทำให้หวังหย่วนฉิงดีใจเป็อย่างยิ่ง เพราะการซื้อหนังสือราคาพิเศษต้องอาศัยโชคช่วย ไม่ได้มีมาให้ซื้อได้ตลอดเวลา แม้จะซื้อมาได้แค่หกเจ็ดเล่ม เธอก็พอใจแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไปซื้อหนังสือเก่าที่ร้านขายหนังสือมือสองมาได้อีกแปดเล่ม เ้าของร้านกลัวว่าหนังสือการ์ตูนเก่าๆ แบบนี้ ถ้าให้เช่าอีกไม่กี่ครั้งคงจะพังหมด ดังนั้นจึงสู้ขายออกไปตอนที่มันยังดูดีอยู่ดีกว่า แล้วเอาเงินไปซื้อหนังสือใหม่เข้ามาเปลี่ยนหมุนเวียน หนังสือต้องมีอะไรใหม่ๆ มาให้ดูบ้าง ถึงจะมีคนมาเช่า
เมื่อเห็นว่าแม่หอบหนังสือการ์ตูนกลับมาเป็สิบเล่ม หมี่หลันเยว่ก็ตื่นเต้นแทบคลั่ง เธอคิดว่าถ้าเป็ไปตามความเร็วแบบนี้ อีกไม่นานก็น่าจะสะสมได้ครบห้าสิบเล่ม ถ้ามีจำนวนเท่านี้ เธอก็จะสามารถตั้งแผงหนังสือเล็กๆ ได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็จะรับทรัพย์กันให้รวยไปเลย
ธุรกิจหนังสือการ์ตูน ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น กำไรยังไม่มากนัก แต่ในอีกหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า ธุรกิจนี้จะได้รับการยอมรับมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายก็จะขยายใหญ่ขึ้น แม้แต่หนุ่มๆ อายุสิบเจ็ดสิบแปดบางคนยังชอบไปนั่งอ่านหนังสือที่แผงหนังสือเล็กๆ เหล่านี้เลย ธุรกิจเล็กๆ ของเธอ จะเริ่มต้นใน่เวลาที่รุ่งเรืองที่สุดนั้น
ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อทำธุรกิจหาเงินเท่านั้น ในใจของหมี่หลันเยว่ยังมีสิ่งที่หวังอยู่อีกอย่าง นั่นคือการสะสมหนังสือการ์ตูนเหล่านี้ให้มากที่สุด เพราะในอีกยี่สิบปีข้างหน้า มูลค่าของมันจะสูงเกินจินตนาการ หนังสือการ์ตูนราคาห้าหกเฟินต่อเล่ม จะมีราคาสูงขึ้นเป็พันเป็หมื่นเท่า
แม้จะไม่ใช่ทุกเล่มที่จะเป็แบบนั้น แต่ก็คุ้มค่าเกินราคาไปมากแล้ว และยังมีหนังสือหายากบางเล่มที่มีราคาสูงลิ่วจนน่าใ หมี่หลันเยว่ไม่ได้คิดจะขายมันเพื่อทำกำไรในตอนนั้น เธออยากจะเก็บรักษามันไว้ เพื่อมอบเป็มรดกทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจให้แก่ลูกหลานของเธอในอนาคต
"หลันเยว่ ลูกอ่านหนังสือใหม่พวกนี้ไปก่อนนะ แม่จะจัดการหนังสือเก่าๆ พวกนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเอาให้ลูกอ่าน ไม่งั้นมันจะพังหมด"
แต่หลันเยว่ไม่ยอมไปไหน เธอมองแม่ที่กำลังห่อปกหนังสือเล่มใหม่ให้หนังสือเ่าั้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังเขียนชื่อหนังสือสวยๆ วาดภาพประกอบ หนังสือการ์ตูนเก่าๆ ขาดๆ จึงดูสวยงามขึ้นมา
ั้แ่นั้นมา หมี่หลันเยว่ก็เหมือนติดหนึบอยู่กับหนังสือการ์ตูนเ่าั้ เธอตามแม่ต้อยๆ ให้แม่ฟังเธอเล่านิทาน แถมยังชี้รูปภาพที่ไม่เข้าใจให้แม่ดู ให้แม่อ่านตัวหนังสือข้างใต้ให้ฟัง แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ในอีกครึ่งปีต่อมา หวังหย่วนฉิงก็พบว่าลูกสาวของเธอแทบจะอ่านตัวหนังสือในหนังสือการ์ตูนได้ทั้งหมดแล้ว
หวังหย่วนฉิงรู้สึกประหลาดใจกับความฉลาดและความจำของลูกสาวมาก ต้องรู้ว่าตัวหนังสือมากมายขนาดนี้ แม้จะเป็คำที่ใช้บ่อย แต่ถึงจะขึ้นไปอยู่ชั้นประถมสามสี่แล้วก็ใช่ว่าจะอ่านได้ทั้งหมด แต่ลูกสาวของเธอเพิ่งจะอายุสี่ขวบเท่านั้น ความสามารถในการอ่านหนังสือได้ขนาดนี้ ทำให้เธอประหลาดใจยิ่ง
บางที ลูกสาวอาจจะทุ่มเทความพยายามในการอ่านหนังสือมากขนาดนี้ ก็เพราะความชื่นชอบในหนังสือการ์ตูน เื่ราวในหนังสือทำให้เธอหลงใหล และเพื่อที่จะอ่านเื่ราวเ่าั้ให้เข้าใจ เธอจึงอ่านหนังสือได้เร็วขนาดนี้ นี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ
จุดประสงค์เดิมของหวังหย่วนฉิงในการซื้อหนังสือการ์ตูนให้ลูกสาว ก็เพื่ออยากให้ลูกสาวอ่านหนังสือได้คล่องขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเกินความคาดหมาย เธอตัดสินใจแล้วว่าจะหาหนังสือมาให้ลูกสาวอ่านเยอะๆ ให้ลูกสาวได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้นในระหว่างที่สนุกสนาน แบบนี้ดีกว่าการท่องจำอย่างเดียวในโรงเรียนเยอะ
เมื่อมองดูลูกสาวตัวน้อยๆ นอนคว่ำอยู่บนเตียง ข้างซ้ายมีพี่ชาย ข้างขวาคือน้องชาย เธอกำลังเล่านิทานอย่างสนุกสนาน แถมยังชี้ตัวหนังสือในหนังสือการ์ตูนถามพี่ชายอยู่เป็พักๆ ถ้าพี่ชายตอบถูก เธอก็จะชมเชยสองสามคำ ถ้าพี่ชายตอบไม่ได้ เธอก็จะอธิบายให้พี่ชายฟังนานๆ ให้จำตัวหนังสือตัวนั้นให้ได้
ลูกสาวเล่าอย่างตั้งใจ พี่ชายฟังอย่างละเอียด หวังหย่วนฉิงก็รู้สึกขึ้นมาว่าเหมือนแม่กำลังสอนลูก เธออดไม่ได้ที่จะใจสั่น จริงสิ ่นี้ดูเหมือนลูกสาวจะเป็คนสอนการบ้านให้พี่ชายเสียมากกว่า ตัวเธอเองไม่ได้สอนลูกมานานแล้ว แบบนี้ดูแปลกๆ หรือเปล่านะ แต่ทุกอย่างก็ดูราบรื่นดีนี่นา
วันเวลาผ่านไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า เมื่อพี่ชายขึ้นชั้นประถมหนึ่ง หมี่หลันเยว่ก็อายุห้าขวบแล้ว ในปีนี้ หนังสือการ์ตูนในบ้านของเธอสะสมได้ถึงหกสิบสองเล่ม ทำให้เธอตื่นเต้นเหลือเกิน ส่วนพี่ชายที่ขึ้นชั้นประถมหนึ่ง ก็อายุแปดขวบแล้ว ดูเป็ผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง
"พี่คะ ่นี้การบ้านพี่เยอะไหม ถ้าทำช้าหน่อย พี่จะทำเสร็จหรือเปล่าคะ?"
หมี่หลันเยว่ดึงแขนเสื้อพี่ชาย สีหน้าดูประหม่าเล็กน้อย แผนการใหญ่ในการทำธุรกิจของเธอ กำลังจะเริ่มขึ้นจากตอนนี้ แต่ไม่รู้ว่าการเริ่มต้นจะเป็ไปด้วยดีหรือไม่
"น้องจะทำอะไรหรือ?"
ไม่รู้ว่าน้องสาว้าทำอะไร ไม่รู้ว่าจะทำให้เสียเวลาของตัวเองไปเท่าไหร่ หมี่หลันหยางไม่กล้าตอบตกลงง่ายๆ ต้องถามให้ชัดเจนก่อน เพราะตัวเองเพิ่งจะเข้าเรียน ต้องทำตัวให้ดีๆ
เพราะได้อ่านหนังสือการ์ตูนกับน้องสาว ทำให้หมี่หลันหยางอ่านหนังสือออกเยอะมาก ดังนั้นพอเข้าเรียนชั้นประถม ก็ได้เป็หัวหน้าห้องอย่างไม่ต้องสงสัย เื่นี้ทำให้เขารู้สึกภูมิใจมาก และเขาก็อยากจะรักษาตำแหน่งของตัวเองในห้องเรียนไว้ตลอดไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใจอ่อน ทำให้ความพยายามของตัวเองสูญเปล่าได้
"คืออย่างนี้ค่ะ พี่...บ้านเราสะสมหนังสือการ์ตูนไว้เยอะมากเลย แต่พวกเราอ่านกันหมดแล้ว หนูเลยอยากจะไปตั้งแผงหนังสือเล็กๆ เดี๋ยวนี้เพื่อนๆ ชอบเช่าหนังสืออ่านกันเยอะแยะเลยค่ะ แล้วก็...หนูไม่ได้อยากจะหาเงินอย่างเดียวนะคะ หนูอยากอ่านหนังสือการ์ตูนให้ได้เยอะขึ้นด้วยค่ะ"
"อยากอ่านหนังสือการ์ตูนให้ได้เยอะขึ้น? แล้วไปตั้งแผงมันเกี่ยวอะไรกับการอ่านหนังสือการ์ตูนด้วยล่ะ?"
หมี่หลันหยางถามกลับมา หมี่หลันเยว่จึงโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูพี่ชายอย่างมั่นใจ
"เกี่ยวสิคะ หนูคิดไว้อย่างนี้ค่ะ"
"พี่ดูสิคะ ถ้าเราตั้งแผงหนังสือ เราก็จะทำให้คนมาอ่านหนังสือได้เยอะขึ้น แบบนี้ก็จะหาเงินได้ พอได้รู้จักคนเยอะขึ้นแล้ว เราก็จะให้คนอื่นเอาหนังสือการ์ตูนที่บ้านมาแลกกับหนังสือที่บ้านเราอ่าน แบบนี้เราก็จะได้อ่านหนังสือการ์ตูนเยอะขึ้น แถมแม่ยังไม่ต้องเสียเงินด้วย พี่ว่าดีไหมคะ?"
ใช่แล้ว วิธีนี้ดีจริงๆ แต่แม่จะยอมหรือเปล่า?
"ถ้าเราสองคนออกไปตั้งแผง แม่ไม่ยอมแน่ๆ"
ฉันก็เลยมาปรึกษาพี่นี่ไงคะ พี่ชายที่แสนซื่อ
"พี่ก็บอกแม่ไปว่า จะไปทำการบ้านที่บ้านเพื่อน แล้วหนูก็จะดื้อตามพี่ไปด้วย แบบนี้เราก็จะแอบหนีออกไปได้ พี่เอาหนังสือการ์ตูนใส่กระเป๋าหนังสือของพี่ไป แม่ไม่สงสัยหรอกค่ะ"
เมื่อได้ฟังวิธีของน้องสาว หมี่หลันหยางก็เริ่มใจอ่อน ทั้งหาเงินได้ ทั้งได้อ่านหนังสือเยอะๆ นับว่าเป็วิธีที่ดี
"งั้น...เราลองดูกันดีไหม?"
เมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มคล้อยตาม หมี่หลันเยว่ก็เร่งเครื่องเต็มที่ จนกระทั่งปลุกให้พี่ชายฮึกเหิมได้สำเร็จ งานเตรียมการเป็ของหมี่หลันเยว่ หมี่หลันหยางมีหน้าที่แค่ไปขออนุญาตจากแม่เท่านั้น
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนก็เริ่มปฏิบัติการ หมี่หลันเยว่กลัวว่าถ้าอยู่ใกล้บ้านมากเกินไป คนรู้จักจะเห็น แล้วเอาไปบอกพ่อแม่ ดังนั้นจึงพาพี่ชายเดินอ้อมไปอีกสองสาม่ตึก ไปยังที่ที่มีคนพลุกพล่านเล็กน้อย ปูผ้าพลาสติกและผ้าขาวที่เตรียมมา แล้วเอาหนังสือการ์ตูนวางลงไป เมื่อเห็นน้องสาวจัดการทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว หมี่หลันหยางก็เบาใจลง
ยังจัดหนังสือไม่เสร็จดี ก็มีลูกค้ามาแล้ว เมื่อได้ยินว่าอ่านหนังสือการ์ตูนได้ในราคาเล่มละหนึ่งเหมา ก็มีคนควักเงินจ่ายทันที หมี่หลันเยว่กำหนดให้พวกเขาอ่านได้แค่ภายในรัศมีไม่กี่เมตรทางด้านขวาของแผง เพื่อความสะดวกในการดูแล เธอมีหน้าที่เก็บเงินให้เช่าหนังสือ ส่วนพี่ชายมีหน้าที่คอยระวังไม่ให้ใครเอาหนังสือไป
คนในยุคนี้ยังซื่อสัตย์อยู่มาก สิ่งที่หมี่หลันเยว่กังวลไม่ได้เกิดขึ้น อากาศในเดือนกันยายนยังดีอยู่ ทั้งสองคนตั้งแผงกันอย่างจริงจังเป็เวลาสามชั่วโมงกว่าๆ จึงเริ่มเก็บของ เพราะกลัวว่าแม่จะเป็ห่วง ทั้งคู่ไม่มีเวลามานั่งนับว่าได้เงินเท่าไหร่ แต่เสียงเงินในกระเป๋าที่ดังกรุ๊งกริ๊งก็ทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะหมี่หลันเยว่ที่ตื่นเต้นที่สุด เพราะถือว่าเป็ก้าวแรกสู่ความสำเร็จของเธอ