ความรักที่ไม่สมหวังนั้น บางครั้งก็เป็ความรักอันแสนบริสุทธิ์ ซึ่งไร้สิ้นซึ่งแรงจูงใจใดๆ
หากได้สารภาพรักออกไปแล้ว ก็มิต่างจากการเปิดเผยซึ่งความรู้สึกรัก และหากถูกปฏิเสธขึ้นมา ความรู้สึกของรักอันบริสุทธิ์ก็อาจมีความรู้สึกอื่นเข้ามาเจือปน
ได้ฟังแบบนี้ เฉินเฟิงก็หัวเราะทั้งน้ำตา
“แล้วเธอคิดว่าฉันต้องทำตัวยังไงดี? จะให้ดีใจหรือโกรธ!”
จากนั้น เฉินเฟิงก็ลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นตามเตียงขึ้นมาใส่ เขาอยากเอาตัวออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด
“ทำไมถามงั้นล่ะ?”
เมื่อเห็นเฉินเฟิงรีบแต่งตัว จางหลิงเจี๋ยก็ถามด้วยรอยยิ้ม
"นี่นายคิดจะกินแล้วชักดาบเหรอ ฮะ จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยว่างั้น? จะปัดความรับผิดชอบจริงๆ เหรอ"
“งั้นฉันต้องทำยังไง?”
เฉินเฟิงหันกลับไปมองจางหลิงเจี๋ยและหลินชิวหยุนอย่างอับจนหนทาง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราเพิ่งจะปีสาม เด็กปีสามเองนะ ฉันกำลังเริ่มต้นธุรกิจและก่อตั้งบริษัท จะให้หาเวลาไหนไปออกเดต!"
“แฟนของฉันกับหลินชิวหยุนเป็พี่น้องฝาแฝด!”
หลินชิวหยุนพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบ
“ตอนนี้เราก็มีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว อย่างน้อยนายก็น่าจะพาพวกเราไปบอกเลิกกับพวกเขาหน่อยไหม ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นพวกฉันคงรู้สึกผิด แล้วก็คงอายมาก ถ้าพวกฉันต้องไปบอกเลิกกันเอง”
หลังจากได้ยินคำพูดหลินชิวหยุน เฉินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งรออยู่ข้างเตียง รอให้สองสาวที่เพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ให้เขาแต่งตัว
แต่หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง เฉินเฟิงไม่เห็นพวกเธอหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่สักที เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า "เสื้อล่ะ เสื้อ ทำไมไม่หยิบขึ้นมาใส่สักที พวกเธอโป๊อยู่นะ!"
“ยังไงพวกเราก็มีความสัมพันธ์ทางกายไปแล้ว ถึงจะเป็เพราะฤทธิ์เหล้าก็เหอะ” เมื่อจางหลิงเจี๋ยได้ยินคำถาม เธอก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักเปี่ยมด้วยเสน่ห์ขึ้นมา "จะให้เห็นอีกสักทีตอนมีสติสักหน่อยจะเป็อะไรไป? ถึงจะเปิดม่านแล้ว แต่แสงก็ไม่ได้สว่างขนาดนั้นหรอก!"
“ใช่ ใช่ ฉันไม่มีแรงเลย แล้วเสื้อฉันอีก ฉันหาไม่เจอเลย นายช่วยหาให้หน่อยได้ไหม!” ทางหลินชิวหยุนเองก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ราวกับดอกไม้เช่นกัน
ช่างมันเหอะ!
เฉินเฟิงรู้ดีว่าไม่สามารถไล่จางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุนได้ในตอนนี้ ไม่งั้นพวกเธอคงอ้างว่าเขาไร้ความรับผิดชอบ
ยังไงคำพูดนั่นก็คงเป็แค่คำพูดลอยๆ เท่านั้นแหละ!
แต่การที่ผู้หญิงสูญเสียครั้งแรกให้กับผู้ชายแล้วบอกว่า ไม่คาดหวังให้รับผิดชอบ มันจะเป็ไปได้ยังไง?
นั่นแหละประเด็น!
เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเธอใช้เรือนร่างอันเปลือยเปล่าล่อลวงเฉินเฟิง!
เหตุผลที่เฉินเฟิงไม่ค่อยอยากจะข้องเกี่ยวกับจางหลิงเจี๋ยและหลินชิวหยุน แล้วยังดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะรับผิดชอบนั้น
เหตุผลหลักมาจากชาติที่แล้ว เพื่อนร่วมชั้นปีแสนสวยสองคนนี้แต่งงานกับลูกน้องที่มีความสามารถในบริษัทเขา!
เฉินเฟิงรับรู้เป็อย่างดีว่าไม่ควรแตะต้องภรรยาของเพื่อน!
แม้ว่าจางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุนจะยังไม่รู้จักลูกน้องในบริษัทของเฉินเฟิงก็ตามที แต่ใช่ว่ามันจะไม่ส่งผลต่อมุมมองที่เขามี
ดูความจริงจังของสองสาวงามในเวลานี้แล้ว เหมือนพวกเธอจะไม่แค่ล้อเล่น
เขาได้แต่จำใจกัดฟันควานหาเสื้อผ้าของพวกเธอด้วยแสงสลัวๆ
เฉินเฟิงไม่รู้แน่ชัดว่าเสื้อตัวไหนเป็ของใครอะไรยังไง จึงต้องคาดเดาขนาดของเสื้อผ้า แล้วใช้ความรู้สึกเทียบกับรูปร่างเอา
หลังจากควานหาอยู่สักพัก ในที่สุดเฉินเฟิงก็เจอและจัดแยกเสื้อผ้าในห้องได้หมด
คราวนี้ก็มาถึง่ที่ยากยิ่งกว่า สวมเสื้อให้พวกหล่อน
เห็นได้ชัดว่าสองสาวจงใจล่อลวงเฉินเฟิง
เพราะถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะกองเสื้อผ้าไว้ให้พวกเธอตรงหน้า แต่พวกเธอก็ไม่ทำอะไร และรอเฉินเฟิงช่วยแต่งตัวให้อย่างเดียว
“ก็หยิบเสื้อผ้าให้แล้วไง วางตามขนาดตัวที่วัดด้วยความรู้สึกน่ะ” เฉินเฟิงที่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจึงนั่งลงที่ขอบเตียง เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ยอมลุกขึ้นมาแต่งตัว เขาก็หัวเราะทั้งน้ำตา "ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก ใจคอจะให้ฉันช่วยแต่งตัวให้จริงๆ เหรอ เอาจริงดิ?"
“ฮ่าๆ เราก็เป็แบบนี้แล้ว มัวลังเลอะไรอยู่? ยังเป็ลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?” จางหลิงเจี๋ยยิ้มเย้ายวนเสน่หา แล้วทันใดนั้น เธอก็ดึงเฉินเฟิงเข้าไปใกล้ และพยายามถอดเสื้อผ้าของเขาออกอีกครั้ง!
"จะทำอะไร?!" เฉินเฟิงใมาก
“จะอะไรอีกนอกจาก?” จางหลิงเจี๋ยกระโจนเข้าตะครุบเฉินเฟิงพร้อมส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง “เอาเป็ว่าวันนี้ไม่มีอารมณ์ไปมหาลัยเลยอะ ฉันอยากพักที่โรงแรมต่อ!”
“เอาด้วยๆ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายคิดจะไปโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลยจริงๆ ต้องโดนลงโทษสักหน่อย เอาให้เหนื่อยจนลุกออกจากเตียงไม่ไหวเลย!” หลังจากเกิดการขัดขืนชั่วครู่ หลินชิวหยุนก็เข้าร่วมในสังเวียนนี้ด้วย
หลังจากนั้น ห้องนอนระดับเพรสซิเดนเชียลสวีทอันกว้างขวางก็ถูกเติมเต็มไปด้วยเสียงครวญครางและเสียงหายใจเหนื่อยหอบ
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง เฉินเฟิงหมดสิ้นเรี่ยวแรงโดยสมบูรณ์ เขานอนอยู่บนเตียงพลางจ้องมองเพดานที่สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง
“คราวนี้จะกล้าหนีความรับผิดชอบอีกไหม?”
ในตอนนี้เอง เสียงหยอกล้อของจางหลิงเจี๋ยและหลินชิวหยุนดังขึ้นจากทั้งซ้ายขวาของเฉินเฟิง
“ข้าน้อยมิบังอาจ ไว้ชีวิตข้าน้อยเถอะ!” เฉินเฟิงรีบร้องขอความเมตตา ในที่สุดเขาก็เข้าใจคำพูดที่ว่าหัวใจของผู้หญิงนั้นยากจะหยั่งถึง
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฮูอวี่ถึงดูเหนื่อยล้ามากเหลือเกินในวันนั้น
กลายเป็ว่าหลังจากได้ลิ้มรสความหวานแล้ว ผู้หญิงจะยิ่งบ้าหนักกว่าผู้ชาย!
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีทุ่งหญ้าใดถูกวัวทำลาย มีแต่วัวต่างหากที่จะเหนื่อยจนตาย
“ฮึ ถ้ายังจะกล้าหนีอีกครั้งนะ น่าดู!” จางหลิงเจี๋ยและหลินชิวหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ก่อนจะค่อยๆ ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
การนอนครั้งนี้กินเวลายาวนานจนถึงสี่โมงเย็น และในที่สุดทั้งสามก็ตื่นขึ้นเพราะปวดฉี่บวกกับความหิว
หลังจากฟื้นตัวจากการพลิกคว่ำไปมากันจนสร่างเมา ในใจของเฉินเฟิงก็ยอมรับได้ในที่สุดว่า ผู้หญิงสองคนนี้คือภรรยาของลูกน้องคนสำคัญในชาติที่แล้ว
ในชาติก่อนที่ถูกจ้าวฉินเสวียทรยศ เขาก็ไม่เคยเชื่อเื่ความรักอีกเลย
นั่นจึงเป็เหตุผลที่เขาโสดจนอายุสี่สิบ กลายเป็เ้าสัวผู้มีมูลค่าทรัพย์สินในกว่าพันล้านหยวน
“ลุกขึ้น ไอ้คนี้เี!” หลินชิวหยุนจับได้ว่าเฉินเฟิงตื่นแล้วชัดๆ แต่แกล้งทำเป็หลับต่อ เธอจึงะโเรียกเขาทันที
“ครับ... ผมผิดไปแล้ว... ได้โปรดหยุดทรมานผมสักที!” เฉินเฟิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินชิวหยุนที่ปกติจะดูเป็คนอ่อนโยนและนิ่งเงียบ เวลาอยู่บนเตียงจะกลายเป็คนดุร้ายยิ่งกว่าคนที่ดูร้อนแรงอย่างจางหลิงเจี๋ยเสียอีก
“จะว่าไป ไอ้เวรฮูอวี่กำลังกระจายข่าวในกลุ่มแชทลับของชั้นปีว่านายเป็คนนอกใจจ้าวฉินเสวียก่อน ด้วยการไปสนิทสนมกับหลิ่วอีอี!”
ได้ยินแบบนี้เข้า เฉินเฟิงซึ่งเมื่อสักครู่กำลังทำหน้าทำตาร้องขอความเมตตาเปลี่ยนเป็จริงจังขึงขังในพริบตา ”ไอ้บ้านั่นไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย!”
หลังจากทำให้ตนเองสดชื่นขึ้น เฉินเฟิงรีบร้อนแต่งตัวเพื่อจะออกไปหาอะไรกิน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินเฟิงออกจากห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทพร้อมหลินชิวหยุนและจางหลิงเจี๋ย ซึ่งทั้งสองก็ทำให้ตนเองดูสดชื่น พร้อมลงเครื่องสำอางแต่งหน้าใหม่หมดแล้ว
เมื่อมาถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์ของโรงแรม เฉินเฟิงพูดกับพนักงานต้อนรับ ”ส่งคนไปทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย ต่อจากนี้ห้องสวีทที่หรูที่สุดเป็ห้องของผม อย่าให้แขกคนอื่นเข้าพักนะ”