บันไดไม้แก่ส่งเสียงดังใต้ฝีเท้าของมาดามเอสเธอร์และผู้บัญชาการ ราวกับกำลังคร่ำครวญถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งหนักอึ้ง ความรู้สึกเย็นะเืแทรกซึมเข้าสู่กระดูก ราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จากมุมมืด
จู่ๆ เสียงฮัมเพลงของหญิงสาวก็ดังแว่วมา ทำนองเพลงเด็กไร้เดียงสา แต่กลับฟังดูน่าขนลุกในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้บัญชาการชะงักฝีเท้า เหลือบมองมาดามเอสเธอร์ เขาพยักหน้า จากนั้นก็ค่อยๆ ย่างสามขุมเงียบๆ ขึ้นไปที่ชั้นสอง
พอถึงปลายบันได ก็เห็นศพสุนัขที่ถูกยึดด้วยเอ็นเืตัวนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ มันมองมาทางทั้งสองด้วยดวงตาสีขุ่นเป็ฝ้า ผู้บัญชาการยกมือขึ้น ชี้ไปทางมัน ทันใดนั้นศพสุนัขตัวนั้นก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ราวกับกาลเวลาไม่เคยไหลผ่าน จากนั้นทั้งสองก็เดินผ่านมันไป มุ่งสู่ห้องที่มีต้นเสียงดังออกมา
บานประตูไม้ ถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าอึดอัด
หญิงสาวในชุดขาวเปื้อนเืนั่งอยู่บนเตียง ข้างกายเธอมีศพของสตรีสองคน ที่คาดว่าจะเป็แม่และพี่สาวของเธอนอนอยู่ ใบหน้าของพวกเธอซีดเซียว แต่กลับมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่ ราวกับกำลังหลับฝันดี
หญิงสาวหยุดฮัมเพลง และช้อนตาขึ้นมองทั้งคู่ ในดวงตาใสกระจ่าง แต่กับแฝงไปด้วยความว่างเปล่า
"มีแขกมาเยี่ยมอีกแล้วสินะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ราวกับกำลังต้อนรับเพื่อนสนิท "เป็พวกคนดี หรือคนเลวกัน?"
มาดามเอสเธอร์ มองหญิงสาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งสงสาร เวทนา และหวาดกลัว พวกเขารู้สึกได้ถึงห้วงอารมณ์ด้านลบ ที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ
"พวกเรา... มาเพื่อช่วยเหลือเธอ สาวน้อย" มาดามเอสเธอร์เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ช่วยเหลือ?" หญิงสาวหัวเราะเบาๆ "พวกแกจะช่วยเหลืออะไรฉันได้?"
"ช่วย... อะไร?" หญิงสาวถาม รอยยิ้มเย็นะเืปรากฏบนใบหน้าของเธอ
"ช่วยจากตัวตนที่ครอบงำเธอ และเื่เลวร้ายทั้งหมดที่เธอได้เจอ" ผู้บัญชาการหนุ่มตอบ
"ไม่!" เธอคำราม พลางแสยะยิ้ม "ฉันไม่้าความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น!"
ทันใดนั้น หญิงสาวก็กระโจนเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว เส้นเอ็นสีเืพุ่งออกมาจากความมืดรอบตัวเธอ ราวกับหนวดรยางค์ บิดตัวไปมา พร้อมที่จะโจมตี บรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนเป็หม่นหมอง เต็มไปด้วยภาพหลอนและเสียงกรีดร้องที่น่าขนลุก พลังงานด้านลบแผ่กระจายไปทั่วห้อง
ผู้บัญชาการหนุ่มใช้พลังกับตนเอง ทำให้การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วยิ่งขึ้น หลบการโจมตีของเส้นเอ็นสีเือย่างเฉียดฉิว เขาคว้าดาบพิเศษคมกริบที่เหน็บอยู่ข้างกายออกมา และพยายามใช้ดาบพิเศษในมือฟาดฟันเส้นเอ็น ด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด แต่เส้นเอ็นเ่าั้กลับงอกขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
แต่แล้วจู่ๆ บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังงานอันมหาศาลและน่าสะพรึงกลัว ถูกปลดปล่อยออกมา ตัวตนที่หญิงสาวทำพันธสัญญาด้วยปรากฏตัวขึ้น
ใบหน้าขนาดมหึมา ประกอบขึ้นจากเส้นเอ็นเืสดๆ ฉีกยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมาที่ผู้บุกรุก
ผู้บัญชาการหนุ่มตระหนักได้ถึงอันตราย เขาตัดสินใจที่จะรับมือกับตัวตนร้าย เขาพุ่งเข้าไปขวางระหว่างหญิงสาวกับใบหน้าเื เพื่อให้มาดามเอสเธอร์มีโอกาสจัดการกับหญิงสาว
"เอสเธอร์! จัดการหญิงสาวคนนั้นซะ!" ผู้บัญชาการหนุ่มะโ
หญิงสาวเห็นดังนั้น ก็เรียกใช้พลังของตัวตนร้าย ศพของมารดาและพี่สาวของเธอลุกขึ้น และเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นเชิด พวกเธอเริ่มโจมตีมาดามเอสเธอร์อย่างรุนแรง
มาดามเอสเธอร์หลับตาลง เพื่อไม่ให้จ้องมองตัวตนที่ลำดับสูงกว่าตนเอง เธอใช้พลังอำนาจของตนเอง ในการหลบหลีกการโจมตี แม้จะหลับตา แต่เธอก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของศพทั้งสองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับมีโชคช่วย แต่ละก้าวที่เธอเคลื่อนไหว ล้วนเฉียดฉิว เส้นเอ็นสีเืที่พุ่งเข้ามา พลาดเป้าหมายไปเพียงนิดเดียว
ทางด้านผู้บัญชาการหนุ่ม กำลังเผชิญหน้ากับตัวตนร้าย มันปลดปล่อยออร่าแห่งความหวาดกลัว ทำให้ผู้บัญชาการหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ และหวาดกลัวอย่างรุนแรง บังเกิดเสียงกรีดร้องและภาพหลอนภายในหัว ทำให้จิตใจของเขาสับสน
เขาเร่งความเร็วของตนเอง แต่ไม่ใช่เพื่อหลบหลี เขารู้ดีว่าไม่สามารถหลบหนีความหวาดกลัวได้ เป้าหมายจริงๆ ของการใช้เร่งความเร็วก็คือการโจมตีตัวตนร้าย แต่ตัวตนร้ายตอบโต้ด้วยการสร้างภาพหลอน ทำให้การโจมตีของเขาพลาดเป้าหมาย
ตัวตนร้ายแสยะยิ้ม มันใช้พลังฉายภาพฝันร้ายเข้าสู่จิตใจของผู้บัญชาการหนุ่ม ดึงเอาความกลัวที่ซ่อนเร้นที่สุดในใจของเขาออกมา
ภาพหลอนอันน่าสิ้นหวังปรากฏขึ้นในความคิดของเขา มันซับซ้อนและเต็มไปด้วยความเ็ป การทรยศหักหลัง ความล้มเหลวที่ไม่อาจแก้ไขได้ และอนาคตที่เลวร้าย ผู้บัญชาการสั่นสะท้าน แต่พยายามรวบรวมสติ
ในขณะเดียวกัน ตัวตนร้ายก็สร้างเส้นใยพลังงานที่มองไม่เห็น พุ่งเข้าใส่ผู้บัญชาการหนุ่ม พยายามครอบงำและควบคุมร่างกายของเขา
บัญชาการหนุ่มเขาใช้พลังราวกับหยุดเวลาในจังหวะสุดท้าย หลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด
"ฉึก!" เสียงเส้นใยฟาดลงบนพื้น ขณะที่ผู้บัญชาการเคลื่อนที่เร็วขึ้น หลบหลีกการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ภาพหลอนยังคงรุมเร้าจิตใจของเขา ในชั่วขณะที่เสียสมาธิ เส้นใยที่มองไม่เห็นก็โอบล้อมเขาไว้ ไร้ทางหนี
ทว่าในวินาทีนั้น ผู้บัญชาการหายวับไป ปรากฏตัวอีกครั้งในจุดที่เคยยืนอยู่เมื่อครู่ก่อน หยาดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก เขาหอบหายใจหนัก รู้สึกถึงพลังงานที่ถูกใช้ไปมากมาย
เขารู้ดีว่าถ้าผู้ทำพันธสัญญาตาย หรือถูกยกเลิกพันธสัญญา ใบหน้าเืจะคงอยู่ไม่ได้ เพราะมันไม่เคยอยู่ที่แห่งนี้ั้แ่แรก เป็เพียงดวงจิตที่หญิงสาวอัญเชิญมา ส่วนร่างจริงของมันนั้นอยู่ที่อื่น
ใบหน้าเืพยายามเข้าถึงตัวหญิงสาว แต่ก็ถูกผู้บัญชาการหนุ่มขัดขวาง มันรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่มันก็รู้อีกว่าถ้าประมาทหรือรีบร้อนเกินไป ก็อาจจะพ่ายแพ้ได้
มันจึงพยายามตัดกำลังชายหนุ่มให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะไปหาหญิงสาว
ผู้บัญชาการหนุ่มก็รู้เช่นกัน เขาจึงพยายามถ่วงเวลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในขณะเดียวกัน ทางด้านมาดามเอสเธอร์กำลังเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เป็ต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมด เส้นเอ็นเืพุ่งออกมาจากร่างของหญิงสาว พยายามฟาดฟันใส่มาดามเอสเธอร์อย่างบ้าคลั่ง
มาดามเอสเธอร์ หลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว และควบคุมเปลี่ยนเส้นทางของเส้นเอ็น ให้พลาดเป้าหมาย
หญิงสาวพยายามปลูกฝังคำสั่งในจิตใจของมาดามเอสเธอร์ผ่านการัั แต่มาดามเอสเธอร์ใช้พลังพยายามป้องกันตัวเองจากการโจมตีทางจิตใจ
ระหว่างนั้นเธอมองหาช่องโหว่เพื่อเข้าถึงตัวหญิงสาว
ร่างของมารดาและพี่สาวที่ถูกควบคุมโจมตีมาดามเอสเธอร์อย่างไม่ลดละ บ้างก็ปิดหัวมาด้านหลังเพื่อที่จะกัด บ้างก็คลานมาเหมือนแมงมุมพุ่งเข้าใส่ การเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติของพวกเธอสร้างภาพอันน่าขนพองสยองเกล้า
มาดามเอสเธอร์พยายามหาจุดอ่อนในการโจมตีของศัตรู เธอใช้พลัง พยายามเปลี่ยนแปลงชะตาให้เอื้อต่อการเอาชนะศัตรู
เธอรู้ดีว่าการต่อสู้กับศพไม่ใช่ทางออก มาดามเอสเธอร์ ตัดสินใจใช้ปืนลูกโม่ที่เตรียมมา เธอยิงใส่ศพทั้งสองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
เสียงปืนดังสนั่น ะุพุ่งเข้าใส่ศพของแม่และพี่สาว พวกเธอล้มลง แต่เพียงชั่วครู่ก็ลุกขึ้นมาใหม่
มาดามเอสเธอร์ขมวดคิ้ว เธอควบคุมความน่าจะเป็ ทำให้ะุที่ยิงออกไปมีความแม่นยำยิ่งขึ้น
ะุบางนัด เจาะเข้าไปในจุดสำคัญ ต่อเคลื่อนไหว อย่างข้อต่อแขนขา ทำให้ศพเคลื่อนไหวช้าลง
หญิงสาวเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เป็ใจ ก็เริ่มร้อนรน จึงเคลื่อนไหวอย่างประหลาด เพื่อหลบหลีกการโจมตีจากปืนลูกโม่
มาดามเอสเธอร์พยายามหาจังหวะที่จะยิง เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของหญิงสาว และใช้พลังของเธอแทรกแซงขัดขวางพันธะหว่างหญิงสาวและใบหน้าเืเพื่อให้เธอได้สติ
แต่ยิ่งนานก็ยิ่งไม่เป็ผล มาดามเอสเธอร์เริ่มเหนื่อยล้า เธอใช้พลังออกไป แต่ได้กลับมาเพียงความสูญเปล่า ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าการช่วยหญิงสาวให้หลุดพ้นจากการควบคุมของตัวตนร้ายนั้นไม่อาจทำได้
หญิงสาวไม่เพียงแต่ไม่ยอมขัดขืน แถมยังพยายามที่จะกลับไปเชื่อมต่อพันธะกับตัวตนร้ายอีกครั้ง
หญิงชราจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ในขณะที่หญิงสาวกำลังเพ่งสมาธิพยายามเชื่อมต่อกับตัวตนร้าย เธอยกปืนลูกโม่ขึ้นเล็งไปที่กลางศีรษะของหญิงสาว
"ขอโทษนะ เด็กน้อย" มาดามเอสเธอร์พึมพำ
ปัง!
เสียงปืนดังก้อง ะุพุ่งเข้าไปเจาะหน้าผากอย่างแม่นยำ ร่างของหญิงสาวล้มลง สิ้นใจตาย
ทันทีที่หญิงสาวผู้เป็สื่อกลางตายลง ใบหน้าเืก็เริ่มสั่นไหวและจางหาย
ตัวตนร้ายคำรามลั่น แต่รอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ประดับบนใบหน้านั้นไม่เคยจางลง
เพดานบ้านะเิออก ใบหน้าเืพุ่งทะลุหลังคาบ้าน ปรากฏตัวสู่ภายนอก มันหวังที่จะสร้างความบอบช้ำให้กับทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายนอกบ้านให้ได้มากที่สุด
แต่ความปรารถนาของมันก็ไม่เป็ผล ผู้คนที่เฝ้าอยู่ภายนอกต่างหลับตาและพยายามที่จะไม่มองหรือฟังเสียงมัน เมื่อการกระทำเฮือกสุดท้ายสูญเปล่า ใบหน้าเืจึงหายไปในที่สุด พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยหุบลง
ภายในบ้าน ผู้บัญชาการหนุ่มและมาดามเอสเธอร์ มองร่างไร้ิญญาของหญิงสาวกับครอบครัวของเธอ ในสายตาของมาดามเอสเธอร์เต็มไปด้วยความเศร้า
พวกเขาทำสำเร็จในการหยุดยั้งภัยคุกคาม แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือหญิงสาวผู้น่าสงสารได้
บัดนี้ภายในบ้านที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงสายฝนและสายลมที่พัดผ่านเข้ามา สถานที่แห่งนี้ที่เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก บัดนี้กลับคืนสู่ปกติแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้