ฉินเฟิงพยักหน้าอย่างพอใจ“ดีมาก ฉันอยากให้พวกนายปลุกไอ้หมอนี่หน่อย มันติดหนี้นายน้อยผู้นี้ 500,000หยวน และฉัน้าให้นายเอามาจากมัน”
ประธานสวีที่น่าสงสารค่อนข้างดูอเนจอนาถหลังจากโดนเตะและต่อยจนสลบเหมือด เขาก็ต้องตื่นขึ้นด้วยเตะและต่อยอีกครั้ง
เมื่อประธานสวีตื่นขึ้นเขาเริ่มร้องโหยหวน “โอ๊ย...พี่ทั้งสามได้โปรดเลิกตีผมทีเถิดมันเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว” ชายผมยาวตบที่ใบหน้าของเขาและด่า “แกจะะโหาอะไรวะ? ถ้าแกะโอีก พวกเราจะโยนแกลงแม่น้ำให้เป็อาหารปลาซะเลย”
ประธานสวีหุบปากทันทีใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้พื้นเพของชายทั้งสามคนนี้ พวกมันลงมือจริงๆ แน่
“ไอ้โง่เอ๊ย แกรู้หรือเปล่าว่านี่ใคร? นี่คือพี่ใหญ่ของเราแกเรียกพวกเรามาที่นี่เพื่อจัดการกับพี่ใหญ่ของเรางั้นเรอะ? แกอยากตายใช่ไหม?”ชายผมยาวตบเข้าที่หน้าของประธานสวีอีกครั้ง แม้ว่ามันจะค่อนข้างเจ็บแต่เขาก็ไม่กล้าร้องออกมา
ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมากเขาไม่เคยคิดว่าฉินเฟิงจะเป็พี่ใหญ่ของชายพวกนี้
“พะ...พี่ใหญ่ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ดะ...ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”ประธานสวีขอร้องฉินเฟิง
ฉินเฟิงเตะและพลิกตัวมันมา“อย่าร้องขอความเมตตาฉัน ไปขอโทษรั่วโหรวนายน้อยผู้นี้อยากจะตบนายให้ตายที่พูดคำพวกนั้นออกมาในตอนแรกแล้ว”
ประธานสวีรีบคลานมาหาสวี่รั่วโหรวและกราบพร้อมกับพูดว่า“อาเจ๊ใหญ่ ผะ...ผมสมควรตาย ผมมันสัตว์เดรัจฉานหน้าไม่อายที่ทั้งโง่และตาบอดได้โปรดบอกให้พี่ใหญ่ยกโทษให้ผมด้วย”
ประธานสวีตบหน้าตัวเองขณะที่ขอโทษทำให้สวี่รั่วโหรวกลัวแทบตายและรีบวิ่งมาหาฉินเฟิง
“ฉินเฟิง ปะ...ไปกันเถอะ”
“เธอยังโกรธอยู่หรือเปล่า?”
“ฉันไม่โกรธแล้ว บอกเขาว่าอย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยไม่งั้นฉันว่าเขาคงจะตายแทน” สวี่รั่วโหรวแอบข้างหลังฉินเฟิง ไม่กล้ามองประธานสวี
เดิมทีใบหน้าของเขาก็อ้วนอยู่แล้วแต่ตอนนี้ปูดบวมยิ่งกว่าเดิม ทำให้เขาดูอย่างกับหัวหมู
ฉินเฟิงโบกมือให้ชายทั้งสามและพวกมันก็เตะประธานสวีทันทีพร้อมกับสั่ง “เลิกตบตัวเองได้แล้วและให้เงินพี่ใหญ่ 500,000หยวน ไม่งั้นพ่อจะฆ่าแกตอนนี้ซะ”
ประธานสวีกลัวฉินเฟิงมากสำหรับเขา 500,000 หยวนกับการแลกกับชีวิตของตัวเองมันคุ้มค่ามากยิ่งกว่านั้นเขาก็เป็หนี้หวังเฉา 500,000 จริงๆดังนั้นเขาจึงรีบเอาบัตรออกมาจากกระเป๋ากางเกง “พี่ใหญ่ครับ ในบัตรนี้มีเงินอยู่ 600,000หยวน อีก 100,000 หยวนถือว่าเป็ของขวัญให้พี่ใหญ่ครับ”
ฉินเฟิงบอกได้เลยว่าประธานสวีไม่โง่เขาจึงพยักหน้าและชายผมยาวก็หยิบบัตรมาให้เขา
“ผมยาว ไปธนาคารที่ใกล้ที่สุดและเอาเงิน 300,000 หยวนใส่บัตรอีกใบหนึ่ง”ฉินเฟิงสั่ง
เขาพาสวี่รั่วโหรวมากับเขาในครั้งนี้ดังนั้นจึงเป็ธรรมดาที่เขาจะให้เธอครึ่งหนึ่งในฐานะค่าตอบแทนที่เธอทำงานหนัก
ชายผมยาวรีบวิ่งออกไปทันทีและไม่ถึง 20 นาที เขาก็กลับมาพร้อมกับบัตร 2 ใบ
หลังจากได้รับเงินแล้วฉินเฟิงก็ไม่สนใจประธานสวีอีกและพาชายรอยสักทั้งสามไปอีกด้านและมอบบัตรใบหนึ่งให้กับชายผมยาว “พวกนาย 3 คนมาจากแก๊งหมาป่าแห่งตะวันตกเฉียงเหนือใช่ไหม?”
ชายผมยาวรับบัตรด้วยความประหลาดใจก่อนจะพยักหน้า
“ฉันจะให้พวกนาย 300,000 หยวนแต่ฉันอยากให้พวกนายยึดครองหนึ่งในเขตแดนของแก๊งหมาป่ามาให้ฉันภายใน 1 สัปดาห์ ฉันอยากให้นายใช้พื้นที่นั้นเป็ฐานและใช้ยึดเขตอื่นๆ มาจนกระทั่งนายสามารถยึดแก๊งหมาป่าได้ทั้งแก๊ง”
“ทำได้ไหม?”
แม้ว่าฉินเฟิงจะเ้าชู้เหลวไหลแต่เขาก็ค่อนข้างฉลาดและเลือกใช้คนเป็ เขาไม่เคยเก็บขยะไว้ข้างกายหลังจากที่เห็นชายพวกนี้จัดการเื่ของเหลียงเจิ้นเวยและท่าทีที่เขาแสดงในเหตุการณ์นี้เขาจึงตัดสินใจทดสอบพวกมัน
ถ้าพวกมันไม่สามารถยึดครองพื้นที่สำคัญภายใน1สัปดาห์ได้ด้วยเงิน 300,000 หยวนมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บพวกมันไว้
ลูกน้องที่ภักดีและมีประโยชน์จะได้มาสักคนก็ต้องมีโชค
จางเปียวเป็ลูกน้องที่ดีและฉินเฟิงก็ค่อนข้างชอบเขาใน่เวลาสำคัญก็คือเขายอมเป็แพะให้ฉินเฟิงและฆ่าฮ่าวหยุน
ถ้าชายทั้งสามคนนี้สามารถได้รับการยอมรับจากฉินเฟิงด้วยละก็พวกมันจะสามารถช่วยเขาได้มากในอนาคต...
ชายทั้งสามมองบัตรที่มีเงิน300,000หยวน และสายตาของพวกเขาก็แสดงการตัดสินใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นักเลงระดับล่างในแก๊งหมาป่าและไม่ได้รับการยอมรับใดๆเลย พวกเขาเผชิญอันตรายทุกวัน แต่ก็ยังไม่ได้รับทั้งชื่อเสียงหรือลาภใดๆทั้งสิ้นสำหรับความพยายามของพวกเขา
และตอนนี้ฉินเฟิงให้โอกาสเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา แล้วพวกเขาทั้งสามจะปฏิเสธได้อย่างไร?
“นายน้อยฉินครับ โปรดวางใจได้ ในเจ็ดวันนี้เราสามพี่น้องจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้อย่างแน่นอน”ชายทั้งสามให้สัญญาแก่ฉินเฟิง
หลังจากที่ทั้งสามได้ทำการตัดสินใจแล้วฉินเฟิงก็ให้พวกมันออกไป พวกมันมีงานต้องทำอีกมาก และอาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มี
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสามคนออกไปฉินเฟิงก็มาหาสวี่รั่วโหรว เธอยังดูค่อนข้างกระวนกระวายฉินเฟิงยิ้มขณะที่จับมือของเธอและเดินออกจากห้างสรรพสินค้าว่อเจีย
หลังจากออกมาดูท้องฟ้าสีครามและรู้สึกถึงแสงอาทิตย์ที่สาดส่องบนใบหน้าของเธอสวี่รั่วโหรวก็เอามือทาบอกเบาๆ และถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกฉินเฟิงคิดว่าเธอช่างดูน่ารักเหลือเกิน
“รั่วโหรว ขึ้นมาได้แล้ว” ฉินเฟิงจูงจักรยาน 28 นิ้วออกมา ถึงเธออาจจะได้นั่งใกล้ชิดกับฉินเฟิง แต่เธอก็ไม่อยากปฏิเสธเธอจึงขึ้นนั่งอย่างเขินอาย
เมื่อจักรยานแล่นผ่านถนนสวี่รั่วโหรวก็ฟื้นตัวและเห็นว่าฉินเฟิงได้จอดหน้าร้านอาหารตะวันตก
“ฉินเฟิง เราไม่กลับบริษัทกันเหรอ?” สวี่รั่วโหรวถามเบาๆ
ฉินเฟิงยิ้มขณะลงจากจักรยานแล้วก็อุ้มสวี่รั่วโหรวลงมา“ยังเหลืออีก 2 ชั่วโมงกว่าจะเลิกงานเราเจอปัญหามากระหว่างทวงหนี้ ดังนั้นเราควรตะลอนจนกว่างานจะเลิก
สวี่รั่วโหรวเข้าใจสิ่งที่ฉินเฟิงคิดพูดง่ายๆ ก็คือเขาอยากอู้ ปกติแล้วเธอไม่แม้แต่จะนึกถึงอะไรแบบนี้แต่ฉินเฟิงก็ลากเธอไปด้วย เธอจึงไม่มีทางเลือก
เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าของร้านอาหารตะวันตกสวี่รั่วโหรวหยุดทันทีขณะที่ก้มหน้าอยู่และบิดชายเสื้อของตัวเอง “ฉินเฟิง ฉt...ฉันเพิ่งจะเริ่มทำงานที่บริษัท และฉันก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนเลย ฉt...ฉันไม่มีเงินกินกับคุณที่นี่หรอก”
“ใครจะทนให้สาวน้อยแสนสวยอย่างเธอจ่ายกัน? วันนี้ฉันเลี้ยงเองก่อนหน้านี้ฉันทำเกินไปหน่อย ดังนั้นคิดซะว่านี่เป็การขอโทษแล้วกัน”ฉินเฟิงหัวเราะขณะที่พาเธอเข้าร้านอาหาร
สวี่รั่วโหรวรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่วหัวใจและตามฉินเฟิงเข้าไป
ฉินเฟิงเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้หน้าต่างและสั่งอาหารแบบคู่
ขณะที่พวกเขากำลังรออยู่สวี่รั่วโหรวรวบรวมความกล้าและมองหน้าฉินเฟิงพร้อมกับพูดกับเขา “ขอบคุณนะ ฉินเฟิง”
“เธอจะขอบคุณฉันทำไม?” ฉินเฟิงไม่คิดว่านี่เป็เื่ใหญ่
“ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารตะวันตก” สวี่รั่วโหรวไม่ชอบติดค้างคนอื่นในเมื่อฉินเฟิงเลี้ยงเธอ มันก็เป็ธรรมดาที่เธอจะขอบคุณเขา
“ไม่ใช่เื่ใหญ่หรอก ตราบใดที่เธอไม่ถือสาเื่เมื่อกี้ มันก็พอแล้ว”
“ฉันลืมไปแล้วล่ะ” สวี่รั่วโหรวพูดพร้อมกับพยักหน้า แม้ว่าเธอจะค่อนข้างอายเธอก็ไม่โง่ หลังจากใจเย็นลง เธอก็รู้ว่าฉินเฟิงพยายามจะช่วยเธอแก้แค้นประธานสวีรวมถึงช่วยเธอเอาชนะความขี้อายของเธอ
จู่ๆสวี่รั่วโหรวก็มองฉินเฟิงขณะที่พูดอย่างจริงจัง “ฉินเฟิง คุณเป็คนดีนะ”
ฉินเฟิงกำลังดื่มน้ำผลไม้พอได้ยินสวี่รั่วโหรวพูดแบบนี้ เขาก็สำลักและใช้เวลาสักพักกว่าจะหาย
เขาเกือบจะแก้ผ้าเธอและเธอยังบอกว่าเขาเป็คนดีเขาไม่มั่นใจว่าเธอหมายความแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าในใจอาจจะสาปแช่งเขา
“รั่วโหรว บอกฉันเื่ครอบครัวของเธอหน่อย” ฉินเฟิงพูดเขาสงสัยว่านิสัยของสวี่รั่วโหรวต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธอ
ใบหน้าของสวี่รั่วโหรวซีดขึ้นทันทีขณะที่รีบส่ายหัวอย่างแรง“ฉะ...ฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
ฉินเฟิงไม่ถามต่อหลังจากที่เห็นเธอเปลี่ยนอารมณ์ทันควันบรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้น และทั้งคู่ก็มองออกนอกหน้าต่างโดยที่ไม่ได้คุยกัน
ในอีกมุมหนึ่งของร้านอาหารชายหนุ่มล่ำซำแต่งตัวดี 2 คนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะพวกเขาทั้งคู่หล่อมาก แม้แต่ผิวของพวกเขาก็ดีกว่าผู้หญิงหลายคน
“พี่หลี่ ผมไม่ได้เห็นฉินเฟิงที่มหา’ ลัยมาสักพักแล้วผมสงสัยว่ามันไปไหนกัน”ดวงตาของหนึ่งในสองคนนั้นลุกไหม้ด้วยความโกรธขณะที่กล่าวถึงฉินเฟิง
“ตอนนี้ตระกูลฮ่าวและตระกูลฉินกำลังต่อสู้กัน เพื่อปกป้องเขาตระกูลฉินจึงส่งเขาไปทำงานที่หวงเจียกรุ๊ปสาขาใหญ่เหล่ายอดฝีมือกว่าครึ่งของตระกูลฉินก็ซ่อนอยู่ที่นั่นในฐานะเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมันก็แค่ว่าไม่มีใครบอกได้ง่ายๆ เท่านั้นเอง” ชายอีกคนตอบ
ชายทั้ง2นี้คือหัวิและหลีเฉ่าเจี๋ยของสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิง
ั้แ่ที่ฉินเฟิงเอาชนะหัวิในการแข่งขันศิลปะและตบเขาต่อหน้าทุกคนเขาก็หยุดมามหาวิทยาลัย หัวิขอให้หลีเฉ่าเจี๋ยช่วยจัดการฉินเฟิงแต่เขาก็หามันไม่เจอ
“ฮ่าๆๆ ไอ้บ้านั่นมันโคตรหยิ่งเลย ผมได้ยินมาว่ามันวิ่งแจ้นไปที่วังัพลอยม่วงของตระกูลฮ่าวและฆ่าฮ่าวหยุนต่อหน้าทุกคนโง่เง่าสิ้นดี! ตระกูลฮ่าวน่าจะถอนรากถอนโคนตระกูลฉินไปซะ”เมื่อไรก็ตามที่เขาพูดถึงฉินเฟิง หัวิก็โกรธอย่างมาก “พี่หลีเราควรช่วยตระกูลฮ่าวรับมือกับตระกูลฉินดีไหม?”
หลีเฉ่าเจี๋ยส่ายหัวเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไรเขาคิดกลับไปหลายคืนก่อนเมื่อเขาเห็นฉินเฟิงฆ่าลูกชายคนที่สามของตระกูลเหลียงเหลียงเซิง และแม้แต่ถ่ายวิดีโอไว้
หลีเฉ่าเจี๋ยมีแผนจะส่งวิดีโอโดยไม่ระบุชื่อให้กับตระกูลเหลียงและใช้มันทำลายตระกูลฉินแต่ก่อนที่เขาจะทำ ฉินเฟิงก็ฆ่าฮ่าวหยุนซะก่อน
หลังจากที่เห็นว่าตระกูลฉินและตระกูลฮ่าวกำลังพัวพันกับการต่อสู้ขนาดใหญ่หลีเฉ่าเจี๋ยจึงเปลี่ยนแผน เขาไม่รีบส่งวิดีโอให้ตระกูลเหลียงอีกต่อไปเนื่องจากเขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นอย่างหัวิเขาได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งและเื้ัของตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลในเมืองเว่ยเฉิงมานานแล้ว
ตระกูลฉินและตระกูลซือหม่าทั้งสองตระกูลมีรากฐานฝังลึกมากที่สุดและแต่ละตระกูลก็มีตระกูลหลักที่ทรงพลังคอยหนุนหลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้