“พวกเ้าสองคนไปนั่งที่อื่นซะ พวกข้าจะนั่งตรงนี้!” ขณะนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมาบนอัฒจันทร์ จากนั้นคนที่เป็หัวหน้าเดินมาหยุดที่ด้านหน้าเย่เฟิงกับเซี่ยจวิ้นหลง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นกับพวกเย่เฟิงด้วยท่าทีโอหัง แม้จะเพิ่งมาถึง แต่กลับไล่เย่เฟิงกับเซี่ยจวิ้นหลงทันที
“เซี่ยเชียนชิวมาแล้ว นางสวยงดงามมาก สมกับเป็หญิงงามแห่งเมืองหลวงอาณาจักรจ้าว ดูสูงศักดิ์ราวกับเทพธิดา หากได้เซี่ยเชียนชิวมาเป็ว่าที่ภรรยาของข้าได้ ข้าคงตายตาหลับ” ผู้คนต่างมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังคนกลุ่มนี้ด้วยสายตาชื่นชม
“ฝันไปเถอะ เซี่ยเชียนชิวสวยงดงามเพียงนี้ ไม่ใช่คนอย่างพวกเราจะเอื้อมถึงได้ ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูเซี่ยกำลังคบหาดูใจกับนายน้อยตู๋กูหลง แต่งเข้าตระกูลตู๋กูเป็เื่ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งสองคนยังดูเหมาะสมกันมาก คนหนึ่งเป็หนึ่งในสองหญิงงามแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนและอยู่อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ส่วนอีกคนเป็ยอดฝีมือแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทั้งยังมีชื่ออยู่้าสุดของรายนามขั้นรวมชี่ สองคนนี้คือคู่สร้างคู่สมที่์ลิขิตมาให้อยู่ด้วยกัน” มีคนหนึ่งกล่าวขึ้น ราวกับรู้จักเซี่ยเชียนชิวเป็อย่างดี
“ได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลเซี่ยมีธิดาหน้าตาสะสวย วันนี้ได้เห็นกับตา สมคำร่ำลือจริง ๆ” ผู้คนพูดกันไปต่าง ๆ นานา ไม่ว่าหญิงงามจะไปไหนก็จะกลายเป็จุดสนใจของผู้คนมากมาย หญิงงามอย่างเซี่ยเชียนชิวก็เช่นกัน เย่เฟิงย่อมได้ยินบทสนทนาของผู้คน จึงอดประหลาดใจไม่ได้
“ไม่นึกว่าผู้หญิงคนนี้จะมาที่นี่ด้วย โลกช่างกลมยิ่งนัก” เย่เฟิงคิดในใจ พร้อมปรากฏภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่เขาเจอเซี่ยเชียนชิวในถ้ำร้างขึ้นในหัวพลางยกยิ้มมุมปาก
“ข้าสั่งให้เ้าออกไป หูหนวกหรือไง?” ชายผู้นั้นเห็นเย่เฟิงเงียบกริบก็ขึ้นเสียงใส่อย่างไม่เกรงใจ เซี่ยจวิ้นหลงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาเองก็เป็คนอารมณ์ร้อน แล้วจะปล่อยให้ผู้คนรังแกได้อย่างไร เห็นแสงเยือกเย็นพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เขาจะลุกขึ้นแต่ถูกเย่เฟิงห้ามไว้
“พี่เซี่ย ให้ข้าจัดการเอง” เย่เฟิงกล่าว เซี่ยจวินหลงเข้าใจได้ในทันที เย่เฟิงอยากจัดการเอง เขาจึงนั่งลงที่เดิม จากนั้นเย่เฟิงตวัดสายตามองชายผู้นั้นพร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่าง และกล่าวว่า “ข้าสองคนนั่งตรงนี้ก่อน เ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกข้า?”
“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย คุณหนูเซี่ยอยากนั่งตรงนี้ แล้วเ้าเป็ใคร กล้าดียังไงมากังขาใส่ข้า?” คนนั้นกล่าวเสียงเย็น
“ไสหัวไปซะ!” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ เขาไม่อยากสร้างปัญหาที่นี่ ทว่าปัญหากลับมาหาเขาเอง
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ก็แค่สวะคนหนึ่ง ข้าว่าเ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วมากกว่า” ชายผู้นั้นถูกเย่เฟิงดูแคลน เขาเป็ถึงองครักษ์ของเซี่ยเชียนชิว แล้วจะปล่อยให้เย่เฟิงมาทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าเขาได้อย่างไร? เขาอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 เช่นกัน แต่อยู่ระดับจุดสูงสุด จากนั้นเขาปล่อยฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำเพรื่อ
เมื่อผู้คนไม่น้อยเห็นฉากนี้ก็ต่างใและคิดว่าเย่เฟิงกำลังรนหาที่ตาย เซี่ยเชียนชิวเป็ถึงธิดาแห่งตระกูลเซี่ย มีฐานะสูงศักดิ์ ตอนนี้ยังคบหากับตู๋กูหลง ก็เท่ากับเป็ว่าที่นายหญิงของสถานที่แห่งนี้ แต่เย่เฟิงไม่หลบทางให้นาง ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ?
แม้ชายผู้นั้นจะโจมตี แต่เย่เฟิงยังคงนิ่งเฉยราวกับมีความมั่นใจสูง เมื่อฝ่ามือของคนนั้นเข้าใกล้เย่เฟิง พลันเห็นเย่เฟิงเหยียดมือออกไปคว้าข้อมือของอีกฝ่าย ก่อนจะออกแรง จนทำให้อีกฝ่ายได้แต่ดิ้นรนอยู่อย่างนั้น
“อ่อนหัดแบบนี้ ไม่รู้ว่าระหว่างเราสองคน ใครกันแน่ที่เป็สวะ?” เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองชายผู้นั้นด้วยสายตาดูิ่ อีกฝ่ายเผยสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดเพราะความเ็ป เขารู้สึกว่าข้อมือของตัวเองกำลังจะหัก จึงอดตวาดใส่เย่เฟิงไม่ได้ว่า “สวะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าเ้ากล้าทำร้ายข้า คุณหนูข้าไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!”
“ก็แค่สุนัขรับใช้แอบอ้างบารมีเ้านาย กล้าดียังไงมาข่มขู่ข้า!” เย่เฟิงแสยะยิ้มพลางแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา ก่อนจะเหวี่ยงร่างคนนั้นออกไป อีกฝ่ายล้มกระแทกพื้นอย่างแรงจนส่งเสียงโอดครวญ
“นี่...” ผู้คนรอบข้างต่างใ อีกฝ่ายเป็ถึงองครักษ์ของเซี่ยเชียนชิว เย่เฟิงไม่ให้ที่นั่งก็ช่างปะไร แต่ไม่นึกว่าจะกล้าทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่สนใจฐานะ ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก นี่เป็การตบหน้าเซี่ยเชียนชิวและตู๋กูหลงทางอ้อมชัด ๆ
“หมอนี่เด็ดขาดอย่างที่ได้ยินมาจริง ๆ” เซี่ยจวิ้นหลงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ต้องใเช่นกัน ในฐานะศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเซี่ยเชียนชิวได้อย่างไร นางทั้งสวยและมากพร์ ไม่มีใครในสำนักยุทธ์ที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงคนนี้ แม้เย่เฟิงจะไม่สนใจเซี่ยเชียนชิว ก็น่าจะคำนึงถึงตู๋กูหลงที่หนุนหลังเซี่ยเชียนชิว นั่นคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน ทั้งยังมีพลังแกร่งกล้า แต่เย่เฟิงก็ไม่สนใจเื่เหล่านี้ ราวกับว่าในพจนานุกรมของเย่เฟิงไม่มีคำว่าหวาดกลัว
“เ้ากล้าทำร้ายเขา เ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำเื่โง่เง่ามากแค่ไหน?” มีผู้ฝึกยุทธ์อีกคนเดินมาพร้อมปลดปล่อยไอสังหาร
“เป็แค่สุนัขรับใช้ กล้าดียังไงมาพูดกับข้า?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม คนนั้นที่ถูกเย่เฟิงเรียกว่าสุนัขรับใช้ถึงกับโกรธจนเืขึ้นหน้า แม้อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นเงาร่างหนึ่งเดินมาและให้เขาถอยไป คนนั้นโค้งตัวให้เงาร่างนี้เล็กน้อย ขณะที่ถอยหลังไปนั้นก็ยังคงมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
“เ้าก็มาที่นี่ด้วยหรือ” เซี่ยเชียนชิวกล่าว แม้น้ำเสียงจะเ็า แต่กลับไพเราะน่าฟัง ขณะที่เซี่ยเชียนชิวมองใบหน้าเย้ยหยันนั้น นางก็รู้สึกไม่ชอบใจ เื่ราวที่เกิดขึ้นภายในถ้ำร้างวันนั้น ทำให้นางอยากฆ่าเย่เฟิงเป็อย่างมาก
นางไม่เคยถูกชายใดแตะต้องตัวมาก่อน ต่อให้เป็ตู๋กูหลงว่าที่สามีของนางก็ยังไม่เคยได้แตะต้อง แต่เย่เฟิงกลับแตะต้องตัวนาง ทั้งยังไม่ได้ััแค่ที่เดียว
ที่สำคัญคือ วันนั้นที่เย่เฟิงทำไปก็เพื่อดูถูกนาง ตอนเซี่ยเชียนชิวคิดว่าเย่เฟิงเป็คนเลวจริง ๆ เย่เฟิงกลับเปลี่ยนไป และประโยคสุดท้ายที่เย่เฟิงพูดกับศิษย์น้องของนาง นางยังจำได้ไม่ลืม
“เ้าสองคนพยายามแย่งถ้ำข้า จึงคิดสังหารข้า การกระทำของข้าถือเป็การดูิ่หรือ? ยิ่งกว่านั้นแม้เ้าจะดูบริสุทธิ์ แต่ในสายตาข้าก็เป็แค่คนหยาบคาย ข้าจะบอกอะไรให้ อย่าคิดว่าตัวเองสวยแล้วพวกผู้ชายจะอยากได้พวกเ้า อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ไม่สนใจ ไปให้พ้น!” ประโยคนี้กระทบต่อความงามและความมั่นใจของเซี่ยเชียนชิวที่มีมาโดยตลอด นางเซี่ยเชียนชิวเป็แค่คนหยาบคาย เย่เฟิงไม่สนใจนางแม้แต่นิดเดียว เมื่อความอับอายมาถึงระดับหนึ่ง เย่เฟิงก็ผลักนางเซี่ยเชียนชิวออกไปอย่างไม่ไยดี เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ จะมีอะไรน่าอับอายกว่าการโดนตบหน้าอีกไหม?
“เ้ามาได้ แล้วจะไม่อนุญาตให้ข้ามา?” เย่เฟิงกล่าวด้วยท่าทีเฉยชาไร้ความผันผวนใด ๆ
“เ้า...” เซี่ยเชียนชิวถึงกับพูดไม่ออก ดวงตางามคู่นั้นจ้องเย่เฟิงตาเขม็ง
บทสนทนาของทั้งสองคนดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย พวกเขาคิดว่าเซี่ยเชียนชิวน่าจะรู้จักชายผู้นี้ อีกอย่างเซี่ยเชียนชิวกับชายผู้นี้ก็ดูเหมือนจะสนิทกันมาก หญิงงามที่ดูสูงส่งในสายตาพวกเขา แต่กลับมีท่าทีเกรงกลัวต่อหน้าชายผู้นี้ นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจและอยากรู้ว่าเย่เฟิงกับเซี่ยเชียนชิวเป็อะไรกัน ทำไมอยู่ต่อหน้าชายผู้นี้แล้วแววตาของเซี่ยเชียนชิวเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แต่กลับเกรงกลัวอีกฝ่าย?
“ผู้หญิงอย่างเ้าความจำสั้นเสียจริง คราวก่อน้าแย่งถ้ำไปจากข้า แต่ถูกข้าใช้วิธีนั้นเอาคืน ครั้งนี้มาที่นี่ก็ยังกล้ายั่วโมโหข้า หรือเ้าไม่กลัวข้าทำเื่แบบในวันนั้นกับเ้าอีก?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตะลึงเล็กน้อย
“หมอนี่บอกว่า เขาเคยใช้วิธีดูถูกแบบนั้นกับเซี่ยเชียนชิวในถ้ำ แต่ว่าวิธีไหนล่ะ? คงไม่...” ผู้คนลอบคิดในใจ
แม้ว่าคำพูดของเย่เฟิงจะไม่ได้แสดงความหมายที่เฉพาะเจาะจง แต่ก็อดทำให้พวกเขาจินตนาการไปเองไม่ได้ แล้วยิ่งท่าทีผิดปกติของเซี่ยเชียนชิวที่เผชิญหน้ากับเย่เฟิงก็ยิ่งทำให้พวกเขาอดคิดไม่ได้
“เซี่ยเชียนชิว หญิงงามแห่งยุค คงไม่ใช่ว่าถูกชายโอหังผู้นี้ทำให้ด่างพร้อยหรอกนะ!” ในขณะที่ผู้คนคิดกันไปต่าง ๆ นานา จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เหล่าผู้คนพากันกระซิบกระซาบ โดยหัวข้อก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเย่เฟิงและเซี่ยเชียนชิวในถ้ำ
ไม่นานนักก็ได้สร้างความวุ่นวายเป็วงกว้าง เทพธิดาในหัวใจของพวกเขา ธิดาแห่งตระกูลเซี่ยถูกผู้ชายไร้นามทำให้ด่างพร้อยอย่างนั้นหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้