แน่นอนว่าหากเปลี่ยนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3 คนอื่น คงถูกการโจมตีเมื่อครู่ฆ่าตายไปแล้ว กระทั่งไร้กำลังต่อต้าน
“เ้าแทรกแซงศึกต่อสู้ของข้ากับนักดาบแขนเดียวทำไม?” จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น
“น่าขัน!” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองจ้าวเฉินด้วยสายตาดูิ่
“หากคนของจวนเซิ่งอ๋องเ้าไม่แทรกแซง มีหรือข้าจะลงมือ?”
จ้าวเฉินหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “หัดทำตัวมีมารยาทบ้างนะ ถ้าไม่รู้กาลเทศะ แค่จวนเซิ่งอ๋องข้าขยับมือก็ทำลายเ้าได้แล้ว!”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ
“ข้าเป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่คนหนึ่งก็เท่านั้น หากเ้าสู้ไม่ได้ ก็ให้พ่อเ้าออกโรงสิ เขาย่อมฆ่าข้าได้ง่ายดายแน่นอน เื่นี้ข้าไม่ปฏิเสธ” ผู้คนได้ยินคำพูดของเย่เฟิงต่างก็กะพริบตาถี่ พวกเขาััได้ถึงความดูิ่จากถ้อยคำของเย่เฟิง เห็นชัดว่ากำลังดูิ่จ้าวเฉินว่าไร้ความสามารถ สู้ไม่ได้ก็อาศัยอำนาจของครอบครัวรังแกผู้อ่อนแอ
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” จ้าวเฉินได้ยินก็ะเิโทสะออกมา ก่อนจะเห็นเขาตวาดเสียงกร้าว จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง อาศัยเพลิงโทสะที่ปะทุออกมา ฝ่ามือนี้ของจ้าวเฉินจึงไม่เพียงแต่ว่องไว แต่ยังน่าสะพรึงกลัวมากอีกด้วย
“รนหาที่ตาย ไสหัวไปซะ!”
เย่เฟิงตาวาบประกายคมกริบ พลันพลังปราณปะทุออกจากร่าง ก่อนจะปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่แฝงด้วยพลังหอกและอำนาจฟ้าดินขั้นผันแปรออกไป ทุกที่ที่มันผ่านล้วนต้องถูกทำลาย และพลอยทำให้ห้วงอากาศสั่นไหวไปด้วย ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง เมื่อสองฝ่ามือเข้าปะทะกัน พลังทำลายล้างสายหนึ่งพลันเข้าปกคลุมร่างจ้าวเฉิน อวัยวะภายในสั่นคลอน ปะทะเพียงครั้งเดียว จ้าวเฉินกลับเป็ฝ่ายถูกเย่เฟิงซัดจนร่างกระเด็นปลิวจนกระอักเื และสีหน้ายังขาวซีด
“อ่อนหัด! หากไม่มีครอบครัวคอยคุ้มกะลาหัว เ้านับเป็สิ่งใดกัน? แล้วถือสิทธิ์อะไรมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า?” เย่เฟิงปรายตามองจ้าวเฉินแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ขอบเวทีพร้อมกับนักดาบแขนเดียว
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจนพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นความอวดดีของเย่เฟิงมาแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะกล้าดูิ่จ้าวเฉินอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ทั้งยังเอ่ยถึงจวนเซิ่งอ๋องอย่างไม่เกรงใจ นี่เท่ากับว่าลบหลู่จวนเซิ่งอ๋อง เย่เฟิงช่างใจกล้ายิ่งนัก
หากเย่เฟิงกับจ้าวเฉินทะเลาะกันก็ไม่นับว่าไม่ใช่เื่ใหญ่โต เพราะในระหว่างที่ฝึกอยู่ในสำนักยุทธ์ เหล่าคนรุ่นเยาว์ย่อมทะเลาะวิวาทกันเป็ธรรมดา และหากทำไม่มากเกินไป จวนเซิ่งอ๋องย่อมไม่แทรกแซง แต่ครั้งนี้เย่เฟิงไม่เพียงแต่ดูิ่จ้าวเฉิน แต่ยังลบหลู่จวนเซิ่งอ๋อง ต่อให้จวนเซิ่งอ๋องลงมือจัดการเขาก็ไม่ถือว่าทำมากเกินไป
“เด็กคนนี้เถื่อนจริง ๆ ชักจะน่าสนใจแล้วสิ” ผู้าุโฉินที่นั่งชมอยู่บนอัฒจันทร์หลักสังเกตการณ์พฤติกรรมของเย่เฟิงมาตลอด พบว่าเย่เฟิงไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังกล้าหาญชาญชัยและต่อต้านจวนเซิ่งอ๋องอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือสหาย ทำให้ผู้าุโฉินสนใจเย่เฟิงขึ้นหลายส่วน
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากจวนเซิ่งอ๋องต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ หากไม่ได้อยู่ในถิ่นของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เกรงว่าเย่เฟิงคงตายเป็พัน ๆ ครั้งไปแล้ว ทว่าผู้าุโฉินเอ่ยปากบอกแล้ว ต่อให้พวกเขาคับแค้นใจเพียงใด ก็มิอาจลงมือจัดการในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
ไม่นานการต่อสู้รอบนี้ก็จบลง เย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวนั่งลงขัดสมาธิ เริ่มปรับลมหายใจและรักษาาแ
หลายชั่วยามต่อมา ระหว่างนั้นมีการต่อสู้ดำเนินอีกสองครั้งและมีผู้ฝึกยุทธ์ตกรอบ ผลคะแนนเริ่มชัดเจน รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลือใครแกร่งใครอ่อนก็เริ่มเห็นชัดเช่นกัน บรรยากาศจึงตึงเครียดเป็พิเศษ ยิ่ง่ท้าย ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังไม่ตกรอบก็ยิ่งมีพลังแกร่งกล้า ผู้ที่เดินมาถึงจุดนี้และไม่ถูกคัดออกล้วนเป็ผู้มากฝีมือ
รอบนี้เป็ศึกจับฉลากตามแผนที่เฉินเซี่ยงเทียนวางไว้ เริ่มต้นด้วยตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน เฉินอ้าวเทียน เว่ยจี้ อวิ๋นเจี๋ย จงเทา เซี่ยโหวิ จ้าวเฉิน นักดาบแขนเดียว ลู่เจียง และคนอื่น ๆ ตามลำดับ ผู้แพ้ตกรอบ ส่วนผู้ชนะได้เข้าสิบอันดับแรก ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าตอนแรก เหล่าคนที่ไม่มั่นใจในตนก็เริ่มปรับศักยภาพให้ถึงขีดสุด เพื่อต้อนรับการท้าทายที่จะมาถึง หากคว้าชัยชนะในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ได้เข้าสิบอันดับแรก และดื่มด่ำไปกับเกียรติยศสูงสุด
คนแรกเป็ตาของตู๋กูหลง คู่ต่อสู้ของเขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 คนนี้พลังแกร่งกล้า ใช้พลังตนคว้าชัยชนะจนเข้ามาถึงรอบนี้ ทว่ารอบนี้กลับจับฉลากได้คู่กับตู๋กูหลง ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นดูย่ำแย่มาก ไม่คิดว่าตนจะได้ปะทะกับตู๋กูหลง
“เริ่มเลยเถอะ!” ตู๋กูหลงยืนตระหง่านในเขตประลอง เสื้อคลุมปลิวสะบัด ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ทั้งยังมีกลิ่นอายแห่งาาแผ่ออกจากร่างเขา ราวกับว่าเขาคือาาของที่นี่ ไร้ซึ่งผู้ใดต่อต้าน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 คนนั้นเผยสีหน้าดิ้นรนขณะมองตู๋กูหลง ทว่าเขาเดินมาถึงจุดนี้แล้ว จะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร จากนั้นเห็นเขาปล่อยรังสีหมัดโจมตีตู๋กูหลง แม้แต่ผู้อยู่ระดับเดียวกันก็ยังรับหมัดนี้ได้ยาก
ตู๋กูหลงเหยียดยิ้มขณะมองรังสีหมัดที่พุ่งมาโจมตีตัวเอง ทว่าเขาไม่ขยับตัว แต่กลับมีแสงโชติ่เข้าปกคลุมร่างตู๋กูหลง
“ปัง!” รังสีหมัดนั่นเข้าปะทะร่างตู๋กูหลงเต็มแรง แต่กลับถูกแสงโชติ่หยุดยั้งไว้ข้างนอก จึงทำอะไรตู๋กูหลงไม่ได้ ตู๋กูหลงยังคงยืนอยู่ที่เดิม แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น เขาก็ยังคงไม่ขยับตัวราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาทำอะไรเขาได้
“มีพลังแค่นี้เองหรือ?” ตู๋กูหลงกล่าว จากนั้นเห็นเขายกมือขึ้นช้า ๆ ก่อนจะมีลำแสงทำลายล้างพุ่งออกจากฝ่ามือเขา ไปเยือนผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นในพริบตา ทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นเทาอย่างแรง ก่อนจะกระเด็นออกไปพร้อมกระอักเื ดังนั้นศึกนี้ตู๋กูหลงจึงเป็ผู้ชนะ
“แกร่งมาก ตู๋กูหลงจะแกร่งมากเกินไปแล้ว เข้าสิบอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าอันดับที่ 1 คงไม่พ้นเขา!” ผู้คนต่างมองตู๋กูหลงด้วยสายตาเลื่อมใสปนอิจฉา นี่สิคือผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง ั้แ่แรกจนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทำให้ตู๋กูหลงต้องใช้กระบวนท่าที่สอง เพราะว่าแค่กระบวนท่าเดียวก็กำราบคู่ต่อสู้ได้แล้ว
จากนั้นเป็ตาของนี่จ้านเทียนและเฉินอ้าวเทียน ซึ่งคู่ต่อสู้ที่พวกเขาจับได้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่ ดังนั้นจึงจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างราบรื่นโดยไม่เปลืองแรงมากนัก และกลายเป็หนึ่งในสิบอันดับแรกแห่งงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เกินความคาดหมายของผู้คน ด้วยพลังของเฉินอ้าวเทียนและนี่จ้านเทียน ตราบใดที่ไม่จับฉลากได้คู่กัน หรือตู๋กูหลง ก็ไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้ของสองคนนี้ได้
“ตอนนี้สิบอันดับแรกปรากฏสามคนแล้ว พวกเ้าคิดว่าเจ็ดคนที่เหลือจะมีใครบ้าง?” บนอัฒจันทร์ ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เว่ยจี้ เซี่ยโหวิ จงเทา เจียงเผิง อวิ๋นเจี๋ย ลู่เจียง ส่วนคนสุดท้ายระหว่างจ้าวเฉินอ๋องเล็กกับเย่เฟิงไม่รู้ว่าใครจะได้ แล้วก็ฉินเยียนหรานและเซี่ยเชียนชิว พวกเขาอาจมีสิทธิ์เข้าสิบอันดับแรก?” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนพูดคำตอบที่อยู่ในใจออกมา ซึ่งผู้คนรอบข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย
รายชื่อที่เอ่ยถึงล้วนมีคุณสมบัติเข้าสิบอันดับแรก เพียงแต่คำตอบไม่แน่ชัด ยังต้องดูสถานการณ์ต่อไป และหากในผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้เจอกัน สิบอันดับแรกก็มีการเปลี่ยนแปลง
เย่เฟิงที่ค่อย ๆ เปิดเผยพลังออกมาทีละนิด ผู้คนจึงคิดว่าเขาจะได้เข้าสิบอันดับแรก แต่ก็เป็เพียงตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น ส่วนนักดาบแขนเดียวถูกผู้คนเมินไม่สนใจ แม้นักดาบแขนเดียวจะบังเอิญเอาชนะจ้าวเฉินอ๋องเล็ก แต่ไม่มีทางเข้าสิบอันดับแรกได้
ในความคิดของทุกคน จุดอ่อนของเย่เฟิงคือระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อย แม้เย่เฟิงมีพร์ดีเลิศ แต่มิอาจชดเชยช่องว่างของระดับการบ่มเพาะได้ ดังนั้นถึงเขาจะเข้าสิบอันดับแรก ก็เป็ได้แค่ที่โหล่เท่านั้น อีกอย่างพวกเขายังคิดว่าเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวด้อยกว่าคนรุ่นเยาว์ที่มีนามว่าเจียงเผิง เจียงเผิงผู้นี้ไม่เฉิดฉายมากนัก แต่กลับคว้าชัยชนะได้ทุกตา
บัดนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ตกรอบอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจึงสังเกตเห็นเจียงเผิงผู้นี้ และเขายังอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 6 ทำให้พวกเขาคิดว่าเจียงเผิงจะได้เข้าสิบอันดับแรก
อย่างไรก็ตามการจับฉลากมีความไม่แน่นอน ยังต้องดูสถานการณ์ต่อไป ดังนั้นเวลานี้ผู้คนจึงชมการต่อสู้ทุกตาด้วยความสนใจเป็พิเศษ
ผู้ขึ้นจับฉลากคนที่สี่คือเว่ยจี้ เมื่อเว่ยจี้ประกาศชื่อแซ่ของคนที่เขาจับได้ ผู้คนต่างก็ตัวสั่นสะท้านทันที การปะทะระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง เว่ยจี้ปะทะกับเซี่ยโหวิ
นี่หมายความว่าไม่เว่ยจี้ก็เซี่ยโหวิที่จะได้เข้าสิบอันดับแรกเพียงคนเดียว ซึ่งสองคนนี้อยู่อันดับที่ 5 และอันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ตามลำดับ บัดนี้จำต้องมีหนึ่งคนที่ต้องถูกคัดออก นี่ก็คือความโเี้ของงานประลองสำนักยุทธ์ และภายใต้กฎอันโเี้ ต่อให้เ้ามีพลังแกร่งกล้า แต่อาจถูกกำจัดเพราะความไม่แน่นอนบางประการ
เห็นชัดว่าเว่ยจี้และเซี่ยโหวิไม่คำนึงถึงเื่นี้ พวกเขาจึงรู้สึกเกินคาด เมื่อเข้าสู่เขตประลอง ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยเจตจำนงต่อสู้อันแรงกล้า
“ล่วงเกินแล้ว!” เซี่ยโหวิกล่าว จากนั้นเขาเดินออกมาพร้อมปลดปล่อยพลังสังหาร ห้วงอากาศพลอยสั่นไหวไปด้วย ส่วนเว่ยจี้ปล่อยรังสีหมัดโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของเซี่ยโหวิ ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้องจนเวทีประลองสั่นะเืเล็กน้อย และผู้ชมที่ชมอยู่รอบข้างต่างก็ััได้ถึงความบ้าคลั่งจากการโจมตีของทั้งสองคน สมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่อันดับต้น ๆ การโจมตีที่ปล่อยออกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะต่อต้านได้
ศึกของทั้งสองคนดุเดือดเป็อย่างมาก พวกเขาสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุด รวมทั้งปลดปล่อยิญญาาของตนเอง
ิญญาาของเว่ยจี้คือยูนิคอร์น ร่างขนาดใหญ่เปล่งแสงแห่งา ราวกับมีพลังไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเท้าใหญ่ั์ของมันย่ำพื้นเวทีประลองและพุ่งเข้าใส่เซี่ยโหวิ เวทีประลองต้องสั่นะเืราวกับจะถล่ม ส่วนของเซี่ยโหวิคือสิงโต ดูน่าเกรงขาม เพียงพ่นลมหายใจก็ปลดปล่อยพลังอสูรออกมาในพริบตา จากนั้นอ้าปากหมายเขมือบยูนิคอร์น ในขณะเดียวกันเว่ยจี้และเซี่ยโหวิยังคงปะทะกันไม่หยุด การโจมตีที่ทั้งสองปล่อยมานั้นทั้งเถื่อนและเหี้ยม ทุกครั้งที่ปะทะกันจะต้องะเืเลือนลั่นไปทั่วบริเวณ
ผู้คนต่างต้องตกตะลึงกับศึกต่อสู้และยังชมด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่ต่อให้เซี่ยโหวิแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยังคงด้อยกว่าเว่ยจี้ ผ่านไปสักพักเซี่ยโหวิจึงเป็ฝ่ายถูกกดดัน เมื่อเวลาล่วงเลย เซี่ยโหวิถูกต้อนจนมุมอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดก็รับการโจมตีของเว่ยจี้ไม่ได้ จึงถูกซัดออกจากเวทีประลองพร้อมกระอักเื
ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นรวมชี่ตกรอบ กระทั่งเข้าสิบอันดับแรกไม่ได้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจ นี่ก็คือโลกแห่งบ่มเพาะ ผู้แข็งแกร่งเป็ใหญ่ ส่วนผู้อ่อนแอต้องกลายเป็เหยื่อของพวกเขา เมื่อเ้าไร้ความก้าวหน้า บางทีอดีตคู่แข่งของเ้าอาจนำหน้าและเหยียบย่ำเ้าได้ จนในที่สุดพวกเ้าก็อยู่ระดับเดียวกัน ดังนั้นในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันโเี้ เ้าจำต้องก้าวหน้าและยกระดับพลังของตน จึงจะอยู่รอดและมีที่ยืนในโลกใบนี้
แม้การตกรอบของเซี่ยโหวิจะทำให้ผู้คนใจหาย แต่ก็ถือว่าเป็การเตือนสติของทุก ๆ คนไปด้วย
ไม่นานนักจงเทา จ้าวเฉิน และอวิ๋นเจี๋ยต่างดำเนินศึกต่อสู้ของตนเอง ซึ่งคู่ต่อสู้ของจงเทาและอวิ๋นเจี๋ยไม่ใช่คนแข็งแกร่งมากนัก ทั้งสองจึงเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ส่วนจ้าวเฉินปะทะกับเจียงเผิง จ้าวเฉินนั้นทุ่มสุดกำลัง แต่ด้วยช่องว่างระหว่างขั้นพลัง สุดท้ายจ้าวเฉินก็เอาชนะเจียงเผิงไม่ได้และตกรอบไป
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ของจวนเซิ่งอ๋องที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์ต่างเผยหน้าเขียว อ๋องเล็กของพวกเขา อดีตผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 8 ในรายนามขั้นรวมชี่ ไม่คาดคิดว่าจะเข้าสิบอันดับในงานประลองนี้ไม่ได้ ทำจวนเซิ่งอ๋องของพวกเขาเสียหน้าไม่น้อย
จนถึงบัดนี้จ้าวเฉินเป็คนที่สองในรายนามขั้นรวมชี่ที่ตกรอบ เมื่อลงจากเวทีประลอง จ้าวเฉินก็ไม่ลืมชำเลืองมองนักดาบแขนเดียวกับเย่เฟิงด้วยความอาฆาต
“ตกรอบแล้วยังอวดดี คนโง่งม!” เย่เฟิงถากถางจ้าวเฉิน ทำให้จ้าวเฉินเผยสีหน้าไม่สู้ดี
“สวะ สักวันเ้าได้เห็นดีแน่!” จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น จากนั้นสะบัดชายเสื้อคลุม ก่อนจะเดินออกไป