“นี่เธอ........”เย่เทียนเซี่ยมองไปที่ซูเฟยเฟย มันยากที่เขาจะคิดว่านี่เป็ฝีมือของซูเฟยเฟย ในฐานะที่เป็ลูกสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย เธอจะต้องเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่งดงามไร้ที่ติแน่ๆ ทุกอย่างก็คงไม่จำเป็ต้องทำด้วยตัวเอง ดังนั้นการใช้แรงงานแต่ละอย่างที่ทั้งสกปรกและเหน็ดเหนื่อยก็น่าจะถูกกันออกไปจากเธอทั้งหมดเพียงเธอเอ่ยปากพูดแค่ประโยคเดียว........ ที่จริงไม่ต้องเอ่ยปากพูดเลยด้วยซ้ำก็น่าจะมีคนอาสาช่วยทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นโดยไร้ที่ติ แต่......ทั้งหมดตรงหน้าของเขานอกจากซูเฟยเฟยแล้วยังจะมีใครทำได้อีก
“ฮึ้ย!” หลังจากคิดไปถึงบริษัททำความสะอาดที่เธอเรียกมาเมื่อตอนบ่ายใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยก็มืดมนลงทันใด ซูเฟยเฟยทำปากยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ “วางใจเถอะ! มีคำสั่งจากนาย ฉันเหรอจะกล้าให้ใครเข้ามา ฉันทำความสะอาดทั้งหมดนี่เองนั่นแหละ...... เฮ้อ มันทำให้ฉันต้องเสียเหงื่อไปเยอะเลยล่ะ แล้วยังทำให้ชุดที่ฉันชอบที่สุดเปื้อนไปหมดเลยด้วย” ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะหมุนตัวไปซ้ายทีขวาที “ดูสิ เสื้อสีม่วงตัวนี้สวยไหม?”
“สวย” เย่เทียนเซี่ยพยักหน้าเหมือนหุ่นยนต์
“นี่! นายทำหน้าอะไรของนายเนี่ย!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยที่มีใบหน้านิ่งแข็งอย่างเห็นได้ชัด ซูเฟยเฟยก็กระทืบเท้าออกมาอย่างไม่พอใจ
“ปกติเธอนี่.......ทำงานบ้านด้วยหรอ?” เย่เทียนเซี่ยลองถามออกไป เขากวาดสายตามองไปรอบๆบ้านที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจอีกครั้ง ...... ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ภาพลวงตา
“แหงสิ! เหอะๆ! อย่าคิดว่าพ่อของฉันคือซูลั่วแล้วฉันจะเป็ลูกสาวที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ ตอนที่ฉันยังเด็กแม่ของฉันก็สอนว่าเื่ของตัวเองก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง แล้วฉันก็ได้เรียนการทำอาหารและการทำงานบ้านด้วย ไม่งั้นแต่งออกไปแล้วก็คงเป็ได้แค่ดอกไม้ประดับแจกันน่ะสิ ดังนั้นปกติแล้วฉันก็จะทำความสะอาดห้องของฉันเอง ไม่ให้ใครเข้ามาเหมือนกัน แล้วปกติฉันก็ชอบทำอาหารที่ตัวเองชอบกินเองด้วย...... อ๊า เกือบลืมไปแล้วสิ!”
เมื่อพูดถึง “อาหาร” ซูเฟยเฟยก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอก้าวเท้าที่สวมรองเท้าอยู่บ้านสีชมพูเข้าไปในห้องครัวที่เย่เทียนเซี่ยไม่เคยใช้เลยประมาณชาติเศษ แต่ตอนนี้ห้องครัวห้องนั้นถูกทำความสะอาดอย่างดีทุกซอกทุกมุม
ในฐานะที่เป็เ้าของบ้านเขารู้ดีว่าคนๆหนึ่งจะต้องลำบากลำบนขนาดไหนกว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าระหว่างที่ตัวเองอยู่ใน World of Fate ตลอดทั้งบ่ายจนเลยมาถึง่ค่ำเธอคงทำความสะอาดที่นี่ทั้งหมดทุกซอกทุกมุมด้วยตัวคนเดียว...... แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับเขา เธอกลับไม่ได้บ่น ต่อว่า หรือแสดงความไม่พอใจใดๆออกมาเลย แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เวลานี้เย่เทียนเซี่ยพบว่าภายในระยะเวลาอันสั้นที่เขาอยู่ร่วมกับหญิงสาวคนนี้เขายังคงไม่รู้จักเธอดีพอ และมันยังทำให้ความคิดที่เขามีต่อหญิงสาวที่มาจากครอบครัวอันร่ำรวยอย่างเธอเปลี่ยนไปไม่น้อย
เธอตั้งใจจะทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็ “บ้าน” หลังใหม่อย่างนั้นเหรอ?
เย่เทียนเซี่ยคิดเงียบๆอยู่คนเดียว........ แม้ว่าที่นี่จะเป็บ้านของเขา ทว่าั้แ่เธอคนนั้นจากไปเขาก็ไม่มีความรู้สึกว่าที่แห่งนี้เป็บ้านมานานแล้ว
ซูเฟยเฟยประคองชามหรูหราที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนออกมาจากห้องครัว แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็ทำให้เย่เทียนเซี่ยได้กลิ่นหอมหวนที่ส่งผลต่อประสาทรับกลิ่นของเขาอย่างรุนแรงลอยมา
ชามที่ถูกซูเฟยเฟยยกมาถูกวางไว้ตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ย เมื่อมองมันแล้วเย่เทียนเซี่ยก็ออกอาการอึ้งไปครู่หนึ่ง ซูเฟยเฟยยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ “นี่คือข้าวเย็นของนาย ที่จริงก็น่าจะเรียกนายมากินตั้งนานแล้ว แต่ดูเหมือนนายกำลังเล่นอย่างเมามันอยู่ก็เลยไม่ได้เรียก ดูสิ นี่เป็โจ๊กเนื้อที่ฉันทำเองเลยนะ ฮิๆๆๆ นี่น่ะอร่อยกว่าโจ๊กเนื้อที่นายเคยกินมาก่อนหน้านี้แน่นอน นี่เป็อาหารที่ฉันชอบทำแล้วก็ชอบกินมากที่สุดด้วย มันเป็อาหารอย่างแรกๆที่แม่สอนฉันทำเลยล่ะ นายจะต้องไปเคยกินมาก่อนแน่นอน แล้วมันยังมีชื่อที่เพราะมากๆด้วยนะ มันเรียกว่าเก้าดาราล้อมเดือน รีบๆกินดูสิ”
ซูเฟยเฟยนั่งลงตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ย มือข้างหนึ่งเท้าแก้มขาวเอาไว้ ดวงตางดงามของเธอมีประกายยิ้มแย้มเฝ้ารอคอยปฏิกิริยาตอบกลับของเขา
“เธอทำกับข้าเป็ด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ ฉันก็เคยพูดไปแล้วนี่ เหอะ นายนี่มันจริงๆเลย นายเป็บอดี้การ์ดที่พ่อกับฉันหามาชัดๆ แล้วยังต้องให้ฉันทำกับข้าวให้กินอีกเหรอ...... นายนี่มันโชคดีจริงๆเลยนะ”
“..........” เย่เทียนเซี่ย
“รีบกินเข้าสิ บอกไว้ก่อนเลยนะ นอกจากพ่อของฉันแล้ว ยังไม่มีใครมีคุณสมบัติมากพอจะได้กินกับข้าวที่ฉันทำเลยนะ”
“แล้วทำไมเธอต้องทำให้ฉันด้วยล่ะ”
“เพราะ.....ถึงแม้ว่าบางทีนายจะน่าเกลียดไปบ้าง แต่จะมากจะน้อยยังไงนายก็เป็ผู้ช่วยชีวิตของฉันน่ะสิ” ซูเฟยเฟยพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา ส่วนสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เธอก็ยังสับสนกับตัวเองอยู่
บ้านของเย่เทียนเซี่ยรกมาก แล้วไหนจะมีอะไรก็ไม่รู้มากมายวางระเกะระกะเต็มไปหมดทำให้เธอรู้ได้อย่างง่ายดายว่าอาหารปกติของเขาเป็อย่างไร แล้วเธอก็ยังหาข้าว ผักสด ผลไม้หรือเครื่องปรุงต่างๆในบ้านของเย่เทียนเซี่ยไม่เจอเลยแม้แต่อย่างเดียว ห้องครัวก็ดูเหมือนไม่ได้ใช้มาเป็เวลานาน แต่ดีที่พ่อของเธอเข้าใจสถานการณ์ในบ้านของเย่เทียนเซี่ยดีและยังเข้าใจลูกสาวของเขาดีด้วย เขาถึงได้ให้คนเอาของมาส่งให้เธอมากมาย และยังมีของสำหรับให้เธอทำอาหารเองได้อีกด้วย แต่เมื่อซูเฟยเฟยทำอาหารเย็นให้ตัวเอง จิตใต้สำนึกของเธอก็บอกให้ทำอาหารให้เย่เทียนเซี่ยอีกจานและเธอก็รู้สึกได้ว่านั่นคือความปรารถนาจากส่วนลึกในจิตใจของเธอ
เช่นเดียวกับตอนนี้ที่กำลังมองเขาซดโจ๊กที่เธอทำเข้าปาก หัวใจของเธอก็เกิดความรู้สึกพึงพอใจที่พูดออกมาไม่ได้ มันเป็ความรู้สึกที่แปลกประหลาดและไม่คุ้ยเคย เหมือนกับที่เธอพยายามอย่างหนักและยืนยันที่จะทำความสะอาดที่แห่งนี้ด้วยตัวของเธอเอง....... จิตใต้สำนึกของเธอตั้งใจจะทำให้ที่นี่กลายเป็บ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ที่เธอจะไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป เป็บ้านที่สามารถเป็ที่พึ่งพาอาศัยให้เธอได้
“อร่อยดี” เย่เทียนเซี่ยวางชามลงแล้วพูดออกไปอย่างจริงใจ เขารู้สึกได้ถึงซุปเนื้อที่มีอุณหภูมิกำลังดีที่ไหลผ่านลำคอของเขาไปยังกระเพาะ และตามมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นและสั่นไหวที่ค่อยๆหลั่งไหลเข้าไปในหัวใจของเขาทีละน้อย และกระจายไปยังอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย....... ในเวลานั้นเหมือนกับเงาร่างของเธอผุดขึ้นมาตรงหน้าเขาในทันที ทำให้เขาอึ้งไปพร้อมดวงตาที่เหม่อลอย
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเริ่มฝึกฝนฝีมือมาั้แ่หกขวบเชียวนะ ขนาดพ่อของฉันที่เคยกินอาหารอร่อยๆเกือบจะทุกอย่างบนโลกนี้แล้วยังชอบกินกับข้าวที่ฉันทำมากที่สุดเลย.....” ซูเฟยเฟยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วท่าทางของเธอก็ค่อยๆกลายเป็ความภาคภูมิใจ
“อั๊ยหยา! หอมมากเลยเ้าค่ะ เป็กลิ่นที่หอมอะไรอย่างนี้!”
ขนาดกั่วกัวที่ขี้เซายังถูกกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนในชีวิตปลุกขึ้นมาจากการหลับใหล เธอปรากฏตัวอย่างรีบร้อนอยู่บนไหล่ของเย่เทียนเซี่ย จมูกเล็กๆของเธอขยับฟุดฟิด แล้วจากนั้นเธอก็ตามกลิ่นไปจนถึงชามใบเล็กที่เย่เทียนเซี่ยกำลังถืออยู่ เดิมทีสิ่งที่เย่เทียนเซี่ยกินเป็อาหารปกติไม่สามารถดึงดูดความสนใจของกั่วกัวได้ ทำให้สิ่งที่เธอสนใจที่สุดยังคงเป็อมยิ้ม แต่เมื่อโจ๊กเนื้อฝีมือซูเฟยเฟยปรากฏขึ้นมาเธอก็ได้กลิ่นที่หอมหวนยิ่งกว่าอมยิ้มขึ้นมาทันที
