“หรานอิ่งชุน หลังจากที่จบเื่นี้เ้าต้องอยู่ห่างอี๋เหนียงสองแล้วนะ นางพร่ำบอกว่าเห็นเ้าเป็บุตรสาว แต่ในเวลาวิกฤติเช่นนี้ มีมารดาผู้ใดจำบุตรสาวของตนมิได้กัน?”
อี๋เหนียงสามพูดพลางหัวเราะเยาะ นางกุมท้องไว้ สีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นมาก
“เ้าพูดเช่นนี้ หรือว่าเ้ารู้กัน?” อี๋เหนียงสองโกรธมากจึงตอบโต้กลับ
หากมิได้เห็นว่าอีกฝ่ายตั้งครรภ์อยู่ นางคงไม่ใจดีด้วยแน่
“จะยากอันใดล่ะ ไปเตรียมน้ำมาหนึ่งกะละมัง เรียกนายท่านมาด้วย” อี๋เหนียงสามพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
“อี๋เหนียงสาม ยามนี้...เกรงว่านายท่านคงจะหลับไปแล้วนะขอรับ” คนรับใช้พูดอย่างลำบากใจ
“นายท่านอยู่ในห้องข้า ในตอนที่ข้าออกมา เขาบอกว่าจะไม่พักผ่อนจนกว่าข้าจะกลับไป ไปเรียกเถิด”
คำพูดของอี๋เหนียงสามทำให้อี๋เหนียงสองกำหมัดแน่น
“ขอรับ” คนรับใช้ไม่อยากอยู่ตรงกลางระหว่างการต่อสู้ของทั้งสอง จึงรับคำสั่งและรีบวิ่งออกไป
ไม่นานนัก นายท่านหรานก็ออกมาพร้อมกับน้ำกะละมังหนึ่งที่มีคนยกเข้ามาด้วย
“จู๋เออร์ มีเื่อันใดหรือ?” สายตาของนายท่านหรานมองไปที่อี๋เหนียงสามั้แ่เดินเข้ามา เขาไม่ได้สนใจเื่อื่นเลย
“นายท่าน ไม่มีอันใดมากหรอกเ้าค่ะ เพียงแค่อยากจะใช้เืของท่านสักหน่อย”
“เืหรือ?” นายท่านหรานมีสีหน้าสับสน
อี๋เหนียงสามยื่นมือออกไปชี้ที่หรานอิ่งชุนทั้งสองคน “หยดเืหาเครือญาติเ้าค่ะ”
“เหตุใดถึงได้มีอิ่งชุนถึงสองคน?” นายท่านหรานมองตามมือของนาง เมื่อเห็นหรานอิ่งชุนถึงสองคน เขาก็ดูสับสนและมีสีหน้าตึงเครียด
“เื่มันยาวน่ะเ้าค่ะ นายท่าน รีบหยดเืเถิด ยามนี้ฟ้าก็มืดแล้ว พวกเรารีบหาตัวอิ่งชุน แล้วพานางกลับเข้าเรือนเร็วๆ ดีกว่าเ้าค่ะ”
“ได้สิๆ” นายท่านหรานว่าตามนาง เขาเดินลงบันไดมายืนอยู่หน้ากะละมังที่มีน้ำ หรานอิ่งชุนทั้งสองจึงเดินเข้าไปเช่นกัน
พวกเขาทั้งสามยืนล้อมรอบกะละมัง
คนรับใช้ก้มลง แล้วมอบกริชให้ทั้งสามคน
“ประเดี๋ยวก่อน จะใช้วิธีนี้มิได้นะเ้าคะ” เมื่อเห็นทั้งสามคนชักกริชออกมา เวินซีที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็ทนไม่ไหว
“เ้าเป็ผู้ใดกัน? เหตุใดจะทำมิได้? การหยดเืพิสูจน์เครือญาติมีมาแต่โบราณ ไม่เคยมีผู้ใดบอกว่าใช้วิธีนี้ไม่ได้ หรือว่าเ้าเป็พวกเดียวกับอิ่งชุนตัวปลอมกัน?” อี๋เหนียงสามมองเวินซีพลางขมวดคิ้ว
เวินซีขมวดคิ้ว นางไม่รู้จะอธิบายเช่นไร
จะพูดว่าเืมีถึงแปดหมู่เืก็คงมิได้ หากนางพูดไปคนพวกนี้ต้องคิดว่านางเป็ตัวประหลาดแน่
“เหตุใดถึงเงียบไป หรือว่าข้าพูดเปิดโปงเ้า?” อี๋เหนียงสามกดดัน
“คุณหนูเวิน ไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ข้ามั่นใจ” หรานอิ่งชุนบอกเวินซีว่าไม่เป็ไร พลันหันหน้าไปหาอี๋เหนียงสาม “อี๋เหนียงสาม นางเป็ผู้มีพระคุณต่อข้า ท่านอย่าได้พูดประชดประชันนางเลยเ้าค่ะ ข้าจะทำ”
“เช่นนั้นก็เร็วสิ” อี๋เหนียงสามละสายตาออกมาจากเวินซีแล้วเอ่ยเสียงนิ่ง
เวินซีถอนหายใจ สุดท้ายก็มิได้ห้ามพวกเขา
“เริ่มกันเถิด” นายท่านหรานพูด พลันใช้กริชกรีดที่ฝ่ามือ หยดเืลงในกะละมัง
“ข้าขอก่อน” สตรีผู้ที่มีใบหน้าเหมือนหรานอิ่งชุนพูดอย่างมั่นใจ แล้วรีบกรีดเืหยดลงไป
เืของทั้งสองรวมกันอยู่ในน้ำ
เมื่อเห็นเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของอี๋เหนียงสามก็กว้างขึ้น “นี่ก็เห็นผลแล้ว หรานอิ่งชุนตัวปลอม เ้าอยากจะลองหรือไม่?”
หรานอิ่งชุนเม้มริมฝีปาก พยักหน้าเล็กน้อย กรีดมือแล้วหยดเืลงไป
แต่ไม่คิดเลยว่าเืของนางจะกระจัดกระจายไปด้านข้าง ไม่มีวี่แววว่าจะผสมกัน
“เ้าทั้งสอง จับคนที่ปลอมตัวเป็คุณหนูหรานไว้!”
เสียงของอี๋เหนียงสองดังขึ้น คนรับใช้พลันออกมาจากจวนหรานทันที พวกเขาเจ็ดแปดคนล้อมรอบหรานอิ่งชุนไว้ทุกทิศทาง และกดนางไว้กับพื้น
นางไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็เช่นนี้ หรานอิ่งชุนเอาแต่มองไปที่กะละมัง
จนกระทั่งถูกคนรับใช้จับตัวไปหลายก้าว นางถึงได้สติขึ้นมา
“อี๋เหนียงสอง ข้าคืออิ่งชุนจริงๆ นะเ้าคะ นางเป็ตัวปลอม ข้ามิได้โกหก”
“อี๋เหนียงสอง ท่านยังจำจดหมายที่ข้าเขียนถึงท่านได้หรือไม่? ในจดหมายบอกว่า...”
“หุบปาก เื่มาถึงเช่นนี้แล้วเ้ายังไม่รู้จักสำนึกอีกหรือ เช่นนั้นก็อย่าได้ชังที่ข้าต้องลงโทษเ้า เข้ามา เฆี่ยนนางเสีย” อี๋เหนียงสองนำความไม่พอใจที่ได้รับจากอี๋เหนียงสามมาลงที่นาง
คนรับใช้หลายคนเมื่อได้รับคำสั่งก็ยกเท้าเตะไปที่ร่างของหรานอิ่งชุนอย่างจัง ทุบตีนางจนนางล้มลงกับพื้น เจ็บจนต้องขดตัวนิ่ง
“อย่าเพิ่งตีนางเ้าค่ะ ช้าก่อน”
เวินซีเดินไปหาคนรับใช้ นางรู้ว่าพวกเขาไม่ฟัง จึงต้องดึงคอเสื้อของพวกเขาแล้วโยนออกไป
ทำให้สายตาของหลายๆ คนหันมาที่นาง
“เกือบลืมไป นางมีพรรคพวกมาด้วยนี่ เช่นนั้นก็จับสองคนนี้ให้ข้าด้วย” อี๋เหนียงสองยิ้มเยาะแล้วชี้ไปที่เวินซีและจ้าวต้าน
“เ้าไม่ต้องขยับ ข้าจัดการเอง”
เวินซีกำลังจะลงมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของจ้าวต้าน นางก็หัวเราะเบาๆ พลันหยุดอยู่กับที่
จ้าวต้านจึงลงมือจัดการกับพวกคนรับใช้ เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ทำให้ทุกคนล้มลงไปโอดครวญอยู่ที่พื้น
อี๋เหนียงสอง อี๋เหนียงสาม และนายท่านหรานมองดูคนรับใช้ที่นอนอยู่บนพื้นพลันหันไปมองทั้งสองคน แววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่านี่หมายความเช่นไรขอรับ? ตระกูลหรานเราเคยเป็ศัตรูกับพวกท่านหรือ? พวกท่านพูดมาเลยเถิดขอรับ” น้ำเสียงของนายท่านหรานเปลี่ยนไปเป็น่าฟัง
“ไม่ถึงกับเป็ศัตรูหรอกเ้าค่ะ ข้าเพียงไม่อยากให้ผู้ที่คิดไม่ซื่อมาหลอกลวง” เวินซีมองไปที่นายท่านหรานแล้วเอ่ยขึ้น
“ขออภัยในความโง่เขลาของข้า ไม่ทราบว่าคุณหนูหมายความเช่นไรขอรับ?” นายท่านหรานดูสับสน
“หากยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เพียงฟังข้าก็พอ นายท่านหรานให้พวกเขาไปนำน้ำมาอีกสามกะละมังสิเ้าคะ”
“ฟังคุณหนู รีบไปเอามา” นายท่านหรานพูดกับคนรับใช้ที่ยืนอยู่
คนรับใช้ไม่กล้ารีรอ จึงรีบไปตักน้ำมาวางลงบนพื้น
“นายท่านหราน รบกวนท่านหยดเืลงทั้งสามกะละมังด้วยเ้าค่ะ”
“ได้ขอรับ”
แม้ว่านายท่านหรานจะไม่เต็มใจทำ แต่เขากลัวว่าเวินซีจะลงมือ จึงจำต้องทำตามที่นางบอก เขาหยิบกริชขึ้นมาแล้วกรีดแผลใหม่
“พวกเ้าก็กรีดเืของตนเองลงไปด้วย” เวินซีชี้ไปที่คนรับใช้และสตรีรับใช้สองสามคน
“ขอรับ/เ้าค่ะ”
คนรับใช้และสตรีรับใช้เดินก้มหน้าเข้ามา หยดเืลงไปพลันถอยออกมาทันที
ไม่นานนัก เืในกะละมังก็รวมตัวกัน
“นี่มัน...” เมื่อเห็นปรากฏการณ์นี้ นายท่านหรานก็ใมากจนพูดไม่ออก
“นายท่านหราน หมู่เืเดียวกันก็สามารถอยู่รวมกันได้แล้วเ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็เครือญาติหรือไม่ ท่านคิดจริงๆ หรือว่าการหยดเืพิสูจน์เครือญาติจะสามารถบอกได้ว่าผู้ใดคือหรานอิ่งชุนตัวจริง?” เวินซีหัวเราะเบาๆ
“หมู่เืคือสิ่งใด?”
“เป็ชื่อทางการแพทย์เ้าค่ะ ไม่ต้องสนใจ ท่านรู้เพียงว่าวิธีนี้ใช้มิได้ผลก็พอ”
“เช่นนั้น...นี่ก็มืดแล้ว ทุกคนเข้าไปในจวนก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” หากเป็เช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ นายท่านหรานจึงพูดแนะ
“นายท่านหราน วันนี้ข้ามีธุระ ข้าคงไม่เข้าจวนไปด้วยล่ะเ้าค่ะ ข้าจะมาใหม่วันพรุ่ง” เวินซีปฏิเสธ
“คุณหนูเวิน” เมื่อหรานอิ่งชุนได้ยินคำพูดของนางก็มีสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะรีบวิ่งไปจับมือนาง
“หากคุณหนูเวินไม่เข้าจวน ข้าก็จะไม่เข้าเช่นกัน”
ในสถานการณ์เช่นนี้ หรานอิ่งชุนเกรงว่าหากตนเข้าไป วันพรุ่งนี้จะต้องกลายเป็ศพแน่
“อิ่งชุน อย่าดื้อ” นายท่านหรานขมวดคิ้วดุ
“ข้าไม่เข้า ไม่เข้า”
“ในเมื่อวันนี้หาความจริงมิได้ เช่นนั้นข้าจะมาใหม่วันพรุ่งเช่นกัน ข้าสนิทกับท่านย่าั้แ่เล็ก วันพรุ่งให้ท่านย่าออกมาดูเถิดเ้าค่ะ วันนี้ให้นางพักผ่อนก่อน” สตรีผู้นั้นย่อตัวลงพูด
นายท่านหรานมองดูทั้งสองคนอย่างเคร่งขรึม เวลาผ่านไปนาน เขาก็โบกมืออย่างอ่อนแรง “ก็ได้ วันพรุ่งพวกเ้าค่อยมาตอนเที่ยงก็แล้วกัน”
“เ้าค่ะ”
สตรีผู้นั้นกลับขึ้นรถม้าพลันจากไป ส่วนเวินซีและคนอื่นๆ ก็กลับขึ้นรถไป ก่อนจะไปหาสืออีและซูเหอ