“เมื่อร่างของข้า จมลงไปถึงก้นสระ ร่างของข้าก็นอนเล่นตรงนั้นครู่หนึ่ง ทว่าอยู่ ๆ เกิดนึกขึ้นได้ ว่าตัวข้าว่ายน้ำเป็ ก็เลยว่ายกลับขึ้นมา ทว่าไม่พบใครบริเวณนั้นสักคน! ก่อนจะหมดสติไป” คำพูดเยียบเย็นของหวางฟางเฟย ทำให้อีกฝ่ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนปั้นหน้ายิ้ม ค่อย ๆ จูงมือหวางฟางเฟยกลับมายังห้องนอนแล้วพูดขึ้น
“เ้ารอดพ้นความตายมาได้ ข้าก็ดีใจ รู้หรือไม่ว่าพ่อของเ้าเป็ห่วงอย่างมาก ถึงขนาดนำหมอหลวงมารักษา ภายในจวนสกุลจิว วุ่นวายเพราะเ้าเป็อย่างมาก!”
“เพราะข้างั้นเหรอ?” คำย้ำของหวางฟางเฟย ทำให้จิวฮูหยินหยุดชะงักเล็กน้อย
“แม่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น แม่แค่อยากให้เ้ารู้ว่าทุกคนในจวนล้วนแล้วแต่เป็ห่วงเ้าทั้งสิ้น กับพี่สาวของเ้าตอนนี้ก็ร้องไห้เพราะรู้สึกผิดทุกวัน เห็นแก่แม่ อย่าได้บอกว่าเป็ฝีมือของเยว่หลิว ที่เป็คนผลักเ้าตกน้ำ ไม่เช่นนั้นพี่สาวของเ้าต้องโดนลงโทษหนักเป็แน่” มารดาเลี้ยงพูดจบ ก็ค่อย ๆ เดินมายังหญิงสาวแล้วจับมือนางเบา ๆ
“ส่วนเื่ผ้าปักที่เ้าปักให้กับ จิวอี้ซิง แม่ก็ยังจะไม่บอกกับพ่อของเ้า ให้เป็เื่ราวใหญ่โตเช่นกัน”
“ตอนนี้ข้าง่วงนอนแล้ว ข้าขอพักผ่อนก่อนดีกว่า” หวางฟางเฟยทำท่าหาว แล้วเบี่ยงกายลงไปนอน ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำให้จิวฮูหยินกำมือแน่น แล้วจำใจเดินจากไป หลังจากประตูห้องปิดลง ร่างของเยว่หลิวก็เดินเข้ามาหามารดาทันที ด้วยความรีบร้อน
“นางว่าอย่างไรบ้าง ท่านแม่ทำให้นางยอมแล้ว ใช่หรือไม่” นางกระซิบถามด้วยท่าทางร้อนใจ ทว่าหญิงกลางคนนิ่งเงียบ พร้อมสองเท้าก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างช้า ๆ พร้อมความคิด
“เหตุใดท่านแม่จึงเงียบ มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ หรือว่านางยืนยันจะพูดความจริงกับท่านพ่อ!” ท่าทางกังวลใจของเยว่หลิวทำให้หญิงกลางคนถอนหายใจพลันเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้สึกแปลกใจ ว่าเหตุใดอยู่ ๆ หวางฟางเฟยจึงว่ายน้ำกลับขึ้นมาได้ นางมาอยู่ที่จวนสกุลจิวั้แ่ห้าขวบ ไม่เคยมีใครสอนให้นางว่ายน้ำ”
“เื่นั้นช่างมันเถอะ ในเมื่อนางไม่ตาย หากนางปากมาก ฟ้องท่านพ่อ ว่าข้าเป็คนถีบนางตกน้ำ ท่านพ่อต้องทำโทษข้าหนักหนาเป็แน่”
“เ้าเคยเห็นนางปากมากด้วยรึ เลิกฟุ้งซ่านแล้วกลับไปนอน” มารดาหันกลับมาเรียกสติบุตรสาว ก่อนอีกฝ่ายจะชะงักนิ่ง พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเบี่ยงตัวกลับห้องไปตามคำสั่ง
เสียงเปิดประตูห้องของหวางฟางเฟยดังขึ้นกลางดึก นางที่นอนอยู่ลืมตาเบา ๆ ฟังเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ก่อนมือของใครบางคนจะเอื้อมมาแตะตัวนาง
“คุณหนู!” เสียงเรียกอ่อนหวานทำให้หวางฟางเฟย ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ก่อนแสงตะเกียงจะถูกสาวใช้จุดขึ้น พร้อมภาพความทรงจำเกี่ยวกับคนตรงหน้า จะไหลเข้ามาให้หวางฟางเฟยได้เห็นเป็ระยะ
หลินหลิน เป็สาวใช้ วัยไล่เลี่ยกัน เสนาบดีจิวหยางเหรินนำนางมาจากเมืองฝูเจี้ยน พ่อแม่ตายด้วยโรคระบาดเช่นเดียวกัน ทว่านางเป็เพียงบุตรสาวของชาวนา ไม่ได้เป็บุตรสาวของขุนนางเฉกเช่นหวางฟางเฟย จึงเลี้ยงดูนางให้เป็สาวใช้ประจำกาย ซึ่งนางก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา เมื่อเห็นภาพเื่ราวทั้งหมดผ่านความทรงจำเ้าของร่างเดิม ทำให้หลิวเซียนยู่ในร่างของหวางฟางเฟยเข้าใจ แล้วยิ้มเล็กน้อย
“เหตุใดจึงมาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้” หลินหลินเอื้อมมาจับมืออีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น
“เวลานี้เหมาะที่สุด เพราะพวกเขาเข้านอนกันหมดแล้ว คุณหนู เื่ที่ท่านตกสระน้ำ อย่างไรเสียนายท่านก็ต้องสอบความ พรุ่งนี้นายท่านจะกลับจากวังหลวง คุณหนูคิดแล้วหรือยังว่าตอบนายท่านเช่นไร” หวางฟางเฟยทอดสายตาแน่นิ่งไปยังสาวใช้ ก่อนอีกฝ่ายจะก้มหน้าแล้วพูดขึ้น
“ข้ารู้ ว่าการตกน้ำในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะคุณหนูซุ่มซ่าม แต่ต้องเป็ฝีมือของฮูหยินกับคุณหนูรองเป็แน่ คุณหนูจะปกปิดความผิดให้พวกนางอีกใช่หรือไม่”
“ที่ผ่านมาข้าชอบทำแบบนั้นเหรอ?” หลินหลินพยักหน้า ก่อนหวางฟางเฟยจะเอื้อมไปจับมือของหลินหลินแน่น แล้วพูดขึ้น
“เช่นนั้นเ้าตอบข้าหน่อย ว่าพรุ่งนี้ข้าควรทำอย่างไร” หลินหลินเงยหน้า แล้วพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก
“ตอบตามความจริง ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับโทษ แต่คุณหนูมักบอกว่าข้าเสมอว่า...หากทำเช่นนั้นต่อไปภายหน้าคุณหนูจะอยู่ที่จวนสกุลจิวอย่างยากลำบาก เพราะนายท่านไม่ได้อยู่ที่จวนคอยปกป้องตลอดเวลา ทำให้ทุกครั้งต้องยอมฮูหยินอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็คงเป็เช่นนั้น” หวางฟางเฟยได้ยินดังนั้น จึงลุกขึ้นเดินไปรินชาใส่ถ้วย แล้วยกดื่มช้า ๆ
“จริงสิเ้าคะ คุณหนูว่ายน้ำเป็ั้แ่เมื่อใดกัน ข้าอยู่กับคุณหนูมา ก็รู้ว่าท่านว่ายน้ำไม่เป็ มีคนช่วยคุณหนูขึ้นมาจากสระงั้นเหรอ?” หวางฟางเฟยยิ้ม
“เ้าหมายถึงจิวอี้ซิง?”
“หากไม่ใช่คุณชายจิว จะเป็ผู้ใดอีก” สาวใช้ทำหน้างุนงง ก่อนหวางฟางเฟยส่ายศีรษะเบา ๆ
“ในจวนนี้ มีใครช่วยข้าได้ นอกจากตัวข้าเอง เอาล่ะ เื่ว่ายน้ำ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าว่ายเป็ได้อย่างไร อาจเพียงเพราะอยากมีชีวิตอยู่ต่อกระมัง ทำให้ข้าตะเกียกตะกายขึ้นจากสระน้ำขึ้นมาได้” คำพูดกำกวมของหวางฟางเฟยทำให้หลินหลิน มองอีกฝ่ายแน่นิ่ง