ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเลี่ยเอ๋าเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องตรงไปทางฉินอวี่
ฉินอวี่แอบรู้สึกดีอยู่ในใจ แต่ก็แสร้งทำเป็ไม่รู้เื่และมองไปรอบๆ ไม่นานก็พูดขึ้นมา “เอ๊ะ... ผู้าุโ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เลี่ยเอ๋าจ้องไปที่ฉินอวี่ พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง พยายามระงับความโกรธของตนเองไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเสื้อของฉินอวี่ด้วยมือข้างซ้าย และใช้มือข้างขวาหยิบดอกจี๋หยางขึ้นมา ก่อนจะพูดออกมา “สิ่งนี้มันคืออะไร?”
“ดอกจี๋หยาง” ฉินอวี่ตอบไปตามตรง
“มีประโยชน์อย่างไร?”
ฉินอวี่กลอกตามองบน “เื่นี้ต้องถามท่านต่างหากล่ะ ท่านเป็นักปรุงยา...”
“เ้า...” เลี่ยเอ๋าถูกฉินอวี่ย้อนถามจนแทบจะะเิความโกรธออกมา ยิ้มขึ้นอย่างดุร้าย และพูดต่อไป “เ้าเด็กน้อย ช่างกล้านักนะ เ้ากล้าดีอย่างไรจึงกล้ามายั่วโมโหข้า?” พูดจบ เขาก็ยื่นมือขวาตบออกไปทางศีรษะของฉินอวี่
“โอสถทลายแก่นพลังไม่ได้ปรุงอย่างที่ท่านทำอยู่” ฉินอวี่พูดขึ้นมาทันที มือข้างที่ยื่นออกไปหยุดลงใกล้กับใบหน้าของฉินอวี่ทันที ใบหน้าของฉินอวี่ก็ถูกแรงกระทบจากลมที่พัดตามฝ่ามือมา
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังทำการปรุงโอสถทลายแก่นพลัง?” เลี่ยเอ๋าถึงกับตาเบิกโพลง และพูดด้วยความใ ใบปรุงยาที่เขาให้ฉินอวี่ไปไม่ได้เขียนชื่อของตัวโอสถเอาไว้ มีเพียงชื่อของตัวสมุนไพรเท่านั้น
ฉินอวี่เหลือบมองไปทางเลี่ยเอ๋า และแสร้งทำเป็กังวลใจ “ข้ารู้เื่ใบปรุงยานี้เพียงเล็กน้อย จริงสิ ผู้าุโ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอไปตัดไม้ก่อน ข้ายังต้องสร้างกระท่อมพันหลัง”
เลี่ยเอ๋าตกตะลึงอีกครั้ง จ้องไปทางฉินอวี่ จากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้น “เอาล่ะ เ้ามันเด็กร้ายกาจ ช่างเถอะ ถ้าเ้าสามารถแก้ข้อสงสัยให้ข้าได้ เ้าก็ไม่ต้องไปสร้างกระท่อมไม้นั่นแล้ว”
“ขอผู้าุโช่วยทำการปรุงให้ข้าดูอีกครั้งด้วย ข้าจะขอดูก่อนว่าที่ท่านทำมีปัญหาอยู่ตรงส่วนไหนกันแน่” ฉินอวี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเริ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ เพื่อหาวิธีออกไปจากที่อันเลวร้ายแบบนี้โดยเร็ว ซึ่งน่าจะขึ้นอยู่กับสิ่งนี้แล้ว
“ได้ เ้าหนุ่มน้อย เ้าคอยดูนะ!” เลี่ยเอ๋าผลักฉินอวี่ออกไปทางด้านหนึ่ง จากนั้นจึงเตรียมหม้อปรุงยา หยิบวัตถุดิบยาออกมาชุดหนึ่ง แล้วโยนลงไปในหม้อปรุงยาแบบเดียวกันทุกประการ
“ช้าก่อน ผู้าุโ ท่านจะต้องกระตุ้นอักขระ์ของหม้อปรุงยาเสียก่อน” ฉินอวี่มองอย่างเคร่งเครียด ผู้าุโคนนี้ปรุงยาเป็เสียที่ไหนกัน? นี่คือนักปรุงยาจริงหรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ใบหน้าของเลี่ยเอ๋าก็แดงก่ำ และรีบนำสมุนไพรที่เขาใส่เข้าไปในหม้อปรุงยาออกมา จากนั้นเรียกเปลวไฟสีเทาออกมาไว้บนมือข้างขวา ก่อนจะตบลงไปบนหม้อปรุงยา
“เพลิงวิเศษของฟ้าดิน?” ฉินอวี่เบิกตากว้าง เขานึกไม่ถึงว่าผู้าุโคนนี้จะมีเพลิงวิเศษของฟ้าดิน เพียงแต่ฉินอวี่ยังแยกไม่ออกในทันทีว่าเป็เพลิงธรณีหรือเพลิง์ เมื่อเห็นความชำนาญในการควบคุมเพลิงวิเศษของฟ้าดิน ฉินอวี่ก็รู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ
“เ้าเด็กน้อย ข้าควรทำเช่นไรต่อ?” เมื่อเห็นว่าฉินอวี่เงียบไปนาน เลี่ยเอ๋าจึงส่งเสียงะโอย่างหงุดหงิด
“ผู้าุโ รอสักครู่... ขอข้าคิดก่อน... การจุดชนวนการปรุงโอสถทลายแก่นพลัง จำเป็ต้องควบคุมไฟให้ดี และยังต้องใส่ใจกับลำดับในการใส่วัตถุดิบ... ท่านโปรดหยุดสักครู่ ขอข้าคิดดูก่อน” ฉินอวี่เปลี่ยนหัวข้อพูดทันที
กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเลี่ยเอ๋ากระตุกทันที ะโลงจากหม้อปรุงยา แล้วตะคอกเสียงดัง “รีบคิด!”
ฉินอวี่นั่งลงขัดสมาธิ และหลับตาลงก่อนจะทำการไตร่ตรอง หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอวี่ก็ลืมตาขึ้น และพูดออกไปทันที “ผู้าุโ ท่านมีเพลิงของฟ้าดินหรือ?”
ดวงตาของเลี่ยเอ๋าเบิกกว้างทันที และพูดไปอย่างเ็า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้า? เ้าจะคิดต่อหรือไม่? หากไม่คิดแล้วข้าจะได้ช่วยเ้าคิด!”
“ผู้าุโ ข้าจำเป็จะต้องรู้ก่อนว่าท่านสามารถควบคุมเพลิงของฟ้าดินได้ชำนาญในระดับใด มิเช่นนั้น... ข้าจะทำการวิเคราะห์การปรุงโอสถทลายแก่นพลังได้อย่างไร?” ฉินอวี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย เขากำลังคิดว่าหากผู้าุโคนนี้เกิดมีความเชี่ยวชาญเื่วิชาเกี่ยวกับไฟต่างๆ อาจจะช่วยชี้แนะให้เขาได้ และอาจช่วยให้เขาสามารถควบคุมเพลิงแอ่งธรณีได้ในระยะเวลาอันสั้น และจะสามารถนำเพลิงแอ่งธรณีออกมาใช้ได้อย่างแท้จริง
“ใช่” เลี่ยเอ๋าพูดอย่างหมดความอดทน พูดจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้น เปลวไฟสีเทาอ่อนก็ปรากฏขึ้นในทันใด
“เอ่อ... นี่คือไฟชนิดใด?” ฉินอวี่ถามด้วยความใ
“เพลิงอากาศธาตุ” เลี่ยเอ๋าชำเลืองมองฉินอวี่ และพูดอย่างโอ้อวด
“เพลิงอากาศธาตุ?” ฉินอวี่ใอีกครั้ง นี่คือเปลวไฟที่มีอยู่ในอากาศ อย่าได้พูดถึงเลยว่าเพลิงอากาศธาตุหาได้ยากเพียงใด แม้ว่าจะหาพบก็ยังยากที่จะเก็บมาไว้กับตัวได้ นึกไม่ถึงว่าผู้าุโขี้หงุดหงิดอย่างเขาจะมีพลังเช่นนี้อยู่กับตัว
“เ้าหนุ่มน้อย สรุปว่าเ้าคิดออกหรือยัง” เลี่ยเอ๋าตะคอกอย่างเ็า
ในที่สุดฉินอวี่ก็รู้สึกตัวกลับมาอีกครั้ง หันมามองทางผู้าุโ “ผู้าุโ อาจจะเป็เพราะเพลิงอากาศธาตุของท่านมีความรุนแรงเกินไป ทำให้วัตถุดิบยาจึงถูกเผาไหม้จนหมด” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉินอวี่พูดจาไร้สาระออกมา
“แล้วต้องทำอย่างไร?” เลี่ยเอ๋าขมวดคิ้ว
“นอกจากจะต้องไปหานักปรุงยาที่มีเพลิงธรณีเช่นเดียวกันมาแล้ว... อ้อจริงสิ ผู้าุโ สำนักยุทธ์ว่านจ้งน่าจะมีนักปรุงยาใช่หรือไม่ เหตุใดท่านไม่...” ฉินอวี่พูดอย่างไม่เข้าใจ สำนักยุทธ์ว่านจ้งใหญ่โตเช่นนี้ เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่มีนักปรุงยา คนผู้นี้อุตส่าห์มาถึงหุบเขาแห่งนี้เพื่อสร้างความวุ่นวาย... ช่างเสียของดีมีคุณค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของผู้าุโเริ่มมีสีแดง มองไปทางฉินอวี่ “ข้าขอถามอะไรเ้าสักอย่างเถอะ เ้ากำลังบอกให้ข้าไปตามหาคนที่มีเพลิงธรณีอย่างนั้นหรือ?”
ฉินอวี่พูดอย่างเหนียมอาย “ข้าไม่ขอปิดบังผู้าุโ ข้ามีเพลิงธรณีอยู่พอดี” พูดจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้น และเรียกเพลิงแอ่งธรณีออกมา
เลี่ยเอ๋ามองเพลิงแอ่งธรณีในมือของฉินอวี่ด้วยความประหลาดใจ ใช้มือขวาเข้าไปัั ก่อนจะพูดอย่างสงสัย “เพลิงแอ่งธรณี? ไม่สิ... ยังไม่ใช่ของแท้...” เลี่ยเอ๋าพูดจบ ก็จ้องมองฉินอวี่อย่างดุร้าย และพูดอย่างเย้ยหยัน “เอาล่ะ เ้าเด็กน้อย เ้าคิดจะล้อข้าเล่นหรือ? ข้าว่าเ้าดูเหมือนจะอยู่ไม่เป็สุขนะ”
ดูเหมือนว่าฉินอวี่จะคาดเดาปฏิกิริยาของเลี่ยเอ๋าเอาไว้แล้ว จึงพูดกลับไปอย่างสุขุม “ผู้าุโ ข้าจะไปกล้าล้อท่านเล่นได้อย่างไร? ความจริงเป็เช่นนี้ อันที่จริง ท่านเองก็อย่าได้ใส่ใจมากเกินไป ข้าสามารถช่วยท่านปรุงโอสถทลายแก่นพลังได้ ว่าอย่างไร?”
เลี่ยเอ๋าจ้องมองฉินอวี่อย่างเ็า ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าฉินอวี่วางกับดักตนเองไว้ั้แ่ต้น? แต่ถึงอย่างไร? ก็เป็อย่างที่ฉินอวี่กล่าวไว้ จุดประสงค์ของเขาคือการปรุงโอสถทลายแก่นพลังออกมาให้ได้ ทันใดนั้น เขาก็พูดอย่างเ็า “ปรุงมันออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น เ้าก็คงรู้จุดจบของการล้อเล่นกับผู้าุโอย่างข้า!”
ฉินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก และยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เพราะไม่แน่ใจว่าเลี่ยเอ๋าจะโกรธเขาหรือไม่ แต่ฉินอวี่ก็คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้วเช่นกัน หากเลี่ยเอ๋าเกิดโมโหอย่างไม่เลือกหน้า ฉินอวี่ก็จะนำป้ายคำสั่งของอาจารย์หวงถิงออกมาทันที
“ในเมื่อเ้าคือผู้มีเพลิงที่ว่านั่น ก็เริ่มการปรุงยาเสียเดี๋ยวนี้เถอะ!” เลี่ยเอ๋ากล่าว
“ผู้าุโ ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจเื่ของเพลิงแอ่งธรณี และยังไม่มีเวลาได้ทำความคุ้นเคยกับมัน... หากผู้าุโจะช่วยชี้แนะ ข้าก็สามารถช่วยท่านปรุงโอสถทลายแก่นพลังออกมาได้ในเวลาอันสั้น”
“เ้าหนุ่มน้อย เ้ารู้จุดจบของการเล่นตุกติกกับข้าใช่หรือไม่?” เลี่ยเอ๋ายกมือข้างขวาขึ้นคว้าตัวฉินอวี่ลอยไปบนอากาศทันที จ้องมองฉินอวี่อย่างโเี้
“ผู้าุโ ตัวข้าเองก็ถูกบีบไม่มีทางเลือกอื่น อีกอย่าง ข้าก็มั่นใจว่าจะปรุงโอสถทลายแก่นพลังออกมาให้ท่านได้ภายในหนึ่งปี”
“ถูกบีบจนไม่มีทางเลือก? ข้าอยากรู้นักว่าอะไรบีบบังคับให้เ้ากล้ามาเล่นตุกติกกับข้าเช่นนี้” เลี่ยเอ๋ากล่าวอย่างเ็า
“อันที่จริง... ตัวข้าเป็คนกำลังใกล้ตายคนหนึ่ง” สีหน้าของฉินอวี่ดูเศร้า และถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะเป็อย่างไร เขาก็คิดแผนการบางอย่างไว้สำหรับผู้าุโคนนี้จริงๆ แต่เมื่อผู้าุโสังเกตเห็นมันแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้าุโคนนี้ถีบหัวส่งเมื่อได้รับสิ่งที่้า ฉินอวี่จึงต้องยอมสร้างสถานการณ์เช่นนี้ มิเช่นนั้น ด้วยนิสัยของเขา อาจจะต้องผลักไสไล่ส่งตนเองแน่นอนหากหมดสิ้นประโยชน์
“เ้าก็มีความรู้อยู่ในตัวแล้ว” เลี่ยเอ๋าเยาะเย้ย
“ผู้าุโเข้าใจผิดแล้ว... ตัวข้ายังไม่ได้รับการจุดตะเกียงกรรมด้วยซ้ำดังนั้น...” ฉินอวี่กล่าว
“ยังไม่จุดตะเกียงกรรมหรือ?” เลี่ยเอ๋าเลิกคิ้วขึ้น
“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าหากไม่ได้จุดตะเกียงกรรม จะมีชีวิตอยู่ได้มากที่สุดไม่เกินสามปี... ดังนั้น ข้าจึงมั่นใจยิ่งนักว่ามีคนคิดจะทำร้ายข้า ข้าจึงจำเป็ต้องอาศัยผู้าุโ เพียงเพื่อให้ผู้าุโช่วยชี้แนะเื่การควบคุมเพลิงแอ่งธรณี ในตอนนั้น... ข้าก็พร้อมต้านทานกลับได้อย่างสุดกำลัง” ฉินอวี่ถอนหายใจ และกล่าวด้วยใบหน้าที่มืดมน
เลี่ยเอ๋าขมวดคิ้ว ความโกรธในใจของเขาผ่อนคลายลงไปมาก เด็กคนนี้พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ทันใดนั้น เขาก็พ่นลมหายใจอย่างเ็าออกมา “เพื่อสิ่งนี้ เ้าจึงกล้าจะวางแผนหลอกข้า? แล้วเ้าไม่กลัวหรือว่าเมื่อเสร็จสิ้นทุกเื่ข้าจะฆ่าเ้า?”
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องตาย แต่ข้าก็ยังต้องลองเดิมพันดูสักครั้ง ขอผู้าุโได้โปรดเห็นแก่สิ่งที่ข้าจะช่วยผู้าุโปรุงโอสถทลายแก่นพลัง ช่วยชี้แนะวิธีการควบคุมเพลิงธรณีให้กับข้าด้วย” ฉินอวี่กล่าวเบาๆ
“กล้าวางแผนหลอกข้า ตายไปก็ยังไม่สาสมกับความผิดของเ้า บอกมา มีอะไรที่ยังไม่เข้าใจ?” เลี่ยเอ๋าเหลือบมองไปทางฉินอวี่ และพูดอย่างเฉยเมย
ฉินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และในที่สุดก็ผ่านมันมาได้
สามวันต่อมา ณ สายชีพจรเสวียน!
“อะไรกัน? ยังไม่ตายอีกหรือ?” เสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากลานเล็กๆ
“ศิษย์... ศิษย์พี่จ้าว ไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย... แต่... แต่...” จางเว่ยพูดตะกุกตะกัก สีหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความตกตะลึง และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“แต่อะไรของเ้า?” จ้าวเจิ้นหย่วนะโอย่างเ็า
“คือ... ผู้าุโเลี่ยดูเหมือนจะสอนวิชาให้กับเด็กคนนั้นด้วยนะสิ...” จางเว่ยพูดด้วยใบหน้าเศร้า
รูม่านตาของจ้าวเจิ้นหย่วนหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาค่อยๆ สั่นเทา จากนั้นไม่นาน เขาก็ผลักฝ่ามือออกไปทันที
“เ้ากล้าล้อข้าเล่นหรือ?” จ้าวเจิ้นหย่วนตวาด
จ่างเหว่ยลุกขึ้นปิดปาก และพูดอย่างสั่นเทา “นี่เป็เื่จริง...”
