อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ป้าอวิ๋นพูดมาตรงๆ เถิดเ้าค่ะ ระหว่างข้ากับท่านไม่มีอะไรต้องเกรงใจ”
ต่อให้ความทรงจำในหอจุ้ยฮวนของนางจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนัก แต่นางก็รบกวนหวังฉีอวิ๋นไว้มาก ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จแม่เท่านั้น แต่ยังปฏิบัติกับนางด้วยความจริงใจเสมอมา
การที่ผู้มีพระคุณกล่าวอ้อมค้อมเพราะเกรงใจจึงไม่ใช่เื่ดีนัก
แน่นอนว่านายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นมีความสุขมากเมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นจื่อ ความทุกข์ของนางหายไปทันที นางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เพราะเ้าได้ตำแหน่งคณิกาชั้นสูง ทั้งยังได้ตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งของหอจุ้ยฮวน เ้าจึงควรกลับไปที่นั่นเป็ครั้งคราว ข้าอยากให้เ้ากลับมาที่หอจุ้ยฮวนทุกปีใน่เทศกาลซีซีได้หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธอย่างชัดเจน นางเพียงยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ค่อยเก่งเื่การรับแขกเลยเ้าค่ะ”
หวังฉีอวิ๋นกล่าวว่า “ดูเ้าพูดเข้าสิ การแสดงของเ้าเมื่อวานไม่ใช่แค่ดีเท่านั้นนะ แต่เรียกได้ว่าน่าทึ่งมาก”
อวิ๋นจื่อยิ้มบางๆ “ป้าอวิ๋นล้อข้าเล่นแล้ว ข้าได้รับคำแนะนำจากหงจินไม่น้อย ในอนาคตข้าอาจต้องเดินทางไกล ดังนั้นต้องเป็เทศกาลซีซีด้วยหรือเ้าคะ?”
เมื่อหวังฉีอวิ๋นได้ยินคำพูดดังกล่าวก็กัดฟันและกล่าวว่า “เ้ามีส่วนทำให้หอจุ้ยฮวนของเรามีชื่อเสียง ข้ารู้สึกขอบคุณเ้ามาก แต่หากเ้าต้องเดินทางไกล เมื่อถึงเวลาก็แค่ปลีกตัวมาที่หอจุ้ยฮวนสักสี่ห้าวัน ข้าย่อมมอบส่วนแบ่งให้เ้า อาจื่อเ้าคิดอย่างไร? หากเวลาไม่ตรงกันก็สามารถปรับเปลี่ยนได้”
อวิ๋นจื่อชำเลืองมองหวังฉีอวิ๋นและรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูแปลกไปเล็กน้อย
อวิ๋นจื่อรู้สึกอึดอัดที่หวังฉีอวิ๋นเรียกนางว่าอาจื่อ
การเจรจาการค้าแบบนี้คงมีเพียงซูเจินเท่านั้นที่ทำได้ดี
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ป้าอวิ๋น ข้าคงต้องให้พี่ชายข้ามาคุยกับท่านแทนแล้ว ข้าไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้จริงๆ”
หวังฉีอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ย่อมได้ เ้าก็แค่บอกให้เขาตอบตกลงก็พอ”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า “เ้าค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยเื่ซุบซิบทั่วไป ไม่นานหวังฉีอวิ๋นก็กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มและจากไปทันที
เมื่อซูเจินเข้ามา หญิงสาวกำลังบิดชายเสื้อของนางด้วยท่าทางที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเมื่อพบป้าอวิ๋นแล้วให้เ้าไปพบข้าทันที?” ซูเจินกล่าว
อวิ๋นจื่อลุกขึ้นและกล่าวว่า “เอ่อ ข้ากำลังจะไปแล้ว ข้า…”
“ข้าเห็นเ้าบิดชายเสื้อมาสักพักแล้ว โปรดจำไว้ว่าเ้าไม่ใช่คณิกาอีกต่อไป แต่เป็คุณหนูใหญ่ตระกูลซู หยุดทำท่าทางเช่นนั้นเสีย”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลง “ข้ารู้ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าเพียงรู้สึกไม่ดีเท่านั้น”
“เป็เพราะป้าอวิ๋นผู้นั้นหรือ?” ซูเจินถามเบาๆ
นางพยักหน้า แต่ไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนดี
ความรู้สึกแบบนี้คืออะไร?
มันเหมือนกับความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะเมื่อสายฝนกระทบกับเสื้อกำมะหยี่ในวันที่ฝนตก
นางทำอะไรผิดไปหรือไม่?
ดูเหมือนจะไม่มี
หวังฉีอวิ๋นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรผิดเช่นกัน
แต่เหตุใดนางถึงคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง?
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นั้แ่เมื่อไหร่?
นางไม่รู้
อวิ๋นจื่อตอบว่า “ก็ไม่เชิง ข้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไร บางทีข้าควรออกเดินทางไปสำนักชิงซานได้แล้ว”
“เ้าต้องเข้าใจเจตนาของตนเองให้ดีก่อน เ้า้าต่อสู้เพื่อตระกูลอวิ๋นหรือไม่?” ซูเจินถามด้วยใบหน้าจริงจัง
หญิงสาวพยักหน้าอย่างแน่วแน่และกล่าวโดยไม่ลังเล “ใช่ ข้า้า”
ดวงตาดอกท้อของซูเจินเปล่งประกายด้วยความสดใส แต่คำพูดที่ออกมาจากปากเขากลับเ็าและไร้หัวใจ “แล้วหลังจากนั้นเ้าจะทำอย่างไรต่อไป? เ้าจะจัดการกับตระกูลเย่อย่างไร?”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ขุนนางชั่วช้าและพวกฏจะต้องตายแทบเท้าข้า”
หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ นางมองไปที่ซูเจินด้วยความรู้สึกผิดและกล่าวว่า
“ยกเว้นเย่เช่อ ข้าจะไม่แตะต้องเขา”
นางพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ซูเจินหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย “ข้าหวังว่าเ้าจะจำสิ่งที่เ้าพูดในวันนี้ได้ ถ้าเ้าทำร้ายเขา ข้าก็จะฆ่าอวิ๋นเหิงเช่นกัน”
ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “อย่ากังวล ข้าจะไม่มีวันผิดคำพูด”
การสนทนาระหว่างทั้งสองดำเนินมาถึงทางตันอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นซูเจินก็มองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างและกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเราสองคนจะมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่ลึกซึ้ง เย่เช่อจะมาที่นี่ในไม่ช้า เ้าควรทำสิ่งใดคงไม่ต้องให้ข้าสอนใช่หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าด้วยท่าทีกังวล
ซูเจินชำเลืองมองนาง “ข้าไม่ได้คาดหวังให้เ้าเป็เหมือนข้า แต่ข้าคาดหวังว่าเ้าจะค่อยๆ เติบโตและหัดใช้สมองเสียบ้าง เ้าควรคิดให้ดีกว่านี้ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดมารดาของเ้าถึงกังวลนัก ความหวังของตระกูลอวิ๋นอยู่ในมือเ้า แต่วันนี้ดูท่าทางบิดชายเสื้อไปมาของเ้าสิ เ้าต้องพิจารณาตนเองเสียใหม่”
หรือนางควรทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง?
ตอนนี้นางสามารถทำอะไรเพื่อตนเองได้บ้าง?
นางควรทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง!
เช่นเดียวกับตอนที่โจวยี่ต่อสู้กับเสด็จแม่อย่างไม่ลดละเพียงเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองวังหลัง
จิตใจของผู้คนย่อมคิดคดและเปลี่ยนแปลงได้ เหตุใดนางจึงเกลียดการกระทำของโจวยี่จนถึงทุกวันนี้?
นางแค่อยากมีชีวิตที่ดีไม่ได้หรือ?
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเย่เซียงถึงเป็ฮ่องเต้?” ซูเจินถาม
“เพราะผลประโยชน์จากการได้ยืนอยู่จุดสูงสุดใช่หรือไม่?” อวิ๋นจื่อตอบอย่างไม่แน่ใจ
ซูเจินยิ้มบางๆ “เพราะความทะเยอทะยานที่ยังไม่บรรลุผลเมื่อเขายังเด็ก”
อวิ๋นจื่ออยากถามอะไรบางอย่าง แต่นางไม่กล้า
ซูเจินกล่าวต่อ “เ้าควรคิดให้รอบคอบ ข้ามอบสมองให้เ้าไม่ได้ และจวนผู้ว่าการก็ไม่อาจมอบให้เ้าได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นจงครุ่นคิดให้ดี เย่เช่อใกล้มาถึงแล้ว พอเ้าคิดได้ค่อยบอกข้าก็ไม่สาย”
หลังจากซูเจินพูดจบ เขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
อวิ๋นจื่อกำลังสับสน ‘เขาด่าข้าหรือ?’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้