“ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ แค่จ่ายเงินให้เราห้าสิบอีแปะ ่เวลาหนึ่งเดือนนี้จะสามารถมาอ่านหนังสือที่นี่ได้ทุกวันโดยไม่เสียเงินอีกเ้าค่ะ”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนรู้สึกประหลาดใจกับราคาที่ถูกนี้ เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง กู้เจิงรีบตามไปด้วย นางไม่กังวลถ้าแม่ทัพผู้สูงสง่าจะมาหาเื่ เพราะตั๋วสัญญาก็ยังอยู่ แต่การที่เขามาอย่างกะทันหันนี้ทำให้นางรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
เมื่อเห็นชั้นหนังสือบนชั้นสอง เยี่ยนจื่อเซี่ยนก็รู้สึกประหลาดใจกับหนังสือมากมาย เขาหยิบหนังสือบางเล่มออกมาดู แม้ว่าหนังสือบางเล่มจะดูเก่ามาก แต่ก็สะอาดสะอ้าน เขามองไปยังโคมไฟไม้ไผ่ที่แขวนอยู่้า นับว่าดูสวยงามอยู่หลายส่วน หน้าต่างก็ใหญ่มีแสงสว่างเพียงพอ
“ตอนที่ตรวจสอบเสี่ยนอ๋อง บังเอิญถูกข้าจับได้ว่าคนของตวนอ๋องกับพ่อบ้านจวนแม่ทัพติดต่อกัน องค์รัชทายาทมีลูกมือที่ร้ายกาจนัก" จู่ๆ เยี่ยนจื่อเซี่ยนก็เปลี่ยนเื่ขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เื่สวัสดิการเพื่อราษฎร จะบอกว่าเป็เื่ร้ายกาจได้ยังไงกันเ้าคะ? ท่านแม่ทัพปกป้องบ้านเมืองอยู่ข้างนอก ก็ใช่ว่าประชาชนจะมีชีวิตที่ดีได้มิใช่หรือเ้าคะ?” กู้เจิงตอบอย่างอ่อนโยน
เยี่ยนจื่อเซี่ยนส่งสายตามองกู้เจิง “ยอมรับตรงๆ แบบนี้ เ้าไม่กังวลว่าข้ากำลังหลอกถามเ้าหรือ?”
“สามีของข้าคือเสิ่นเยี่ยน ส่วนข้าเป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้ แค่ตรวจสอบความสัมพันธ์กับตวนอ๋องก็ชัดเจนแล้วเ้าค่ะ”
“ข้าจะเอาตึกนี้คืน” เขาพูดอย่างเ็า
“ไหนเลยคนที่อยากเอาตึกคืน ยังจะมาดูตึกด้วยตัวเองล่ะเ้าคะ”
“นี่เป็กรณีพิเศษ”
กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ารู้สึกว่าท่านแม่ทัพเยี่ยนไม่ได้มาเพื่อเอาตึกนี้คืนหรอกเ้าค่ะ ท่านอยากมาดูว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งที่เรากำลังทำ คือการทำให้ลูกหลานชนชั้นสามัญมีสถานที่อ่านหนังสือ แม้ว่าจะเป็การทำกำไร แต่ก็เป็การทำสิ่งที่ดีให้กับชาวบ้านเ้าค่ะ”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองนางอย่างเ็า
กู้เจิงยิ้มบางๆ กล่าวต่อ “ที่จริงแล้วความคิดในการเปิดหอสมุดไม่ใช่ความคิดขององค์รัชทายาทหรือตวนอ๋อง แต่เป็ความคิดของข้าเ้าค่ะ”
“เ้าหมายความว่านี่เป็ความคิดของเ้า แต่ถูกพวกเขานำไปใช้ประโยชน์งั้นหรือ?”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงไม่ได้บ่ายเบี่ยง เดิมทีความจริงก็เป็เช่นนี้ “ตัวข้าเองทำเพื่อหวังผลกำไร ไม่ได้มีความคิดที่จะทำอะไรเพื่อลูกหลานชนชั้นสามัญหรอกเ้าค่ะ”
“แต่เ้าก็เห็นด้วยกับการทำให้องค์รัชทายาท"
กู้เจิงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย นางเงยหน้ามองั์ตาสุขุมเยือกเย็นของอีกฝ่าย “ราษฎรไม่ต่อกรกับขุนนาง อีกอย่างในเมื่อสามีข้าติดตามตวนอ๋อง ข้าก็ย่อมทำไปตามนั้นเช่นกันเ้าค่ะ”
สตรีคนนี้แตกต่างจากคนที่เขาส่งคนไปตรวจสอบ นางมีความกล้ามากกว่า เมื่อคิดถึงพี่สาวและหลานสาวของเขาที่ตายไปแล้ว สีหน้าของเยี่ยนจื่อก็มืดครึ้มลงหลายส่วน “ข้ามีความแค้นกับเ้า”
กู้เจิงย่อมรู้ว่าความแค้นที่แม่ทัพเยี่ยนผู้นี้บอกหมายถึงอะไร นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่อยากแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ข้าไม่เคยทำร้ายใครก่อน และไม่เคยคิดจะสังหารใครเ้าค่ะ”
“เ้าอยากจะบอกว่าจุดจบของผิงเซียงคือการหาเื่ใส่ตัวเองงั้นหรือ?” เขาถามเสียงเฉียบ
“ไม่มีใครบังคับนางให้ทำเช่นนั้น ส่วนข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าโชคดีกว่านาง เกรงว่าคนที่ตายก็จะเป็ข้า” กู้เจิงเงยหน้ามองตรงไปยังท่านแม่ทัพที่ดูเหมือนอายุราวสามสิบปีผู้นี้ เขายังเป็แม่ทัพที่ยังเยาว์วัยอยู่เลย “ข้าไม่คิดว่าข้าทำอะไรผิดเ้าค่ะ”
เมื่อมองไปยังดวงตาคู่งามใสสะอาดทว่าเด็ดเดี่ยวคู่นั้น สีหน้าเ็าของเยี่ยนจื่อเซี่ยนก็คลายลงเล็กน้อย เขาต่อสู้ทำศึกมานับไม่ถ้วน ชีวิตและความตายดูเป็เื่เฉยชา แต่ในใจเขารู้ผิดรู้ถูก ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้เข้าไปแทรกเื่ระหว่างผิงเซียงกับสตรีนางนี้ ผิงเซียงตกอยู่ในจุดจบเช่นนี้ จึงได้แต่โทษตัวนางเองแล้ว
“ข้าหวังว่าเ้าจะจดจำสิ่งที่เ้าพูดในวันนี้ สิ่งที่พวกเ้ากำลังทำอยู่ก็เพื่อให้ลูกหลานชนชั้นสามัญมีสถานที่อ่านหนังสือ แม้ว่าจะเป็การทำกำไรแต่ก็เป็การทำสิ่งที่ดีให้กับชาวบ้านด้วย” เยี่ยนจื่อเซี่ยนพูดจบก็เดินลงบันไดไปพร้อมผู้ติดตาม
ชุนหงเดินตามอยู่ข้างๆ กู้เจิงมาตลอด นางเอนกายพิงราวบันไดมองลงไปข้างล่าง เมื่อเห็นท่านแม่ทัพจากไปแล้ว นางจึงหันไปพูดกับกู้เจิง “คุณหนู คนผู้นั้นไปแล้วจ้าค่ะ”
บุรุษที่เป็ถึงแม่ทัพใหญ่คงจะพูดคำไหนคำนั้น กู้เจิงโล่งอก
ตอนเที่ยงกู้เจิงและชุนหงมากินข้าวกลางวันที่บ้านป้าใหญ่ มีญาติๆ มาเยี่ยมไม่น้อย ทุกคนต่างผลัดกันอุ้มเสี่ยวอิ๋นฮวาอย่างเอ็นดู
ชุนหงเองก็เข้าไปแย่งอุ้มเหมือนกัน แต่เพราะเด็กน้อยหนักเกินไป นางอุ้มไปได้สักพักสองแขนก็ชาแล้ว
“พี่สะใภ้ ชุนหง” เสียงของหลี่หนานทักขึ้น
กู้เจิงเห็นจางหลี่หนานหิ้วห่อยาวิ่งเข้ามา
“พี่หลี่หนาน” ชุนหงทักทาย “ท่านมาได้ยังไง?”
“พี่เยี่ยนไม่มีเวลามา เลยฝากข้าเอายาที่หมอหลวงสั่งมาให้พี่สะใภ้” จางหลี่หนานเป็คนตัวสูงใหญ่ เวลาพูดจึงเต็มไปด้วยพลัง
“ขอบคุณนะ” กู้เจิงรับยามา
“ชุนหง เ้าสูงขึ้นอีกแล้วหรือ?” จางหลี่หนานยื่นมือไปศีรษะของชุนหง “่ปีใหม่ที่ผ่านมาปาเม่ยของข้าก็สูงขึ้นมาก”
“พี่หลี่หนาน เมื่อไหร่เราจะได้ดื่มสุรามงคลระหว่างท่านกับปาเม่ยกัน?” ชุนหงถามด้วยรอยยิ้ม
กู้เจิงยิ้มขัน เพราะหลี่หนานดูเขินอายในทันทีที่ชุนหงถามเื่แต่งงาน
“จะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ปาเม่ยเพิ่งจะอายุสิบสี่ ยังต้องรออีกสักสองปี ข้าไปก่อนล่ะ” จางหลี่หนานรีบขอตัวจากไป
ญาติๆ ตระกูลเสิ่นที่มาบ้านป้าใหญ่นั่งโต๊ะร่วมมื้ออาหารกลางวันกัน ทุกคนต่างพูดคุยหยอกล้อเื่การแต่งงานของเสิ่นกุ้ย เสิ่นกุ้ยได้แต่ฉีกยิ้มอย่างปลื้มใจ
กู้เจิงกินข้าวไปพลางฟังทุกคนเย้าหยอกกันไปพลาง นางคิดในใจว่าก่อนเสิ่นเยี่ยนจะแต่งานกับนางได้ถูกญาติๆ หยอกล้อแบบนี้บ้างหรือไม่
ตอนบ่าย กู้เจิงกับชุนหงก็อยู่ดื่มชาอยู่ที่บ้านป้าใหญ่ และพบปะพูดคุยกับพวกญาติพี่น้องตระกูลเสิ่นคนอื่นๆ
“ตอนนี้นับว่าหงซานก็เป็ผู้ใหญ่แล้ว” นายหญิงเสิ่นมองหงซานหลานสาวอย่างเอ็นดู นางมองเฝิงซื่อและเอ่ยขึ้นว่า “รอจนหงซานแต่งไปผิงเหยาแล้ว ท่านอยากจะออกจากหลัวฉี่เก๋อ ตามหงซานไปเปิดร้านที่ผิงเหยาจริงๆ หรือเ้าคะ?”
“ถ้าไม่ตามไปด้วย ข้าคงคิดถึงนางตายแน่” เฝิงซื่อยิ้มมองบุตรสาว “อีกอย่าง ถ้าข้าไม่ไปดูแล ข้าก็ไม่วางใจเช่นกัน”
“ท่านแม่ ข้าโตแล้วนะเ้าคะ” เหนียนหงซานชี้แจง
“ใช่ๆ เ้าโตแล้ว แต่ไม่ว่าเ้าจะโตแค่ไหน ข้าก็ยังเห็นเ้าก็เป็เด็กน้อยของข้าอยู่เสมอ”เฝิงซื่อจิ้มหน้าผากบุตรสาว
กู้เจิงยืนยิ้มมองเหนียนหงซาน เด็กสาวคนนี้โตเป็ผู้ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ
“ด้วยฝีไม้ลายมือของเ้า แม้ว่าจะออกจากหลัวฉี่เก๋อไปเปิดร้านเอง แต่ข้าว่าต้องขายดิบขายดีแน่ๆ” ยังไม่ทันที่เฝิงซื่อจะย้ายตามบุตรสาวไป แต่ในใจของนายหญิงเสิ่นก็อาลัยอาวรณ์เสียแล้ว
“คุณหนู” ชุนหงกระตุกแขนเสื้อกู้เจิงเบาๆ “เหมือนบ่าวไม่เห็นลูกสาวท่านป้าใหญ่เลย ไม่ได้มาหรือเ้าคะ?”
พูดถึงบุตรสาวของป้าใหญ่ กู้เจิงคิดอยู่ว่าสองวันมานี้ เหมือนจะไม่ได้เจอนางจริงๆ
เมื่อเสิ่นซื่อได้ยินสิ่งที่ชุนหงพูด นางก็กล่าวว่า “ครอบครัวของเสี่ยวเหมยมีธุระ จึงไม่อาจมาได้”
ขณะนั้นเอง ป้าสามเดินเข้ามาจากข้างนอก “อาเจิง มีคนมาหาเ้าอยู่ข้างนอกน่ะ”
“เ้าค่ะ ข้าจะไปดูเอง” กู้เจิงเดินออกไปกับชุนหง
คนที่ป้าสามบอกว่ามาหากู้เจิงยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“ชุยกูกู่” นางกำนัลาุโข้างกายพระสนมซูหรือ? กู้เจิงประหลาดใจ นางรีบเดินเข้าไปคำนับทักทาย
ชุยกูกู่เป็สตรีวัยกลางคน ทุกอากัปกิริยาของนางแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์ “ฮูหยินน้อยเสิ่นความจำดีนัก ยังจำบ่าวได้” นางกับฮูหยินน้อยเสิ่นผู้นี้ เคยพบกันเมื่อนานมาแล้วในงานล่าสัตว์
“ไม่ทราบว่าชุยกูกู่มาหาข้า มีเื่อันใดหรือเ้าคะ” เมื่อเกี่ยวเนื่องถึงในวัง กู้เจิงจึงเกิดความกังวลใจอยู่หลายส่วน
“พระสนมซู้าพบฮูหยินน้อยเสิ่น เชิญเข้าวังกับบ่าวเถอะเ้าค่ะ”
กู้เจิงงุนงง พระสนมซู้าพบนางทำไมกันนะ
“บ่าวจะไปกับคุณหนูเ้าค่ะ” ชุนหงกระซิบเสียงเบา
ชุยกูกู่ยิ้มบางๆ "พระสนมซูเให้ฮูหยินน้อยเสิ่นเข้าวังคนเดียว" นางมองเห็นความกังวลของกุ้เจิงและชุนหง นางเลยพูดอย่างอ่อนโยนว่า "วางใจเถอะ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก"