หลังพงหญ้าเป็หลุมค่อนข้างลึก ด้านล่างเป็พงหญ้ารกกับโขดหินระเกะระกะ
เหลียนเซวียนถือไม้เท้ายืนอยู่ด้านล่างในสภาพดูไม่ได้ ทั้งผมและเสื้อผ้ายุ่งเหยิง ยังมีหญ้าแห้งติดอยู่ในจอนผม
"เหลียนเซวียน ท่านตกลงไปได้อย่างไร"
สถานที่แบบนี้มีแต่มดงูหนูแมลงเต็มไปหมด เซวียเสี่ยวหรั่นพลันรู้สึกชาหนังศีรษะ
เหลียนเซวียนสีหน้าบึ้งตึงหัวคิ้วขมวดย่น กลิ่นอายเย็นะเืกำจายจากทั่วร่าง
เขาอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงสัตว์จากในป่าแห่งนี้ จึงตามเสียงมาช้าๆ ขณะที่เข้าใกล้เหยื่อ ก็ทำให้มันใ เหลียนเซวียนรวบรวมกำลังปามีดสั้นออกไปในเวลาเดียวกัน แต่พอเหยียบมาอีกก้าวใต้ฝ่าเท้ากลับเป็หลุมลึก
ก้นหลุมมีคันดินสูงสองด้าน เขาไม่มีแรงที่จะปีนขึ้นไป นึกถึงถ้อยคำกำชับของเซวียเสี่ยวหรั่น จึงเคาะก้อนหินเรียกให้นางมา
"ท่านรีบขึ้นมา ข้างล่างอาจมีหนูกับงูพิษ เดินตรงไปทางซ้ายหน่อย เนินตรงนั้นความชันไม่มากนัก" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่กล้าลงไปประคองเขา ได้แต่ชี้คันดินที่เตี้ยที่สุดแล้วให้เขาปีนขึ้นมาเอง
ไม่ใช่แค่เป็ไปได้ แต่แน่ใจว่ามี เหลียนเซวียนยืนอยู่ข้างล่างไม่เพียงแต่ได้ยินความเคลื่อนไหวของหนูจากรอบด้าน ยังได้ยินเสียงงูขู่ฟ่อๆ อีกด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวสิ่งเหล่านี้ แต่ในใจก็นึกรังเกียจอย่างมาก
ยิ่งตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงทำให้เขาหงุดหงิดเป็พิเศษ
เหลียนเซวียนยื่นมือมาชี้ไปทิศทางหนึ่ง เหยื่อถูกโจมตีเข้าเป้า แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็สัตว์ใหญ่ แม้ว่าถูกแทง แต่ก็ยังหนีไปได้ไกลมาก น่าจะเป็สัตว์กินพืชประเภทเดียวกับกวางหรืออาจเป็กวางป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาสว่างวาบ หันไปมองทิศทางที่เขาชี้
ทุกหนแห่งมีแต่เนินดิน พงหญ้ารกและต้นไม้ จะมองเห็นสิ่งใดได้
"ท่านขึ้นมาก่อน ข้าจะลงไปช่วยท่านเอง อีกประเดี๋ยวค่อยไปหาเหยื่อ"
จะทิ้งเขาไว้ในหลุมลึกคนเดียวไม่ดีแน่ ข้างล่างรกเกินไป ถ้าถูกงูพิษกัดจะทำอย่างไร
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ บอกใบ้ให้นางไปตามหาเหยื่อตามทิศทางที่ชี้บอก ส่วนเขาปีนขึ้นไปได้เอง
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นท่านก็ค่อยๆ เดินนะ ตรงไปทางซ้ายหน่อย จะมีทางลาดชันที่เป็พื้นราบ ท่านไปรอข้าตรงนั้น"
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ เริ่มขยับไม้เท้าไปทางด้านซ้ายอย่างยากเย็น เขาไม่มีรองเท้าสวม หินกรวดแหลมคมในหลุมแห่งนั้นบาดฝ่าเท้าจนเจ็บไปหมด แต่เขาก็มิได้นำพา พยายามฝืนเดินด้วยใจมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า แต่ละย่างก้าวเชื่องช้าแต่หนักแน่น
แม่นางผู้นั้นกลัวงูกับแมลง เขาไม่อยากให้นางลงมาในหลุมเพื่อประคองเขาขึ้นไป
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขา แม้ว่าจะเคลื่อนไหวช้า แต่การเดินกลับมั่นคงดี ดังนั้นจึงหมุนตัววิ่งไปยังทิศทางที่เขาชี้
หนทางสูงๆ ต่ำๆ เดินไปไกลสองสามเมตรก็ยังไม่เห็นอะไรสักอย่าง แต่ก็ยังเดินหน้าต่อไปอีกสิบกว่าเมตร
"หา!"
สัตว์สีน้ำตาลตัวหนึ่งล้มอยู่ข้างพงหญ้า ที่หน้าผากของมันมีมีดสีเงินปักอยู่ โลหิตยังไหลย้อยจากาแเป็พักๆ
"ปักเข้ากลางหน้าผากเผงทุกครั้งเลย วิเศษมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจซ้ำๆ "โบราณมีเสี่ยวหลี่มีดบิน[1] ซัดออกไปไม่เคยพลาดเป้า ตอนนี้มีเสี่ยวเหลียนมีดบิน มีดเดียวปลิดชีพแบบเดียวกัน จอมยุทธ์ย่อมเป็จอมยุทธ์วันยังค่ำ"
หากเขาไม่ต้องพิษหรือได้รับาเ็ เื่ประเภทการเหาะเหินปีนข้ามกำแพง ในระยะร้อยก้าวไม่เคยพลาดเป้าย่อมไม่ใช่แค่ราคาคุย
"นี่มันกวางหรือแพะกันละเนี่ย ดูไม่ค่อยเหมือนเท่าไรเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นก้มลงไปจับกีบเท้าหลังของมันแล้วออกแรงดึง "อื้อหือ หนักจังเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามดึงสุดแรงเกิด แต่เพียงชั่วอึดใจก็ต้องวางลงไป
"แม่เ้าโว้ย... มีหนักถึงสี่สิบห้าสิบชั่งได้เลยนะเนี่ย"
ใบหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววยินดี เนื้อมากขนาดนี้ เอาไปตากแห้ง พอให้พวกเขากินได้พักใหญ่เลย
แต่หนักขนาดนี้เธอคงลากมันไปไม่ได้ไกลเท่าไร
แน่นอนว่าแค่นี้ไม่คณามือของเธอหรอก
เซวียเสี่ยวหรั่นดึงกีบเท้าหลังของมันแล้วเริ่มลากออกไป
พื้นดินในป่าทึบเต็มไปด้วยหญ้าหนาแน่น เซวียเสี่ยวหรั่นลากสัตว์ที่ไม่รู้จักตัวนั้นกลับมาถึงจุดที่เหลียนเซวียนอยู่ได้อย่างราบรื่น
"เหลียนเซวียน ท่านร้ายกาจมาก ทุกครั้งไม่มีพลาดเป้า"
คำชมมากมายพรั่งพรูออกจากปากของแม่นางผู้นั้น
เหลียนเซวียนนั่งขัดสมาธิพักผ่อนอยู่บนเนินดิน เพื่อปีนทางลาดชันขึ้นมา เขาต้องสูญเสียแรงไปไม่น้อย าแตามร่างกายถูกดึงรั้งจนเริ่มเจ็บไปหมด
ขณะที่แม่นางผู้นั้นจะประคองเขากลับถ้ำ เขากลับสั่นศีรษะ บอกให้นางเอาเหยื่อที่ล่าได้กลับไป ก่อนมานางกำชับไว้มิใช่หรือว่าจะใช้เืสัตว์
เซวียเสี่ยวหรั่นลากมันออกไปนอกป่าทึบ พลางพูดงึมงำไปตลอดทาง
นั่นคือเลียงผา
เหลียนเซวียนเหลือบมองนาง กวางผาวทางเหนือถึงจะมี ส่วนกวางจางเขาของมันจะไม่ยาว
เซวียเสี่ยวหรั่นลากเหยื่อออกมาจากป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นลากสัตว์ที่ล่าได้ออกจากป่า แต่พื้นด้านนอกมีกรวดหินเยอะ เธอกัดฟันจับกีบเท้าของมันให้แน่นออกแรงดึงพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้า
เธอวิ่งไปพักไป ต้องใช้แรงเท่ากับวัวเก้าตัวรวมกับเสือสองตัว ในที่สุดก็ลากกลับมาถึงถ้ำ
ภายในถ้ำ ไฟที่ใช้เผาเครื่องปั้นดินเผามอดไปหมดแล้ว
ส่วนหม้อตุ๋นน้ำแกงที่ตั้งอยู่บนเตาหินก็เดือดปุดๆ เนื่องจากฝาไม่ได้เจาะรู ฟองอากาศก็เลยดันตามช่องออกมา
เซวียเสี่ยวหรั่นเขี่ยถ่านไฟใต้เตาออกไปด้านข้างก่อน แล้วเปิดฝาหม้อ ใส่เห็ดโคนที่ล้างแล้วลงไปตุ๋นต่อ
หลังจากนั้นก็หยิบถ้วยมาสองใบเริ่มกรีดเืสัตว์ลงไป
ตอนอยู่ที่บ้าน เธอเคยฆ่าไก่ เป็ด ห่าน ปลา มาแล้ว
แต่สัตว์ใหญ่ขนาดนี้เพิ่งเคยััเป็ครั้งแรก ค่อนข้างจะเป็มือใหม่พอสมควร หลังปลุกปล้ำกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้เืสดๆ มาสองชามเต็ม บางส่วนก็ยังกระเซ็นอยู่บนพื้น
เธอจำได้ว่าเหลียนเซวียนยังอยู่ในป่าลึก ไม่มีเวลามาห่วงเื่ความสะอาด
จึงวิ่งกลับไปพาเหลียนเซวียนกลับถ้ำมาก่อน
ทรมานกันมาพักใหญ่ ยามเที่ยงวันก็ล่วงผ่านไปอีกแล้ว
"กินมื้อเที่ยงก่อน หิวจะตายอยู่แล้ว"
ชามทุกใบล้วนเอาไปใส่เืสัตว์ ชามพลาสติกที่บิดเบี้ยวจึงถูกนำออกมาใช้
เนื้องูตุ๋นทั้งนุ่มและเปื่อย เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้อกับเห็ดมาเต็มชามแล้วส่งให้เหลียนเซวียน
ส่วนตนเองก็ใช้ช้อนน้ำแกงกับตะเกียบร่วมกัน
ทั้งสองหิวมาั้แ่เช้า ประกอบกับไม่ได้กินอาหารใส่เกลือมาหลายวันแล้ว พอเนื้องูที่สดใหม่ใส่เข้าปากจึงรู้สึกว่าจืดพอๆ กับเนื้อไก่
เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปาก "สถานที่แร้นแค้นแบบนี้ จะไปหาเกลือมาจากไหน ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีไม้ผิวเกลือ [2] รึเปล่าสิ ตอนนี้เป็่ที่มันกำลังออกผลเสียด้วย เพียงแต่บนเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ คิดจะหาต้นไม้ไม่สะดุดตาอย่างไม้ผิวเกลือเป็เื่ยากยิ่ง"
ไม้ผิวเกลือ? เหลียนเซวียนเคี้ยวอาหารไปเงียบๆ ต้นไม้ที่ให้กำเนิดเกลือรึ? คงหมายถึงสนผลึกเกลือกระมัง ผลสามารถให้ผลึกเกลือ และเอาไปใส่ยาได้ ช่วยบำรุงปอด ลดธาตุไฟ แก้การอักเสบ ขับเหงื่อ รักษาโรคบิดได้อีกด้วย
เหลียนเซวียนเหลือบมองสตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แม่นางผู้นี้รู้อะไรไม่น้อยเลย
แท้จริงแล้วเซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ได้รู้เยอะมากมาย ไม้ผิวเกลือนี้พบเห็นบ่อยในป่าดงดิบทางใต้ ประกอบกับเธอมีคุณปู่เป็เชฟ ของอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับอาหาร คุณปู่ของเธอมักจะขลุกอยู่กับของสิ่งนั้น
คุณปู่ยังเล่าว่า สมัยก่อนยากจนข้นแค้น คนไม่มีปัญญาซื้อเกลือ ก็จะเด็ดผลของไม้ผิวเกลือมาใช้แก้ขัด
ตอนเธอยังเด็กใกล้ๆ กับหมู่บ้านมีไม้ผิวเกลืออยู่หลายต้น ต่อมาไม่รู้ว่าคนสารเลวที่ไหนมาขุดทิ้งไปหมด จึงหาไม้ผิวเกลือได้ยากแล้ว
เวลาแบบนี้ หากสามารถหาไม้ผิวเกลือพบ ก็จะแก้ปัญหาขาดแคลนเกลือได้
ขาดเกลือแค่่สั้นๆ ไม่เป็ไร แต่ในระยะยาวอาจมีผลกระทบต่อร่างกายได้เหมือนกัน
แม้เืสัตว์จะมีเกลือเจืออยู่ แต่ฤดูหนาวใกล้จะมาถึงแล้ว บรรดาสัตว์เล็กๆ ต่างพากันจำศีล
นึกมาถึงตรงนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยกหม้อดินใส่น้ำขึ้นตั้งไฟ
"ไม่มีเครื่องปรุง เช่นนั้นก็ทำเืนึ่งก็แล้วกัน"
....
[1] เป็ฉายาของ หลี่สวินฮวน (ลี้คิมฮวง) พระเอกนวนิยายเื่ 小李飞刀 (ฤทธิ์มีดสั้น) ซึ่งประพันธ์โดยกู่หลง (โกวเล้ง)
[2] ไม้ผิวเกลือ หรือต้นมะเหลี่ยมหิน เป็พืชวงศ์เดียวกับมะม่วง เป็ไม้ยืนต้น มีดอกเป็ช่อสีขาว ผลมีลักษณ์เป็ลูกกลมแบนสีขาวอมเขียว เมื่อแก่แล้วถึงจะเปลี่ยนเป็สีน้ำตาล ใบอ่อนกับหน่อรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวใช้ปรุงอาหาร เปลือกต้นนำมาขูดใส่อาหารจะให้รสชาติอร่อย