ปัญญาชนแทบทุกคนล้วนมีความคิดเช่นเดียวกัน คืออยากจะเห็นความสามารถของซ่งอวี้ก่อน
ซ่งอวี้เริ่มจากจับชีพจรให้จังซื่อิ พบว่ามีการอักเสบเล็กน้อย จึงบอกให้ลุงสือโถวแกะผ้าพันแผลบนตัวเขาออก เป็ตามที่นางคาด าแของเขามีกลิ่นเหม็นอ่อนๆ แล้ว ซ่งอวี้จึงบอกกับลุงสือโถว "ลุงสือโถว ข้าอยากให้ท่านคิดหาวิธีเอาสุรามาให้ข้าสองไห ยิ่งแรงยิ่งดี ข้าจำเป็ต้องใช้"
สุรา?
เมื่อเหล่าปัญญาชนได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน หรือว่าสุราสามารถรักษาาแได้? จะเป็ไปได้อย่างไร แพทย์หญิงคนนี้กำลังหลอกลวงทุกคนแน่นอน!
หากพวกเขาแอบพูดคุยกันเป็การส่วนตัวเพียงสองสามคน เสียงย่อมไม่ดัง แต่การที่คนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกัน ยังจะเรียกว่าคุยกันเป็การส่วนตัวได้อยู่อีกหรือ? กล่าวได้ว่าคุยกันอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งต่างหาก
ซ่งอวี้ฟังคนรอบตัว 'ซุบซิบนินทา' สีหน้าของนางฉายความจนปัญญา แต่ก็ไม่อาจตำหนิที่พวกเขาทำเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรการใช้สุรารักษาาแ ก็เป็เื่ที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
มาตรฐานการรักษาในยุคสมัยนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ประโยชน์ของสุราที่ใช้ในทางการแพทย์ยังไม่มีใครค้นพบ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัยในตัวนางเช่นนี้
หากเป็ไปได้ ความจริงแล้วซ่งอวี้ก็ไม่อยากเปิดเผย เื่ที่ทุกคนไม่รู้แต่นางกลับรู้ เพียงครั้งสองครั้งอาจจะพูดได้ว่าโชคดีที่ค้นพบด้วยความบังเอิญ แต่ครั้งที่สามครั้งที่สี่ จะตอบเช่นนี้ทุกครั้งได้อย่างไร?
หากมีคนเก็บมาใส่ใจก็จะกลายเป็หายนะกับนาง
นางไม่อยากโดดเด่นก็จริง แต่ใน่เวลาวิกฤตเช่นนี้ก็ไม่อาจปิดบังความรู้ที่ตนมีเอาไว้ แล้วเมินเฉยไม่ช่วยคนทั้งที่ตนสามารถช่วยได้เช่นกัน
ลูกศิษย์ในสำนักศึกษาแทบทุกคนล้วนมีาแ มีหลายคนที่าแไม่สมาน เริ่มอักเสบและมีหนอง หากไม่ใช้สุราในการฆ่าเชื้อ แม้ครั้งนี้าแจะดีขึ้น แต่ก็จะกลับมากำเริบอีก
กล่าวได้ว่าซ่งอวี้ใช้วิธีนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว
ลุงสือโถวไม่ค่อยได้มาสำนักศึกษาเท่าใดนักจึงไม่รู้ว่าจะไปหาสุราจากที่ใดมาให้ซ่งอวี้ แต่ว่าโชคดีที่ในสำนักศึกษามีอาจารย์คนหนึ่งชอบดื่มสุรา ดังนั้นจึงเก็บสุราเอาไว้หลายไห เวลานี้เพื่อบรรดาลูกศิษย์ เขาจึงทำได้เพียงยกสุราให้
ซ่งอวี้หยิบสุราขึ้นมา ดมกลิ่นแล้วชิม จากนั้นขมวดคิ้วเป็ปม ความเข้มข้นของสุรานี้อ่อนไปเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นแอลกอฮอล์ที่ใช้ในทางการแพทย์ แต่ก็ถือว่าเข้มข้นระดับหนึ่ง
เนื่องด้วยไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ จึงทำได้เพียงใช้สุรานี้แก้ขัด ซ่งอวี้ให้คนหยิบผ้าขาวมาหนึ่งผืน นางนำผ้าขาวชุบสุรา แล้วพูดกับจังซื่อิ "ประเดี๋ยวข้าจะใช้สุราทำความสะอาดาแของเ้า ซึ่งจะเจ็บและแสบมาก ขอให้เ้าอดทนหน่อย"
ขณะพูดซ่งอวี้ก็กำลังจะเช็ดาแของเขา
จังซื่อิรีบร้องะโด้วยความหวาดกลัวทันที "ช้าก่อน พี่ซ่งหยุดก่อน!” ล้อเล่นไปได้ นั่นคือสุรา ใช้สุราทำความสะอาดาแ เขาต้องเจ็บแทบขาดใจแน่ๆ!
ซ่งอวี้ไม่สนใจเขา เห็นเขาอยากจะหนีจึงบอกให้ลุงสือโถวกดเขาเอาไว้ จากนั้นนางก็จับเขา แล้วใช้ผ้าชุบสุราเช็ดาแ
"อ๊าก!!!”
หากถามว่าการใช้สุราเช็ดาแรู้สึกอย่างไร? คล้ายว่าแผลที่ถูกฟันก่อนหน้านี้ถูกคนใช้มีดฟันซ้ำ ซึ่งเจ็บกว่าถูกฟันครั้งแรกหลายเท่า
จังซื่อิร้องลั่น เสียงของเขาน่าเวทนายิ่งนัก หลังจากซ่งอวี้หยุดการกระทำของนาง จังซื่อิราวกับกลายเป็มะเขือม่วงถูกแช่แข็ง เหี่ยวไปหมดทั้งลูก
"ต้องฆ่าเชื้อโรคด้วยสุรา มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่จะทำให้าแของเ้าไม่เป็หนอง มิเช่นนั้นแม้ข้าจะมียาวิเศษ ก็ไม่อาจรักษาาแของเ้าได้" ซ่งอวี้สงสารเขายิ่งนัก คล้ายถูกคนรังแกอย่างไรอย่างนั้น จึงอธิบายให้เขาฟัง
"ความหมายของแม่นางซ่งคือสุราสามารถรักษาแผลภายนอกได้เช่นนั้นหรือ?" เหล่าปัญญาชนฟังคำอธิบายของซ่งอวี้แล้ว จึงเอ่ยถาม
ซ่งอวี้หมดคำจะพูดกับบรรดาปัญญาชนที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดสำคัญ
พวกเขาไม่เห็นหรือว่าตนเองาเ็สาหัส? เวลานี้มีแพทย์มารักษาพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาให้ความสนใจคือความสามารถของแพทย์ สุราสามารถรักษาาแได้หรือไม่ จับใจความสำคัญผิดไปหมดแล้ว
หรือว่าวงจรสมองของคนเรียนเก่งล้วนแปลกประหลาด? คำถามนี้ ไว้วันหน้าค่อยศึกษา
หลังจากบ่นในใจ ซ่งอวี้ก็หยิบยารักษาาแที่ปรุงเองขึ้นมา ทายาลงบนาแของจังซื่อิ
หลังจากนั้นใช้ผ้าพันแผลผืนใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อนมาพันแผล สุดท้ายหยิบยาสมุนไพรที่ตนนำมาด้วยออกมา เอาสมุนไพรมารวมกันเป็ยารักษา แล้วยื่นให้คนที่ดูแลเขา
"ต้มยานี้ให้เขาดื่ม ส่วนที่เหลือ ต้องค่อยๆ ฟื้นตัวเอง"
เหล่าปัญญาชนมองการกระทำของซ่งอวี้ตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะตอนที่เห็นซ่งอวี้หยิบยารักษาาแขึ้นมาทาให้จังซื่อิ พวกเขาเห็นาแที่เดิมทีมีหนองถูกเช็ดทำความสะอาดด้วยสุรา ทำให้าแฉีกขาดและมีเืไหลออกมา แต่หลังจากทายานั้นลงบนาแเืก็หยุดไหลทันที แววตาของพวกเขาจึงฉายแววความหวังออกมา
หากมียาตัวนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็รอดแล้ว!
จากนั้นพวกเขาก็ไม่สงสัยในวิชาการแพทย์ของซ่งอวี้อีกเลย คนที่ปรุงยารักษาาแที่ออกฤทธิ์ดีเช่นนี้ได้ มีหรือที่วิชาการแพทย์จะไม่ดี?
ตอนซ่งอวี้พูดว่าคนต่อไป ปฏิกิริยาของเหล่าปัญญาชนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ พวกเขาต่างชูมือขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
ซ่งอวี้ขมวดคิ้วเป็ปม "พวกเ้ามีตั้งหลายคน แต่ข้ามีเพียงคนเดียว จึงรักษาได้ทีละคน เมื่อครู่ข้าบอกแล้ว คนที่าเ็สาหัสรักษาก่อน พวกเ้าผู้ใดาเ็สาหัสที่สุด?"
เมื่อครู่มีแต่คนเงียบกริบ ตอนนี้กลับแย่งกันอยากจะรักษา ไม่รู้ว่าเวลาเป็เงินเป็ทองหรือ?
เวลานี้เหล่าปัญญาชนเพิ่งนึกถึงคำพูดของซ่งอวี้ แต่ละคนต่างยิ้มแห้งด้วยความกระอักกระอ่วน
มีปัญญาชนคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วพูด "แพทย์ซ่งโปรดรักษาน้องชายข้าก่อน เนื้อตัวของเขามีาแมากมาย มีสองแห่งที่แผลไม่ยอมสมาน เดิมทียังพอรู้สึกตัว ทว่าเขาหมดสติไปั้แ่เมื่อวาน ตอนนี้เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น"
ซ่งอวี้ได้ฟังจึงเดินไปดู
ปัญญาชนที่หมดสติคนนี้ เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยาแ ถึงขั้นที่ว่ามีแผลสองจุดฉีกขาดเป็วงกว้าง ไม่อาจสมาน ทั้งยังมีเืไหลออกมาเป็ครั้งคราว
"สาเหตุที่เขาหมดสติ น่าจะเป็เพราะเสียเืมากเกินไป หากไม่อาจห้ามเืได้ เขาน่าจะไม่รอดถึงคืนนี้" ซ่งอวี้พูดขึ้นหลังจากจับชีพจรเสร็จ
สีหน้าของปัญญาชนคนที่พูดกับซ่งอวี้แปรเปลี่ยนเป็ย่ำแย่ทันที "แพทย์ซ่ง ได้โปรดช่วยเขาด้วย ข้ายินดีเป็วัวเป็ควายเพื่อตอบแทนท่าน!”
ปัญญาชนคนนั้นถึงขั้นถลกชายกางเกงขึ้น ตั้งใจจะคุกเข่าให้ซ่งอวี้
ครอบครัวของพวกเขามีลูกเพียงสองคน คือเขาและน้องชายเท่านั้น พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน สนิทสนมกันมาก เพื่อน้องชายเขายินดีทำทุกอย่าง
ซ่งอวี้เห็นแล้วตื้นตันใจ พี่น้องที่รักกันเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้นางจึงกัดฟันแน่น "ข้ามีวิธีหนึ่ง อาจจะช่วยน้องชายเ้าได้ แต่ว่าเ้าต้องเชื่อใจข้า ห้ามขัดขวางข้า"
สาเหตุที่าแไม่สมานเสียที เพราะเป็แผลฉกรรจ์ สำหรับในยุคปัจจุบันนั้นไม่ใช่เื่ใหญ่ แค่เย็บแผลก็พอแล้ว แต่ในยุคสมัยนี้ ไม่มีผู้ใดมีความรู้เื่นี้ ไม่รู้ว่าิัสามารถเย็บได้เหมือนเสื้อผ้า
ดังนั้น เมื่อครู่นางจึงลังเล ไม่ว่าจะเป็การฆ่าเชื้อโรคด้วยสุราหรือการว่าเย็บแผล ทักษะเหล่านี้ล้วนเหมาะสำหรับกองทัพ