ชายผอมดำคนนั้นดูแล้วก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่กลับสั่งอาหารมามากมาย ราวกับว่าตัวเองมีเงินทองมากมายเป็อย่างยิ่ง เด็กรับใช้ดูแลยกอาหารไปให้โต๊ะของพวกเขาอย่างระมัดระวังเสร็จแล้วค่อยวิ่งมาที่โต๊ะอ๋าวหราน ขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า พวกอ๋าวหรานเองก็ี้เีจะเอาเื่เอาความในเื่เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จึงโบกมือแสดงท่าทางบอกว่าไม่เป็ไร
พวกเขาสั่งอาหารขายดีมาสองสามอย่าง เด็กรับใช้บอกอีกว่า “วันนี้ละเลยพวกท่านไป ข้าน้อยจึงให้พ่อครัวเพิ่มกับข้าวมาให้พวกท่านจานหนึ่งขอรับ”
จิ่งจื่อส่ายหน้าตอบ “ไม่เป็ไร ไม่ต้องหรอก”
เด็กรับใช้รีบบอกว่า “คุณชายอย่าได้เกรงใจ พวกท่านจิตใจดีงาม ไม่เอาเื่อะไรกับพวกเรา แต่ในใจพวกเรารู้สึกไม่ดี คุณชายรับไว้เถิดขอรับ”
จิ่งจื่อทำได้เพียงพยักหน้า ยอมรับไป
ร้านนี้ ที่จริงแล้วแม้ร้านจะเล็กแต่ขายดีก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว ตอนที่อ๋าวหรานเข้ามา ก็สาดสายตาไปมองใบราคาอาหารที่ติดอยู่ที่โต๊ะจ่ายเงิน ราคาถูกกว่าที่พวกเขากินกันที่ฮวาเล่อทิงตั้งเยอะ อีกทั้งพอยกอาหารขึ้นมาถึงแม้รูปลักษณ์จะไม่ดีเท่าที่ฮวาเล่อทิง แต่รสชาติอาหารไม่เลวเลย ได้กลิ่นอายรสชาติอาหารธรรมดาที่เข้มข้น กินแล้วมีความสุขยิ่ง เด็กรับใช้เองก็ซื่อสัตย์ ให้เนื้อผัดซอสมาจานหนึ่ง ปริมาณก็มากพอกับทุกคน
ทั้งสี่คนกินไปคุยไป จิ่งฝานพูดน้อย พูดออกมานานๆ ครั้งแค่สองสามประโยค ที่นี่ไม่สงบเหมือนที่ฮวาเล่อทิง ในหูได้ยินเสียงลูกค้าในร้านพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน ถึงแม้จะเสียงดัง แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ที่โต๊ะของหลางฉา
ชายผอมดำคีบผักมาชิ้นหนึ่ง ขยับไปเหมือนจะติดกับตัวของหลางฉาอยู่แล้ว “คนงามทำไมไม่กินล่ะ อาหารจานนี้ไม่เลว ลองชิมดูเถิด?”
อีกคนก็ไม่ยอมน้อยหน้า ยื่นหน้าออกมา “พี่ใหญ่ เกรงว่าคนงามคงจะไม่ชอบจานนี้ มา คนงามลองชิมจานนี้ดีกว่า”
สองพี่น้องนี้ท่าทางลุ่มหลง ทำทุกวีถีทางเพื่อเอาใจหลางฉา หลางฉาเล่นตะเกียบ ี้เีจะไปสนใจ กลับมองไปเห็นโต๊ะของอ๋าวหรานคุยกันสนุกสนาน จึงอดจ้องมองไม่ได้ ตั้งใจฟังว่าพวกเขาพูดอะไรกัน
สองพี่น้องเอาใจอยู่เป็นานกลับไม่ได้รับคำตอบกลับ เื่นี้ก็ช่างเถิด ทว่าหลางฉาที่แสดงท่าทีเ็ากับพวกเขา แต่กลับไปจ้องมองคนอื่น คนทั้งสองโอหังอวดดีเป็ปกติ มีหรือจะทนได้ ไฟลุกท่วมขึ้นมาราวกับราดสุราลงไปก็มิปาน
สองคนนี้คนหนึ่งมีนามว่า จ้าวเหว่ย เป็พี่ใหญ่ อีกคนนามว่าจางต้าหลิน ระหกระเหินเดินทางเร่ร่อนมานานหลายปี ดำเนินชีวิตแบบแย่ๆ ดื่มสุราเที่ยวผู้หญิงเล่นพนัน ลักขโมยต่อยตีฆ่าคนทำหมดทุกอย่าง ตอนที่ทั้งสองคนยังเด็ก เคยเป็ศิษย์นอกสำนักของตระกูลใหญ่ เรียนวรยุทธ์มาสิบกว่าปี ก็นับว่าพอมีวิชาอยู่เหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ทั้งสองไม่ใช่คนดีอะไร นิสัยเดิมก็ชอบขโมยไก่ เตะหมา ทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อยู่แล้ว ทนกับกฎระเบียบข้อบังคับของพวกตระกูลใหญ่ไม่ได้ ยิ่งทนไม่ไหวในเื่ที่เป็แค่ศิษย์นอกสำนัก แทบจะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากเลย ทั้งสองสมคบคิดกัน ขโมยเงินก้อนโตมาจากตระกูลใหญ่นั้นแล้วก็หนีมา ั้แ่นั้นมาก็กลายเป็พวกระหกระเหินเร่ร่อน คนทั้งสองเป็วรยุทธ์ อีกทั้งฝีมือยังไม่เลวอีกด้วย อาจจะไม่สามารถต่อกรกับยอดฝีมือได้แต่แค่รังแกคนธรรดาทั่วไปนั้นไม่เป็ปัญหาอย่างแน่นอน
คนทั้งสองไม่ว่าไปที่ไหนก็สร้างปัญหาอยู่เป็ปกติ ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็หลักแหล่ง ร่อนเร่ไปทั่ว ค่ำไหนนอนนั่น ถ้ามีเงินก็โอ้อวดฟุ้งเฟ้อ กินดื่มเที่ยวผู้หญิงไปเรื่อย พอไม่มีเงินก็คิดหาวิธีไปขโมยไปชิงมา ชิงเสร็จขโมยเสร็จก็รีบหนี ตลอดสามสิบปีมานี้ไม่เคยใช้ชีวิตดีๆ เลยสักครั้ง ไม่มีครอบครัว ไม่มีอาชีพ การใช้ชีวิตเช่นนี้ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับการปฏิบัติตัวกับคนอื่นแบบอันธพาล ชินชากับการยโสโอหังไร้เหตุผล ไม่รู้จักการยอมคน อีกทั้ง พวกเขายังเป็คนประเภทที่ต่อให้ไม่มีเื่ก็ยังจะหาเื่อยู่ดี ต่อให้คนอื่นจะไม่มาหาเื่ตัวเอง ตัวเองก็ยังต้องไปหาเื่คนอื่นอะไรแบบนั้น
ตอนที่มีอารมณ์กรุ่นโกรธ แน่นอนว่าต้องปล่อยออกมาเต็มที่ จ้าวเหว่ยนั่นยังเห็นพวกจิ่งฝานแต่งกายไม่เลว อีกทั้งยังอายุน้อย คิดว่าคงเป็พวกที่จะจัดการได้ ในใจปรากฏความคิดชั่วร้ายขึ้นทันใด หยิบถ้วยใหญ่บนโต๊ะขึ้นมาเทสุราลงไป แล้วยังหน้าไม่อายถึงขนาดถุยน้ำลายลงไปแล้วสาดมาทางพวกอ๋าวหราน
โต๊ะทั้งสองอยู่ติดกัน จ้าวเหว่ยกับจิ่งฝานล้วนนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก อยู่ในแถวเดียวกัน อ๋าวหรานนั่งอยู่ตรงฝั่งที่ใกล้กับโต๊ะของจ้าวเหล่ย หันหลังชนกับจางต้าหลิน
สุราถ้วยนี้สาดเข้ามา จิ่งฝานกับอ๋าวหรานต้องรับเคราะห์อย่างแน่นอน จิ่งเซียงที่นั่งอยู่ตรงข้ามอ๋าวหรานเกรงว่าก็คงจะโดนสาดไปด้วย ทั้งสี่คนถึงแม้ว่าจะสนใจกินและพูดกันแต่ในโต๊ะของตัวเอง ไม่ได้สังเกตโต๊ะของจ้าวเหว่ย แต่ก็ไม่ใช่พวกตอบสนองช้าแน่นอน โดยเฉพาะจิ่งฝาน ชื่ออัจฉริยะนี่ไม่ได้เรียกกันเสียเปล่าแน่นอน
เมื่อสุราถูกสาดเข้ามา จิ่งฝานเองก็ลงมือ
โต๊ะทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก แต่สุรานั้นกลับถูกหยุดไว้ระหว่างสองโต๊ะ ปฏิกิริยานี้รวดเร็วมาก เกิดขึ้นใน่ลมหายใจเดียว อ๋าวหรานมองดูมือของตัวเองที่ยกขึ้นแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้ว่า วรยุทธ์ของตัวเอง เกรงว่าคงห่างชั้นกับจิ่งฝานไม่ใช่แค่เล็กน้อยแล้ว
สุรานั้นถูกกำลังภายในของจิ่งฝานหยุดไว้กลางอากาศ เหมือนสิ่งมหัศจรรย์ก็ไม่ปาน ดึงดูดให้โต๊ะด้านข้างเงียบลงไปเป็แถบๆ
จิ่งฝานไม่ตั้งใจให้โอกาสผู้คนชมดู ฝ่ามือผลักออกไปด้านนอกเบาๆ สุราที่หยุดอยู่กลางอากาศนั้นก็ราวกับถูกค้อนทุบก็มิปาน สาดไปทางพวกเ้าเหว่ย ฉากนี่อธิบายเอาเสียนาน แต่ในความเป็จริงเกินขึ้นในชั่วพริบตาเดียว ดูด้วยตาเปล่ายังยาก
หลางฉานั้นไม่เสียทีที่เป็ยอดฝีมือ ถอยออกมาั้แ่ตอนที่จิ่งฝานยกแขนขึ้น ถอยไปอยู่อีกฝั่งในชั่วขณะ ไม่ถูกน้ำกระเซ็นโดนแม้แต่น้อย ก็เหลือแต่พวกจ้าวเหว่ยสองคนที่น่าสงสารแล้ว ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ถูกสุราถ้วยนั้นสาดไปเต็มๆ รวมถึงอาหารในโต๊ะนั้นก็ต้องรับเคราะห์ไปด้วย
พวกจ้าวเหว่ยอยู่มานานขนาดนี้ ถึงแม้ไม่ว่าไปที่ใดล้วนสร้างเื่จนคนอื่นอยากจัดการ แต่ยังไม่เคยถูกจัดการอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ต้องพูดว่าอายคนหรือไม่ แค่เื่นี้เื่เดียวพวกเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว
จ้าวเหว่ยเช็ดสุราที่อยู่บนหน้า ทุบฝ่ามือลงบนโต๊ะ โต๊ะที่เดิมทีก็เป็รอยร้าวอยู่แล้ว บัดนี้ถูกทำร้ายซ้ำจึงแหลกสลายกลายเป็ผุยผงไปเลย ถ้วยชามบนโต๊ะตกลงเต็มพื้น เสียงตกกระทบดังจนทำให้คนทั้งร้านใ
เด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ที่โต๊ะอื่นใเป็อย่างมาก หันศีรษะมามองก็พบว่าเป็สองคนนั้นที่ก่อเื่อีกแล้ว ใจสั่นไปหมด แต่ก็ไม่อาจไม่รีบวิ่งเข้ามา “นาย...นายท่านทั้งสองเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ ท่านอย่าเพิ่งโกรธ ข้าน้อยจะรีบเปลี่ยนโต๊ะให้ท่านเดี๋ยวนี้”
จ้าวเหว่ยสีหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ไสหัวไป!” พูดแล้วผลักเด็กรับใช้ออกไป แรงมากจนถึงขนาดที่เด็กรับใช้คนนั้นต้องซวนเซถอยหลังไปอีกหลายก้าว ไปชนโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง โต๊ะนั้นก็ล้มตามไปด้วย ทำให้คนทั้งโต๊ะใ
จ้าวเหว่ยพุ่งไปด้านหน้าจิ่งฝาน กำหมัดแน่น ใบหน้าดำคล้ำนั้นบิดเบี้ยว ยิ่งดูดุร้าย “ไอ้เด็กเวร! ข้าให้ตัวเลือกเ้าสองตัวเลือก คุกเข่าโขกศีรษะขอขมาข้า หรือไม่ข้าก็จะเด็ดศีรษะเ้าออกมาทำเป็ลูกหนัง!”
จิ่งฝานกำลังคีบเนื้อหมักซอสชิ้นหนึ่งใส่เข้าปากเคี้ยว ไม่แม้แต่จะเงยหน้า สีหน้าเฉยชา “ข้าไม่เลือกสักอย่าง”
ท่าทางเช่นนี้สำหรับจ้าวเหว่ยแล้วเรียกได้ว่า โอหังเป็อย่างมาก เดิมทีก็เป็คนจิตใจคับแคบอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องทนไม่ไหว กำหมัดแน่นพุ่งโจมตีไปที่ศีรษะของจิ่งฝาน รอบนี้ ไม่รอให้จิ่งฝานมีปฏิกิริยาตอบกลับ อ๋าวหรานก็เอื้อมมือไปจับข้อมือของจ้าวเหว่ยไว้
จ้าวเหว่ยสะบัดมืออยู่เป็นาน ก็ยังสลัดไม่หลุด จนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว
มือของอ๋าวหรานแทบจะไม่ขยับเลยสักนิด หน้าขรึมพูดว่า “อย่าก่อเื่ที่นี่อีกเลย”
ั้แ่ฝีมือของจิ่งฝานเมื่อสักครู่ จนมาถึงกำลังภายในของอ๋าวหรานที่ทำให้เขาหยุดอยู่กับที่ จ้าวเหว่ยก็รู้แล้วว่า พวกเขาไม่ใช่คนที่จะสร้างปัญหาด้วยได้ กำลังจะหาทางลง แต่จะทำอย่างไรได้ดันมีเพื่อนที่โง่เง่า ยกมีดสับเข้าไปทางอ๋าวหราน จิ่งจื่อที่อยู่ด้านข้างใช้กระบี่สั้นแสดงไปหนึ่งกระบวนท่าก็ปัดมีดนั้นออกไปได้ เสียงกระทบกันของมีดละดาบดังจนคนโต๊ะรอบๆ ต้องเอามือปิดหู
จางต้าหลินเห็นว่ากระบวนท่าเดียวไม่สำเร็จ ก็พุ่งเข้ามาอีกกระบวนท่า หลายกระบวนท่าติดกันล้วนถูกจิ่งจื่อสลายไปสิ้น การต่อยตีเล็กน้อยเช่นนี้จิ่งจื่อไม่แม้แต่จะใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ใช้แรงไปแค่สี่ส่วน เพื่อนจะกลั่นแกล้งจางต้าหลินก็เท่านั้น
จางต้าหลินเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูออกว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของจิ่งจื่อ ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายฝีมือต่างกันขนาดนี้คนที่มีสมองหน่อยก็จะรู้ว่าต้องรีบหยุดมือ หาทางลงทำให้เื่ใหญ่กลายเป็เื่เล็ก น่าเสียดายที่จางต้าหลินกลับเป็พวกไร้สมอง เห็นว่าวรยุทธ์ใช้ไม่ได้ จึงคิดใช้แผนสกปรกขึ้นมา มือจับผงยาในอกเสื้อสาดไปทางจิ่งจื่อ จิ่งจื่อมีประสบการณ์น้อยไม่เคยเจอคนที่ไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ยืนอึ้งใช้กระบี่ปัดออกไป ทำได้แค่ทำให้ผงขาวนั้นแตกออกไปบ้าง แต่ไม่ได้ช่วยอันใด
อ๋าวหรานที่อยู่ด้านข้างดึงจิ่งจื่ออกมา กลับพบว่าผงยานั้นกำลังพัดไปโดนจิ่งเซียงแทน เมื่อทำอะไรไม่ได้ จึงใช้ร่างกายบังเอาไว้
คนทั้งหมดจะห้ามไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ดีที่ยานั่นถูกสาดไปยังทิศที่จิ่งจื่อนั่ง มุมไม่พอดี อ๋าวหรานจึงโดนไปไม่เยอะ แต่ก็ยังโดนอ๋าวหรานอยู่ดี โดยเฉพาะดวงตา ถึงแม้เขาจะปิดตาแล้วแต่ก็ยังมีเข้าไปบางส่วน ทำให้ตาเขาเจ็บแสบขึ้นมาในทันที น้ำตาร่วงลงมาเป็สาย
จิ่งเซียงร้องอย่างร้อนรน “อ๋าวหราน!”
อ๋าวหรานดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตามองเห็นมัวๆ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ารอบตัวยังมีผงนั่นอยู่ รีบออกเสียงห้ามไว้ “อย่าเพิ่งเข้ามา”
พอเปิดปากพูดออกมา จึงกินผงเข้าไปด้วย จนทำให้ไอออกมาไม่หยุด
จิ่งจื่อร้อนใจขึ้นมาแล้ว “อ๋าวหราน!” กำลังจะเอื้อมมือไปจับกลับจับได้แต่ความว่างเปล่า
ตอนนี้ถึงได้พบว่าอ๋าวหรานถูกจิ่งฝานดึงไปไว้ด้านหลังแล้ว
จิ่งฝานขมวดคิ้ว ดวงตาที่ดำมืดคู่นั้นเ็าราวกับเป็น้ำแข็ง ไม่รอให้พวกจ้าวเหว่ยพูดออกมาก็ซัดพวกนั้นกระเด็นออกไปคนละฝ่ามือ ทั้งสองพุ่งไปชนหน้าต่าง หน้าต่างบุบทันที ทั้งสองกระอักเืออกมา ทำให้คนทั้งร้านใจนนิ่งสนิทไป ไม่กล้าส่งเสียง
สองคนนั้นล้มลงไปบนพื้นเป็นานกว่าจะลุกขึ้นมาได้ ไม่สนความเ็ปแทบเป็แทบตาย ช่วยประคองกันวิ่งหนีจากไป
จิ่งฝานเองก็ี้เีไปสนใจพวกนั้น จับหน้าอ๋าวหราน ใช้มือถ่างตาของเขา อ๋าวหรานตาแดงไปทั้งดวงแล้ว น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด น้ำตาบดบังทัศนีภาพ ทำให้มองภาพตรงหน้าไม่ชัด ทั้งน้ำตาไหลทั้งไอไม่หยุด
จิ่งเซียงมองดูท่าทางน่าสงสารนี้ น้ำตาก็รื่นขึ้น นางกลืนก้อนสะอื้นลงไป “อ๋าวหราน เจ็บหรือไม่?”
จิ่งจื่อยืนอยู่อีกทางถึงแม้จะไม่พูดอะไร แต่ก็มีสีหน้าห่วงกังวลและละอายแก่ใจ
ดีที่ตอนนี้อ๋าวหรานมองไม่ชัด ไม่งั้นก็ต้องไปปลอบพวกเขาอีก
จิ่งฝานจับชีพจรครู่หนึ่ง “ยังดี ไม่ใช่พิษร้ายแรง กลับไปเขียนใบสั่งยาแก้พิษเป็ใช้ได้แล้ว”
จิ่งจื่อถามว่า “เช่นนั้น ดวงตาคงไม่เป็ไรใช่หรือไม่?”
จิ่งฝานสั่นศีรษะ “ไม่น่าจะเป็อันใดมาก แต่น้ำตาคงต้องไหลไปอีกหลายวัน”
ทั้งสองจึงค่อยคลายกังวลลง
หลางฉาที่อยู่อีกด้าถามอย่างเป็ห่วงว่า “คุณชายอ๋าวไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?”
จิ่งเซียงกำลังหาที่ระบายความโกรธ นางพูดอย่างดุร้ายว่า “เกี่ยวอะไรกับเ้าด้วย! เป็เพราะเ้าทั้งนั้น! หลีกไป!”
จิ่งฝานพูดแค่ว่า “ไปเถิด กลับที่พัก”
จิ่งเซียงส่งเสียง หึ ไปทางหลางฉาทีหนึ่ง หมุนตัวจากไป
สงสารเพียงแต่อ๋าวหรานชายโตเต็มวัยที่จิตใจใกล้จะสามสิบแล้วกลับถูกจิ่งฝานอุ้มจากไปอีกครั้ง ยาพิษนั้นถึงจะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้สำลัก กินเข้าไปคำหนึ่ง ตอนนี้ก็มึนงงบ้างแล้ว
จิ่งฝานออกมาจากฉีชุ่นจาย หันศีรษะมองไปที่ความมืดทางด้านข้าง ั์ตาหม่นแสงลง เงาของคนที่แอบอยู่ในความมืดขยับเล็กน้อย รวดเร็วปานสายฟ้า พุ่งไปทางพวกแซ่จ้าวแซ่จางที่กะโผลกกะเผลกจากไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้