“ใช่แล้ว! ั้แ่ที่ข้าได้เห็นกลหมากยี่สิบแปดเส้น ก็เข้าใจไปแปดส่วน... กู่ไห่ เ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?” เจียงเทียนฉียิ้มเยาะ
ทั้งกู่ไห่และหลงหว่านชิงต่างพากันนิ่งอึ้ง ถึงกับไร้คำพูดไปแล้ว
คุณชายอานและเจียงเทียนฉี กำลังบีบบังคับให้กู่ไห่ยอมพนันด้วยการเดินหมาก? พวกเขาไม่อาจยอมให้อีกฝ่ายมาขวางทาง จึงจะใช้หมากล้อมเพื่อกำจัดเขาอย่างนั้นหรือ?
หลงหว่านชิงทนดูไม่ไหวแล้ว! กู่ไห่เองก็ตะลึงงัน... ราวกับเห็นประตูแห่ง์เปิดออกตรงหน้า
กู่ฉิน? เขาก็เป็แค่ปรมาจารย์หลอกๆ เท่านั้น!
หมากล้อม? นี่สิ… คือทางของเขา!
“ท่านกู่ อย่าไปฟังเขา!”
“ท่านกู่ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนนี้ ต่อให้ท่านจะไปเปิดที่ใดพวกเราก็จะตามไปอุดหนุน!”
“ใช่แล้ว! ท่านกู่ พวกเราสนับสนุนท่าน ถึงจะเปลี่ยนที่ แต่พวกเราต้องไปร้านท่านแน่!”
“เ้าพวกคนไร้ยางอาย! เป็เพราะเห็นท่านกู่มีทักษะด้านกางฉิน จึงมาท้าพนันหมากล้อม!”
“ใช่แล้ว! พวกเ้ามิได้เก่งกาจมากพอที่จะมาสู้กับท่านกู่!”
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่รอบบริเวณ ต่างะโด้วยความโกรธเคือง
“เงียบ!” ท่านอ๋องเหอซื่อคังตวาดอย่างน่าเกรงขาม
เริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ทหารโดยรอบต่างพากันผลักดันผู้ฝึกตนที่กระทำตนไม่เหมาะสมออกไป
“อะไรกัน? เ้าไม่กล้าอย่างนั้นหรือ?” เจียงเทียนฉีเย้ยหยัน ก่อนหัวเราะลั่น
“ใช่! กู่ไห่ เ้าไม่กล้าหรืออย่างไร?” คุณชายอานยิ้มเยาะ
“หมากล้อม? ไม่! แต่ข้าจะเชื่อเ้าได้อย่างไร?” กู่ไห่ถามกลับ อย่างเคร่งเครียด
“เชื่ออย่างนั้นเหรอ? ในเื่ใดเล่า?” คุณชายอานนิ่วหน้า
“หากข้าชนะ พวกเ้าจะรักษาคำพูดหรือ?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น
ในสายตาของคุณชายอานและเจียงเทียนฉี ตอนนี้ กู่ไห่ดูเหมือนคนที่ถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง
“ในนามของท่านปู่ข้า ทั้งยังมีท่านอ๋อง และคนทั้งเมืองเป็พยาน เช่นนี้แล้ว เ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ? เ้าไม่เชื่อในเกียรติของท่านปู่ข้าเช่นนั้นหรือ?“ คุณชายอานกล่าวอย่างเ็า
“ท่านอ๋องยินดีที่จะเป็พยาน ในการเดิมพันครั้งนี้หรือไม่?” กู่ไห่มองไปยังเหอซื่อคัง
เหอซื่อคังมองกลับมา ยกยิ้มน้อยๆ พลางพูด “วันนี้ก็มาโดยบังเอิญ แต่หากพวกเ้าเต็มใจทำการเดิมพัน ข้าก็เป็พยานให้ได้!”
กู่ไห่นิ่งไปชั่วขณะ
“เ้าไม่กล้าหรือ? ไม่ยอมเดิมพันสินะ? กู่ไห่ ข้าจะบอกอะไรให้ เมื่อครู่เ้าได้ตกลงเดิมพันไปแล้ว ดังนั้น จงประลองหมากเสียเถอะ!” คุณชายอานเอ่ยเสียงเย็น
“ท่านกู่ อย่าไปฟังเขา!” ผู้ฝึกตนรอบบริเวณต่างะโห้ามอย่างร้อนรน
กู่ไห่โบกมือเพื่อคลายความกังวลของทุกคน เขาหันไปมองคุณชายอาน พร้อมพูด “ในเมื่อคุณชายอานยืนยันเช่นนี้ การเดินหมากก็คงไม่มีอันตรายอะไร แต่รางวัลในการเดิมพันครั้งนี้ ดูจะน้อยเกินไปหรือไม่?”
“หืม?” คุณชายอานอึ้งเล็กน้อย
เหอซื่อคัง เจียงเทียนอี้ เจียงเทียนฉีและคนอื่นๆ ต่างแสดงสีหน้างุนงง
“เช่นนั้น หากแพ้ ข้าจะออกจากเมืองอิ๋นเยวี่ย โดยไม่มีการรื้อหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน เพียงแต่พาคนของข้าออกไปเท่านั้น และปล่อยการตกแต่งทั้งหมดภายในหอกู่ฉินไว้คงเดิม ทั้งยังจะแนะนำให้ร้านค้าทั้งหมด เปิดขายของภายในอาคารต่อไป นอกจากนี้ จะทิ้งวิธีการสร้างกางฉินไว้ให้พวกเ้าด้วย... แบบนี้ เป็อย่างไร?” กู่ไห่พูดด้วยรอยยิ้ม
คุณชายอานและคนอื่นๆ ต่างมองกู่ไห่ด้วยความเคลือบแคลงใจ
“กู่ไห่บ้าไปแล้วหรืออย่างไร? หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนเป็ดั่งอสูรกลืนทอง! เขาจะมอบทั้งหมดให้กับเราอย่างนั้นหรือ?” เจียงเทียนอี้กระซิบถามคุณชายอาน
“ในทางกลับกัน หากพวกเ้าแพ้ หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยของพวกเ้า ก็จะตกเป็ของเรา เช่นนี้ดีหรือไม่?” กู่ไห่ถามยิ้มๆ
ดวงตาของคุณชายอานสั่นระริก ตอนนี้กู่ไห่กลับดูเฉยเมย ไม่ยินดียินร้ายกับสถานการณ์ตรงหน้า เหตุใดเขาถึงได้ดูสงบนิ่งถึงเพียงนี้?
“คุณชายอาน โปรดระวังด้วย!” เจียงเทียนอี้เตือนเสียงเบา
“กังวลอะไรกัน? ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเล่นหมากล้อมได้ดีไปกว่าเจียงเทียนฉี!” คุณชายอานกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“ใช่แล้ว! ข้าขอเตือนอะไรพวกเ้าสักหน่อย” กู่ไห่มองคุณชายอานและพวกด้วยรอยยิ้ม
“อะไร?”
“ข้าเล่นหมากล้อมเก่งมาก!” กู่ไห่พูด พลางยกยิ้ม
คุณชายอานนิ่งงัน
“ฮึ่ม! เล่นหมากล้อมเก่งมากอย่างนั้นหรือ? โกหก! ข้าจะเดิมพันกับเ้า... เตรียมกระดานหมาก!” คุณชายอานร้องสั่งทันที
“ขอรับ!” เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาตอบรับ
“คุณชายอาน ในเมื่อข้ายอมเดิมพันกับท่านแล้ว และที่นี่มีทั้งท่านอ๋องรวมถึงผู้คนทั้งเมืองเป็พยาน ท่านโปรดแสดงความจริงใจได้หรือไม่? เชิญเ้าหน้าที่โอนทรัพย์สินมาพร้อมกับตราประทับเถอะ
นอกจากนี้ ยังต้องใช้เอกสารสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆ ด้วย เมื่อการเดินหมากจบลง จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก ท่านเห็นด้วยหรือไม่?” กู่ไห่เสนอเสียงต่ำ
“เ้าไปเชิญคนมาที่นี่ ส่วนพวกเ้าไปเอาเอกสารสิทธิในทรัพย์สิน ของหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยมาให้หมด!” คุณชายอานกล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!” เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาตอบรับ
คุณชายอานมองกู่ไห่ ด้วยสายตาเย็นะเื
แต่ผู้คนทั้งเมืองกลับจ้องคุณชายอานอย่างโกรธเกรี้ยว ตอนนี้ พวกเขากำลังเป็ห่วงกู่ไห่มาก
ส่วนกู่ไห่เอง ก็รวบรวมหลักฐานการทรัพย์สินทั้งหมด ของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน มาเตรียมไว้ สำหรับการเดิมพันครั้งนี้!
ขณะเดียวกัน กู่ไห่และคุณชายอานก็ลงชื่อในสัญญา เพื่อแสดงว่าทั้งสองฝ่าย ยอมรับข้อตกลงของการเดิมพันอย่างสมัครใจ โดยมีท่านอ๋องลงนามเป็พยาน
นี่ก็เท่ากับว่า จะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก ต้องทำการประลองให้จบสิ้นเท่านั้น
ผู้คนต่างเป็ห่วงกู่ไห่มาก
...
บนอาคารหลังเล็ก ไม่ไกลกันนัก
ซือหม่าฉางคงขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะรำพึงอย่างสงสัย “เหตุใดกู่ไห่จึงยอมเดิมพันเล่า?”
“บางที เขาอาจจะเชี่ยวชาญหมากล้อมกระมัง?” ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างๆ แสดงความคิดเห็น
“เป็ไปไม่ได้ ทักษะกางฉินของเขาแข็งแกร่งมาก จิตใจของเขาได้จมลึกไปกับการเล่นกางฉินแล้ว แม้จะรู้วิธีเดินหมาก แต่ก็คงจะไม่มากเท่ากับเจียงเทียนฉี ที่เล่นหมากล้อมได้อย่างมืออาชีพ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กู่ไห่ไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้แน่!” ซือหม่าฉางคงกล่าวอย่างงุนงง
“ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด!”
ซือหม่าฉางคงมองกู่ไห่ที่อยู่ไกลออกไป อย่างไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเท่าใดนัก
...
ภายในตึกเล็กอีกหลัง
เซียนหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ในห้องอย่างเงียบเชียบ พลางมองกู่ไห่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ผ่านหน้าต่างของห้องอย่างเยียบเย็น
“เ้าคนช่างฝัน!… ฮึ่ม! คิดว่าการเล่นหมากล้อม ง่ายเหมือนการเล่นกางฉินเพลงแคนอนหรืออย่างไร? หรือเ้าจะสามารถเดินหมากได้ อย่างที่บรรเลงเพลงเปย่? เหอะ! ข้าจะรอดู ว่าในครานี้เ้าจะตายอย่างไร!” เซียนหว่านเอ๋อร์ขบฟันแน่นอย่างนึกเจ็บใจ พลางบ่นพึมพำเสียงเบา
...
ไม่นานนัก ทุกอย่างก็ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว
ขุนนางจากแคว้นต้าฮั่น และคนใต้อาณัติของของคุณชายอาน ส่งสิทธิ์ในทรัพย์สินของตน ไปให้เหล่าเ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทันที ขอแค่รู้ผลการประลอง ก็สามารถโอนได้ทันที
ตอนนี้คนทั้งเมืองเป็พยาน จึงไม่อาจปลอมแปลงเอกสารได้
กู่ไห่และเจียงเทียนฉี นั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ราวกับนักรบของแต่ละฝ่าย
“ท่านกู่ เชิญท่านก่อน” เจียงเทียนฉียิ้มอย่างมั่นใจ
กู่ไห่ยกยิ้ม ก่อนจะคีบหมากดำ วางลงบนตำแหน่ง ‘เทียนหยวน’ ซึ่งเป็จุดกึ่งกลางของกระดานหมากล้อม
ฟึ่บ!
เกิดเสียงอึกทึกจากรอบด้าน
“ท่านกู่ไม่สามารถเล่นหมากล้อมได้จริงๆ หมากเม็ดแรกนี้จะวางไว้ที่จุดเทียนหยวนได้อย่างไร? นั่นมิใช่ว่าเสียเปล่าหรอกหรือ?”
“จบสิ้นแล้ว... ท่านกู่กำลังจะแพ้!”
“เทียนหยวน? นั่นมัน... ไร้ประโยชน์!”
แม้ว่าผู้ฝึกตนรอบตัว จะมีความรู้เกี่ยวกับหมากล้อมเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาก็ยังรู้ว่า ไม่ควรวางหมากเม็ดแรกบนจุดเทียนหยวนเช่นนี้
...
ไกลออกไป ณ อาคารหลังเล็ก
ซือหม่าฉางคงที่รู้สึกใจเสียกับกู่ไห่ไปเมื่อครู่ ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องเพียงลำพัง เนื่องจากคนใต้อาณัติออกไปกันหมดแล้ว
“เม็ดแรกก็วางบนจุดเทียนหยวนเลย? กู่ไห่มั่นใจขนาดนั้นเชียว?” ซือหม่าฉางรำพึง พลางเลิกคิ้วด้วยความกังขา
...
ในอาคารเล็ก อีกหลัง
“ฮึ่ม! เรียกร้องความเห็นใจ” เซียนหว่านเอ๋อร์เอ่ยอย่างรังเกียจ
...
เมื่อเจียงเทียนฉี คุณชายอานและคนอื่นๆ เห็นการวางหมากของกู่ไห่ พวกเขาทั้งหมดก็พลันหัวเราะเสียงดังลั่น
รนหาที่ตายชัดๆ!
เจียงเทียนฉีค่อยๆ วางหมากขาวลงไป
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!...
กู่ไห่และเจียงเทียนฉีสลับกันวางหมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนรอบข้างต่างเงียบสงัด เพราะไม่อยากรบกวนการเล่นหมากล้อมของกู่ไห่ จึงได้แต่มองเขาด้วยความกังวล
...
นอกเมืองอิ๋นเยวี่ย
จากที่ไกลๆ มีเรือเหาะกำลังบินตรงมายังเมืองอิ๋นเยวี่ย
ที่หัวเรือมีชายชราชุดเทายืนอยู่ ตอนนี้ สายตาของเขากำลังมองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้น
“ใต้เท้าโม่ เราจะไปถึงเมืองอิ๋นเยวี่ยในอีกหนึ่งชั่วยาม คุณชายอานและคนอื่นๆ ดูเหมือนจะอยู่ในที่นั่น!” ผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังชายชรา กล่าวด้วยความเคารพ
ใต้เท้าโม่พยักหน้า ก่อนยกยิ้ม “เมืองอิ๋นเยวี่ยเป็ที่ตั้งของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า และคราวนี้ ผลกำไรจำนวนมากจากกิจการของท่านอ๋อง จะทำให้ข้าสามารถนำไปใช้จ่ายทางการทหารได้ าแนวหน้าเปิดแล้ว และจำเป็ต้องใช้เงินไปเสียทุกอย่าง!”
“คุณชานอานพำนักอยู่ในเมืองอิ๋นเยวี่ยด้วย ไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยกำลังจะจัด ‘พิธีมอบกู่ฉิน’ ขึ้นอีกครั้ง และครานี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ย่อมได้เข้าร่วมงานเป็ธรรมดา” คนใต้อาณัติรายงาน พลางคลี่ยิ้ม
“ใช่! หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า และหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย ได้ชื่อว่าเป็อันดับหนึ่งของเมือง พวกเขาจะต้องสร้างผลกำไรได้มากมายในทุกๆ วันเป็แน่... ฮ่าๆ! เื่ค่าใช้จ่ายทางการทหารของท่านอ๋อง คงไม่ต้องกังวลมากนัก!” ใต้เท้าโม่กล่าวยิ้มๆ
“ใช่แล้ว ขอรับ!”
...
เมืองอิ๋นเยวี่ย หน้าหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน
ก๊อก!
ในที่สุด กู่ไห่ก็วางหมากลงบนตำแหน่งเก้าห้าจักรพรรดิ[1]
ทันใดนั้น หมากขาวของเจียงเทียนฉีก็ถูกรวบไปมากเกือบร้อยเม็ด
ครั้งละหนึ่งร้อยเม็ด… นี่เป็ดั่งการกลืนกินั!
ใช่ว่าจะพ่ายแพ้ทั้งกระดาน แต่หมากขาวของเจียงเทียนฉีนั้น ก็หายไปเป็ช่องโหว่ คล้ายกับเหตุการณ์การที่เมฆมืดถูกทะลวง ตอนที่นักกู่ฉินทั้งเมืองร่วมกันบรรเลงเพลงเปย่ เพื่อยับยั้งและขจัดเภทภัยจากพลังของเหยื่ออธรรม ที่เข้าปกคลุมเมืองในครานั้น
เฮือก!
ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ต่างสุดลมหายใจลึก
คราแรก พวกเขาต่างก็หวาดวิตก เกรงว่ากู่ไห่จะพ่ายแพ้ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับได้เปรียบเป็อย่างมาก เม็ดหมากของเจียงเทียนฉีบนกระดาน ยามนี้เหลือเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น เพราะถูกเขารวบกินไปจนหมดสิ้น
ขณะนี้ เจียงเทียนฉีเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
“ไม่! ไม่! เ้าโกง! เ้าโกงข้า... มันไม่ควรเป็แบบนี้! ไม่ควรเป็เช่นนี้!” เจียงเทียนฉีโวยวายด้วยความสับสน
ทำไมจู่ๆ เม็ดหมากส่วนใหญ่ถึงถูกกิน? เป็ไปไม่ได้ๆ!
เจียงเทียนฉีจดจ้องไปยังกระดานหมาก ประหนึ่งกำลังมองหามิติเร้นลับบนกระดาน... เป็ไปไม่ได้ มันไม่ควรเป็แบบนี้ เม็ดหมากของข้าอยู่ที่ใด? มันไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด!?
เจียงเทียนฉีกำลังใกล้จะคลุ้มคลั่ง
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างตกตะลึง
...
เซียนหว่านเอ๋อร์อ้าปากค้างด้วยความพิศวง เมื่อเห็นกู่ไห่วางหมากดำเม็ดสุดท้ายบนกระดาน
“เขาชนะด้วยความบังเอิญหรือ?” เซียนหว่านเอ๋อร์มองดูสถานการณ์ตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อ
...
ไกลออกไป ณ อาคารหลังเล็ก
ซือหม่าฉางคงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “เม็ดแรกวางลงบนตำแหน่งเทียนหยวน แม้ตำแหน่งเก้าห้านี้ จะเป็เื่บังเอิญ ก็ยังถือว่าการเล่นของกู่ไห่นั้น คือผู้ที่มีทักษะไม่น้อยเลย มิใช่หรือ!?”
“มันเป็ความจริงขอรับ เม็ดแรกที่จุดเทียนหยวน จบที่จุดเก้าห้า เช่นนี้ก็ทราบผลแพ้ชนะแล้ว!” คนข้างหลังเขากระซิบ
“ส่งคนของเราไปยังทะเลพันเกาะเดี๋ยวนี้ เพื่อสืบที่มาของกู่ไห่ ข้า้าข้อมูลทั้งหมด!” ซือหม่าฉางคงสั่งอย่างเคร่งขรึม
“อ่า! ท่านหัวหน้า เราส่งคนไปแล้วนี่ขอรับ!”
“ไม่! ส่งคนไปเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่แค่เขา แต่ข้า้าข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับครอบครัวเขาด้วย ไปสืบมาอย่างละเอียดที่สุด” ซือหม่าฉางคงกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอ่อ... ขอรับ!”
ไม่ว่าผู้คนรอบตัวจะแปลกใจมากเพียงใด แม้เจียงเทียนฉีจะพยายามค้นหาจุดบอดบนกระดานมากขนาดไหนก็ไร้ ผลสุดท้าย ก็จบลงที่กู่ไห่เป็ผู้ชนะ และได้รับของรางวัลในการเดิมพันครั้งนี้ไป
“ข้าบอกพวกท่านไปแล้ว ว่าข้าถนัดเื่หมากล้อมที่สุด!” กล่าวจบ กู่ไห่จึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พร้อมคลี่ยิ้มเล็กน้อย
---------------------------------------------
[1] ตำแหน่งเก้าห้าจักรพรรดิ เลข 9 กับเลข 5 เป็เลขที่อยู่จุดสูงสุดของหยินหยาง คำว่า “九五至尊” จึงหมายถึงผู้ที่อยู่จุดสูงสุด ซึ่งหมายถึงฮ่องเต้