เมื่อพูดถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหลียงฮวนก็ไม่มั่นใจสักเท่าไร
การเรียนของเธอเป็อย่างไร ตัวเธอเองรู้อยู่แก่ใจดี ตอนมัธยมต้นผลการเรียนยังไม่เลวร้าย แม้ไม่ได้ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดให้กับการเรียน เหลียงฮวนก็รักษาผลการเรียนอยู่ระดับกลางถึงสูงได้ไม่ยาก พอเข้าสู่่มัธยมปลาย เธอยังคงใช้ทัศนคติเดิม ทว่าความยากของตำราเรียนได้เพิ่มสูงขึ้นแล้ว... เหลียงฮวนไม่ได้ปลูกฝังลักษณะนิสัยในการเรียนที่ดี อาศัยความฉลาดเล็กๆ น้อยๆ กินสมบัติเก่า ในสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ เธอฟุ้งซ่านมากยิ่งขึ้น ผลการเรียนร่วงลงอย่างร้ายแรง
แต่เื่นี้ก็โทษเธอไม่ได้นี่นา ใครใช้ให้่นี้เกิดเื่มากมายก่ายกองขึ้นกับครอบครัวเธอ?
เหลียงฮวนดึงมือของตนเองออกจากมือมารดา “ฉันรู้น่าว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลูกสาวแม่ไม่ทำให้ขายหน้าใครหรอก ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ดีกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่รึ? เธอจบแค่มัธยมต้น นอกจากหน้าสวย... ฮึ!”
ก็มีแค่หน้าตาที่ดูดี ชายหนุ่มหล่อเหลาขนาดนั้นยังชอบเธอเข้าไปได้
คำพูดของเหลียงฮวนสะกิดโดนก้นบึ้งของใจหลิวฟาง
ทุกวันนี้เธอไม่มีอะไรจะโอ้อวดกับครอบครัวฝ่ายแม่ได้แล้วจริงๆ หลี่เฟิ่งเหมยเป็เ้าของธุรกิจอิสระ หลิวเฟินช่วยงานในร้านเสื้อผ้า ในขณะที่เธอผันจากภรรยาข้าราชการกลายเป็พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า พอร่วงลงมาจากที่สูง ความภาคภูมิใจทุกอย่างของหลิวฟางล้วนไม่เหลือแล้ว ลูกชายยังเด็กเกินไปที่จะมองเห็นอนาคต มีเพียงเหลียงฮวนลูกสาวผู้อรชรอ้อนแอ้นเท่านั้น เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะเจอคู่ครองดีๆ สักคนได้แน่นอน! หลิวฟางคิดว่าตอนนี้ตนเองไม่มีน้ำยาพอตามรังควานเซี่ยเสี่ยวหลาน เช่นนั้นก็หลบหลีกให้ห่างไกลดีกว่า อดทนอีกสองปี เหลียงฮวนสอบติดมหาวิทยาลัย เธอจะเริงร่าเบิกบานหลังหลุดพ้นจากความหดหู่เอง!
หลิวเฟินได้ลิ้มรสความเสียเปรียบของการไร้วุฒิการศึกษาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกระหยิ่มยิ้มย่องตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ในอนาคตฮวนฮวนลูกสาวเธอจะก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งกว่าอยู่ดี
สองแม่ลูกมีศัตรูสมมติร่วมกัน ใช้จินตนาการคว้าชัยชนะ ทว่าอิ่มอกอิ่มใจอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว
หลิวเฟินกลับบ้านมาทำอาหาร เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วยังต้องกลับไปทำงานต่อ เหลียงฮวนที่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนเบื่อหน่ายการอยู่บ้านแทบขาดใจ หลิวฟางโอ๋เธอ
“รอแม่เลิกงานก่อน เดี๋ยวจะพาลูกไปเดินซื้อของนะ”
เธอยังพอมีเงินส่วนตัวติดมือนิดหน่อย และยินดีจะจ่ายกับลูกสาวเท่านั้น เหลียงฮวนเผยรอยยิ้มน้อยๆ แม้ต้องสอบเกาเข่าก็ไม่หวั่นเกรง เธอยังมีเวลามุมานะอยู่!
----------------------------------------
่บ่ายของวันที่ 8 สอบติดกันสองวิชา
วิชาชีววิทยานั้นยังไหว แต่ปริมาณคำตอบที่ต้องเขียนของวิชารัฐศาสตร์เกือบทำเอาเซี่ยเสี่ยวหลานมือหัก สีหน้าตอนออกจากห้องสอบของเธอซีดเผือด หลิวเฟินเฝ้าอยู่หน้าประตูโรงเรียน ชะเง้อมองหนแล้วหนเล่า ในที่สุดก็เห็นเงาของเซี่ยเสี่ยวหลาน ลูกสาวทนสอบสองวิชาจนเสร็จ หลิวเฟินทั้งสงสารและภาคภูมิใจ
“พรุ่งนี้เหลืออีกสองวิชาสินะ? สอบเสร็จก็ดี สอบเสร็จก็ดีแล้วล่ะ!”
หลิวเฟินไม่ถามว่าการสอบเป็อย่างไร ลูกสาวเข้าห้องสอบพร้อมาแด้วยซ้ำ ยังร้องขอมากกว่านี้ได้หรือ? หลิวเฟินถือกระบอกน้ำรออยู่นานมาก ตัวเธอร้อนจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า กลับกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะกระหายและร้อน รีบส่งน้ำให้ทันที
ในความคิดของหลิวเฟิน การาเ็ส่งผลกระทบต่อการสอบอย่างแน่นอน และเธอไม่คาดหวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะทำได้ดีเหมือนการสอบคัดเลือกรอบแรก ขอเพียงสอบติดมหาวิทยาลัยสักแห่งก็พอ ส่วนเกียรติยศของอันดับหนึ่งประจำเมืองอะไรนั่น ไม่จำเป็ต้องไปแย่งชิง ทำให้หญิงสาวไม่ตึงเครียดมากขนาดนั้น
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน มารดาของเธอเป็คนที่มีทั้งทัศนคติหัวโบราณกับหัวก้าวหน้าอยู่ร่วมกัน
เมื่อก่อนสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตล้าหลังและอนุรักษ์นิยมจนเกินไป หลิวเฟินถึงได้มีแิคร่ำครึมากมาย ความรวดเร็วในการรับสิ่งใหม่ก็ไม่ถือว่าว่องไว แต่เธอซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความคิดชั่วร้ายอะไร จึงดูติดดินน่ารักทีเดียว
‘น่ารัก’ ไม่ใช่คำบรรยายสำหรับหญิงสาววัยรุ่นเท่านั้น คนบางคนแม้เนื้อหนังมังสาเพิ่งมีอายุสิบกว่าปี ทว่าเรียนรู้เล่ห์กลของคนต่ำทรามไว้เหลือใช้ หญิงสาวเช่นนี้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนเยาว์ แต่มิอาจเรียกได้ว่าน่ารักเลย ผู้หญิงบางคนเป็แม่ หรือกลายเป็คนอายุเทียบเท่าคุณย่าแล้วด้วยซ้ำ ผิวกายภายนอกเต็มไปด้วยร่อยรอยของกาลเวลา เคยได้รัก เคยถูกหลอก รู้ซึ้งสัจธรรมของชีวิต ถึงกระนั้นยังคงปฏิบัติตนต่อคนรอบข้างและคนแปลกหน้าด้วยความปรารถนาดีเป็หลัก สตรีเฉกเช่นนี้ ไม่ว่าอายุเท่าไร ก็สามารถถูกเรียกว่า ‘น่ารัก’ ได้ทั้งนั้น
ในอนาคตก็มีคำศัพท์ยอดนิยมทางอินเตอร์เน็ตไม่ใช่หรือ ‘ขอให้แม้คุณจากบ้านไปครึ่งชีวิต กลับมายังคงเยาว์วัยดั่งเดิม [1]’
ความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานล่องลอยไปหน่อย “ทำได้น่า ไม่แย่เหมือนที่แม่คิดหรอก พรุ่งนี้เหลือสองวิชาแล้ว เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้แน่”
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนทำข้อสอบได้ไม่เลว หลิวเฟินจะสาดน้ำเย็นใส่ [2]ได้อย่างไร
่บ่ายสอบติดกันสองวิชา เซี่ยเสี่ยวหลานใช้พลังสมองไปเยอะมาก และเธอก็เขียนข้อสอบวิชารัฐศาสตร์จนเจ็บมือ ตอนนี้ท้องร้องโครกครากด้วยความหิวโหย สองแม่ลูกไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารรัฐเหมือนเดิม แต่ไม่คิดว่าภาพที่เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังออกมาจากโรงเรียน จะถูกพบโดยหลิวฟางและเหลียงฮวนพอดี
หลิวฟางไม่กล้าเข้าไป มีหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนเดินตามหลังนี่นา สองคนนี้ฝีไม้ลายมือการต่อสู้ไม่ใช่ย่อย นึกไม่ถึงว่ายังเป็คนคุ้มกันให้เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่
คนรักคนนั้นของเธอช่างเก่งกล้าสามารถเสียเหลือเกินนะ!
คนบ้านเหลียงล้วนนึกว่าหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนถูกส่งมาโดยโจวเฉิง
มือของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในเฝือก หัวเข่าและแขนมีาแ อันที่จริงหลิวฟางรู้สึกเบิกบานสำราญใจยิ่งนัก
“ทำไมพวกเธอถึงมาเหอตง?”
กล้าหาญชาญชายเสียจริงๆ คิดว่าฝานเจิ้นชวนถูกจับแล้ว คนตระกูลฝานจะไม่รังควานเซี่ยเสี่ยวหลานสินะ!
เหลียงฮวนอยู่ในอาการมึนงง “แม่ ทำไมเธอออกมาจากสนามสอบ?”
โรงเรียนของเหลียงฮวนก็คือสนามสอบประจำเขตเหอตงนั่นเอง เพื่อการสอบเกาเข่า นักเรียนทุกคนปิดภาคเรียนแล้ว แม้แต่บุคลากรชั่วคราวก็เข้าโรงเรียนไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับออกมาจากด้านในสนามสอบไม่ต่างกับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ...
หลิวฟางหันศีรษะฉับพลัน “ลูกพูดอะไร?”
“ฉันบอกว่าเธออกมาจากข้างในสนามสอบ มีแค่คนที่สอบเกาเข่าเท่านั้นที่จะออกมาจากสนามสอบ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมการสอบเกาเข่าประจำปีนี้?
เหลียงฮวนจำได้แม่นยำ พออีกฝ่ายจบมัธยมต้นก็หยุดเรียนต่อและอยู่บ้าน ไม่ได้เรียนมัธยมปลายด้วยซ้ำ ทำไมถึงข้ามขั้นมาสอบเกาเข่า?
หลิวฟางไม่เชื่อเช่นกัน เธอรั้งตัวผู้เข้าสอบคนหนึ่งไว้ ถามพลางชี้แผ่นหลังของเซี่ยเสี่ยวหลาน
“นักเรียน เด็กคนนั้นมาเพื่อสอบเหมือนกัน?”
ผู้เข้าสอบถูกถามโดยไม่ตั้งตัว แต่ยังคงพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ ใส่เฝือกเข้าสอบ นั่นคือจิติญญาแห่งการพยายามที่พวกเราทุกคนต้องเอาเป็แบบอย่าง!”
หลิวฟางและเหลียงฮวนตกตะลึง เมื่อเห็นาแทั่วร่างเซี่ยเสี่ยวหลาน สองแม่ลูกดีใจยิ่งนัก
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมเกาเข่าในปีนี้ หลิวฟางจึงเกิดสังหรณ์ถึงอันตราย ข้อบกพร่องของเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือการศึกษาและภูมิลำเนาชนบทมิใช่หรือ หากเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จริง จุดด้อยสองอย่างนี้ก็ถูกเติมเต็มจนครบถ้วน กลายเป็ว่าชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ มีคู่หมายที่ดี และตอนนี้ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัย สงสารฮวนฮวนลูกสาวของเธอ ลดสถานะจากบุตรหลานข้าราชใหญ่กลายเป็... หลิวฟางกล่าวขณะแค่นยิ้ม
“เรียนจบแค่ระดับมัธยมต้น เลียนแบบคนอื่นเขาสะเออะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกันรึ?”
ถ้ามหาวิทยาลัยมันสอบเข้าง่ายเสียขนาดนั้น เหล่านักศึกษาทั้งหลายจะล้ำค่าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
เหลียงฮวนพยักหน้าแรงๆ ตาม “โรงเรียนฉันน่ะ ปีหนึ่งมีคนสอบเข้าเรียนปริญญาตรีได้ไม่กี่คนเอง”
โรงเรียนมัธยมปลายของเหลียงฮวนคือโรงเรียนที่ดีที่สุดของเขตเหอตงแล้ว อัตราการเรียนต่อไม่ห่างกับอันชิ่งอีจงมากนัก คนอื่นเรียนมัธยมปลายสามปียังยากที่จะสอบเข้าได้ เหลียงฮวนไม่เชื่อว่านักเรียนมัธยมต้นอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานแค่พูดว่าจะสอบเข้าแล้วก็สอบติด
สองแม่ลูกปลอบและปลุกใจซึ่งกันและกัน ปากบอกว่าไม่น่าเชื่อถือ สุดท้ายก็ไม่มีอารมณ์เดินเล่นซื้อของอยู่ดี
ทั้งสองคนเดินตามไปอย่างลับๆ ล่อๆ หลังจากเกิด ‘อุบัติเหตุทางถนน’ ขึ้น เก่อเจี้ยนระวังตัวมาก ไม่ทันไรเขาก็พบว่ามีคนติดตามอยู่ พอดูอีกที เป็น้าและลูกพี่ลูกน้องของคุณผู้หญิงเซี่ยไม่ใช่หรือ? ตอนอยู่ในบ้านพักรับรองประจำเมืองซางตู เก่อเจี้ยนเห็นคนบ้านเหลียง
เขาบอกหลี่ต้งเหลียงเป็อันดับแรก หลี่ต้งเหลียงแจ้งสถานการณ์แก่เซี่ยเสี่ยวหลานทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่พูดไม่จา หลิวเฟินดูเหมือนจะถากถางเล็กน้อย “อย่าให้พวกเธอเข้าใกล้เชียว ฉันไม่อยากเห็นพวกเธอ!”
เนื่องจากสนามสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานถูกจัดไว้ในเขตเหอตง จึงมีการเตรียมพร้อมจิตใจที่อาจเจอคนบ้านเหลียงหรือคนบ้านฝาน การที่หลิวเฟินดึงดันตามมา มีเหตุผลส่วนนี้ด้วยเช่นกัน
“ทำตามที่แม่ฉับบอกเถอะ ไล่พวกเธอไปให้ไกลหน่อย ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาต่อปากต่อคำกับพวกเธอ”
หลี่ต้งเหลียงไปขับไล่ไสส่งจริงๆ หลิวฟางแข็งขืน หน้าแดงก่ำไม่ยอมแพ้ “ถนนกว้างเสียขนาดนี้ฉันยังเดินไม่ได้? มีสิทธิอะไรมาไล่คนอื่น!”
หลี่ต้งเหลียงมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ ตอนคนคนนี้ยังพอมีอำนาจ ก็จะยกคุณผู้หญิงเซี่ยให้คนอื่นโดยคิดเองเออเองเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ทุกวันนี้โชคชะตาแปรผันไปกับเวลาแล้ว เธอได้รับอนุญาตให้รังแกคนอื่นเพียงผู้เดียว แต่คุณผู้หญิงเซี่ยไม่สามารถเอาแต่ใจนิดหน่อยบ้างหรือ
หลี่ต้งเหลียงไม่พูดพล่ามพร่ำเพรื่อ ทำการผลักไสไล่ส่งทันที
เขาไม่เอ็นดูรึทะนุถนอมสตรีหรอก ถ้าไม่สู้กับผู้หญิง เช่นนั้นจะยังมาเป็คนคุ้มกันอะไรได้
หลิวฟางทั้งลนและโกรธ เหลียงฮวนพยายามดึงมือมารดาให้จากไป หลิวฟางมิวายหักหาญน้ำใจทางวาจา “สอบเข้ามหาวิทยาลัย? มหาวิทยาลัยเป็ของที่ใครๆ เขาก็สอบเข้าได้ทั้งนั้นหรือ ฉันจะรอดู ์จะมีเมตตาปล่อยให้คนจิตใจสกปรกร้ายกาจสอบติดมหาวิทยาลัยหรือเปล่า!”
เชิงอรรถ
[1]愿你出走半生,归来仍是少年 ขอให้แม้คุณจากบ้านไปครึ่งชีวิต กลับมายังคงเยาว์วัยดั่งเดิม หมายถึง ขอให้คงความบริสุทธิ์อ่อนโยนเหมือนเด็กน้อยแม้ผ่านเื่ราวชีวิตมามหาศาล
[2]泼冷水 สาดน้ำเย็น หมายถึง ใช้คำพูดหรือการกระทำลดลอนความกระตือรือร้นของผู้อื่น