กู้ฉีขมวดคิ้วขึ้น และมองไปด้านหลังตามสายตาของเขาแวบหนึ่ง
เห็นเพียงโหยวอวี่เวยที่ยื่นกายออกมาจากด้านหลังโหยวซาน รูปโฉมดั่งภาพวาด รอยยิ้มอ่อนหวานพราวเสน่ห์ ใบหน้าเสมือนหยกพร่างพราว ดวงตาผลซิ่งโตๆ มองพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในใจของกู้ฉีโมโหขึ้นทันที เคลื่อนย้ายฝีเท้าไปขวางสายตาของจางเฉิงหย่วนไว้
เมื่อทัศนวิสัยถูกบดบัง จางเฉิงหย่วนก็สีหน้าครึ้มลง ขณะที่กำลังจะแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ กลับเห็นกู้ฉีมองเขาด้วยความเ็า เขาจึงสีหน้าเหยเกและในที่สุดก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม สุดท้ายทำได้เพียงคำนับและจากไป
“พี่จาง กู้ฉีผู้นั้นมีภูมิหลังอย่างไรหรือ? บุคลิกทั่วกายนั่น ดูแล้วเหมือนมีฐานะ” เมื่อห่างจากหุบเขาได้สองสามร้อยหลา หงซื่อเจี๋ยถึงได้กล้าเอ่ยปากถาม
“เหอะ... บุตรชายคนเล็กของฮูหยินกู้ซ่างซู เมื่อก่อนเป็คนป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ตลอด มีข่าวเกี่ยวกับเขาน้อยนิด แต่สองปีมานี้อาการป่วยดีขึ้นและเข้ากว๋อจื่อเจี้ยน สถานการณ์ก็ค่อยๆ รุ่งเรืองขึ้นนับเป็คนที่โดดเด่นปรากฏออกมาล่าสุดของเมืองหลวง” จางเฉิงหย่วนเอ่ยอย่างเหยียดหยาม เื้ัเพียบพร้อม ฐานะสืบเชื้อสายจากภรรยาหลวงโดยตรง ผนวกกับรูปงาม เป็การยากหากจะบอกว่าไม่โดดเด่น
หากเขามีบิดาที่สืบเชื้อสายจากภรรยาหลวง จะมีความเป็อยู่อย่างตอนนี้หรือ ดูท่าทางเย่อหยิ่งของครอบครัวคนโตผู้สืบสกุลจางนั่นสิ ก็ไม่ใช่เพราะพวกเขามีตำแหน่งของผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากภรรยาหลวงหรอกหรือ
หงซื่อเจี๋ยกลอกลูกตาสองรอบ “บุตรชายของกู้ซ่างซู เหตุใดวิ่งมาสถานที่เล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้ได้ เป็ไปได้ไหมว่า้าจะปกปิดอะไรในนั้น?”
จางเฉิงหย่วนครุ่นคิดข้อมูลเกี่ยวกับกู้ฉีที่อยู่ในหัว “เหมือนจะได้ยินมาว่าเมื่อก่อนเขารักษาอาการป่วยอยู่ข้างนอกมาตลอด”
“เอ๋ นั่นก็ใช่แล้วล่ะ เอ้อโจวใกล้กับูเาไท่หางมากที่สุด มีวัตถุดิบสมุนไพรแต่ละชนิดอุดมสมบูรณ์ พวกเขาสร้างคฤหาสน์ที่พักอยู่ภายในหุบเขา อาจเพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บรวบรวมวัตถุดิบสมุนไพรกระมัง” หงซื่อเจี๋ยกล่าวตามความเข้าใจของตนเอง
“อื้ม เป็ไปได้” จางเฉิงหย่วนใจลอยเล็กน้อย
เด็กสาวแสนน่ารักเื้ักู้ฉีเป็ผู้ใดกัน? หน้าตางดงามยิ่ง
แปรงมวยผมของเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงาน แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่สวยเรียบ แต่ทั้งหมดล้วนประณีตงดงาม ฐานะทางบ้านต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ได้ยินว่ากู้ฉียังไม่แต่งงาน หรือเป็คู่หมายของเขากันนะ?
ในดวงตาจางเฉิงหย่วนคลุมเครือไม่ชัดเจน
...รอจนพวกเขาห่างไปไกลแล้ว กลุ่มของเจินจูถึงได้จัดเก็บสิ่งของและเริ่มเดินทางกลับ
พวกเขานำกลับมาเพียงกวางป่าหนึ่งตัว ส่วนแพะูเาวางไว้ในคฤหาสน์ที่พัก ปล่อยหลิ่วฉางผิงเชือดให้เรียบร้อยและนำกลับไปส่งทีหลัง
“น้องสาวเจินจู ข้าจะบอกเ้า คนเมื่อสักครู่นี้ข้ารู้จัก ตอนเฉิงเอินโหว [1] ฮูหยินชราฉลองวันคล้ายวันเกิด ข้ากับท่านแม่ข้าไปอวยพรวันเกิดนาง งานเลี้ยงภายในลานกับงานเลี้ยงนอกลานกั้นกันด้วยสระน้ำ สายตาของข้ากลับดีมากนักห่างออกไปขนาดนั้นแต่ก็ยังเห็นได้ชัดเจน วันนั้นจางเฉิงหย่วนผู้นี้ไม่รู้ว่าทะเลาะกับหลานชายคนโตอีกคนของสกุลจางขึ้นด้วยเหตุอันใด ต่อมาเกือบลงไม้ลงมือกันขึ้น ได้ยินว่ากลับไปก็ถูกจานซื่อขององค์ไท่จื่อไล่ออกจากเมืองหลวง คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเนรเทศมาถึงเอ้อโจวได้” โหยวอวี่เวยเข้าใกล้เจินจู ซุบซิบเสียงเบา
จานซื่อขององค์ไท่จื่อเป็ขุนนางที่ใหญ่โตเท่าไรกัน? แต่ยศนี้น่าจะมีความเกี่ยวพันธ์กับองค์ไท่จื่อแน่นอน “จานซื่อขององค์ไท่จื่อคือขุนนางของพรรคองค์ไท่จื่อหรือ?”
โหยวอวี่เวยพยักหน้าและกล่าวเบาๆ “ดำรงเป็ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับสาม บุคคลที่เป็แกนนำของพรรคองค์ไท่จื่อ มีหลานสาวเป็เหลียงตี้ขององค์ไท่จื่อ วันหนึ่งที่องค์ไท่จื่อขึ้นครองบัลลังก์ ครอบครัวพวกเขาก็สุนัขระกาเยี่ยมวิมานแล้ว [2]”
“แค่กๆ” เมอเมอหวังกระแอมไอสองทีเบาๆ การวิจารณ์เื่การบริหารบ้านเมืองไม่ใช่เื่ที่แม่นางสตรีเพศสองคนควรพูดคุยกัน
โหยวอวี่เวยแลบลิ้น หันไปทำใบหน้าล้อเลียนทางเมอเมอหวังอย่างซุกซน
องค์ไท่จื่อขึ้นครองบัลลังก์!
ดูท่าแล้วสถานการณ์ของฮ่องเต้ไม่สู้ดีเลยนี่ ขนาดแม้แต่คุณหนูในห้องหับของเมืองหลวง ยังทราบว่าองค์ไท่จื่ออาจต้องขึ้นครองบัลลังก์เลย
เฮ้อ... น่าเสียดาย สิ่งที่พวกเขากำหนดกันไว้ต้องผิดหวังเสียแล้ว
ในเมื่อฮ่องเต้ชราค่อนข้างซื่อสัตย์จริงใจอย่างมาก ล้วนแล้วแต่เป็ผลดีทั้งต่อประชาชนและต่อตนเอง เช่นนั้นตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาก็นั่งให้มั่นคงต่อไปนั่นแหละดีที่สุด
รถม้าสองเกวียนควบกลับมาบ้านสกุลหูก่อนเที่ยงตรง
อาชิงและผิงอันช่วยกันหามกวางตัวผู้เข้าไปห้องครัว
จ้าวหงยู่มองอาหารป่าที่ผุดขึ้นมาอยู่บ่อยๆ จนเป็เื่คุ้นตา อาหารเที่ยงของที่บ้านทำไว้พอสมควรแล้ว แต่ไม่เป็อุปสรรคเลยหากต้องจัดการเนื้อกวางอีกรอบ
เนื้อกวางพะโล้ เป็หนึ่งในประเภทอาหารที่ฟางเสิงชอบมากที่สุด จ้าวหงยู่มองอาชิงชำแหละกวางตัวผู้ด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
กู้ฉีกับโหยวอวี่เวยดื่มชาดอกเบญจมาศที่ชงขึ้นใหม่อยู่ภายในห้องโถง
จื่อยู่รออยู่บ้านสกุลหูครึ่งวัน พอเห็นพวกผิงอันกลับมาในที่สุดก็วางใจลงได้
“น้องสาวเจินจู ชาดอกเบญจมาศบ้านเ้าหอมจริงๆ ท่านแม่ข้าชอบดื่มที่สุดเลยล่ะ น่าเสียดายที่บ้านเ้าปลูกไว้น้อยเกินไป ทุกครั้งที่ส่งไปให้หนึ่งกระปุกเล็ก ท่านแม่ข้าล้วนทำใจทานมากไม่ค่อยได้เลยล่ะ” โหยวอวี่เวยจิบน้ำชาและกล่าวทอดถอนใจออกมา
ดวงตากู้ฉีมืดครึ้ม เพียงดื่มชาเงียบเชียบ นางก็ส่งชาดอกเบญจมาศให้เขาเช่นกัน เขารู้สึกว่ามารดาทำงานในบ้านสกุลกู้อย่างเหนื่อยยากลำบาก จึงมอบให้อันซื่อไป
แต่มารดาของเขากลับเปลี่ยนมือนำไปให้ฉีกุ้ยเฟยเสียนี่
“ฮ่าๆ ดอกเบญจมาศของบ้านข้าปลูกไว้ไม่มากจริงๆ ส่งไปให้ได้หนึ่งกระปุกเล็กก็ไม่เลวแล้ว อีกอย่างดอกเบญจมาศค่อนข้างมีฤทธิ์เย็น ดื่มเป็บางครั้งบางคราวยังพอได้ แต่ให้ดื่มทุกวันคงไม่เหมาะเท่าไรนะ” เจินจูเริ่มปลูกดอกเบญจมาศหนึ่งแปลงโดยเฉพาะ ขณะนี้บานได้อุดมสมบูรณ์พอดี
“อื้มๆ ท่านแม่ข้าก็กล่าวเช่นนี้ นางเลยเก็บดอกเบญจมาศไว้อย่างดี ตอนที่อารมณ์ดีถึงได้หยิบออกมาชงดื่ม” โหยวอวี่เวยกล่าวด้วยดวงตายิ้มหยี
“่นี้ข้าปลูกแปลงดอกกุหลาบขึ้นใหม่หนึ่งผืน และเริ่มเก็บดอกกุหลาบมาทำชากุหลาบได้ไม่น้อยเลย รอตอนท่านจะไป ข้าจะเอาให้ท่านหนึ่งกระปุก เด็กผู้หญิงดื่มมากๆ ผิวพรรณจะดี” เจินจูยิ้มจนดวงตาหยีเช่นกัน นางอยู่ร่วมกับโหยวอวี่เวยมาก็พบว่าจิตใจของนางใสซื่อบริสุทธิ์ สดใสมีชีวิตชีวาชอบยิ้มแย้ม คุยสนุกไม่เย่อหยิ่ง เป็เด็กสาวที่น่าคบหามาก
โหยวอวี่เวยดวงตาเป็ประกาย รีบยิ้มแล้วพยักหน้าทันที “ดีเลยๆ มิน่าเล่าผิวเ้าถึงดีเพียงนี้ เ้าต้องแอบดื่มไปไม่น้อยแน่ๆ เลยใช่หรือไม่”
สองคนสนทนากับหัวเราะกันคึกคัก
กู้ฉีนั่งอยู่ด้านข้างฟังจนในใจห้ารสปะปนอยู่ด้วยกัน [3]
สองคนคบค้ากันดีเพียงนี้ เหตุใดในใจเขาถึงได้อึดอัดอยู่เล็กน้อยกันนะ
อาหารกลางวันล่าช้าออกไปครึ่งชั่วยาม
หูฉางกุ้ยและผิงอันทานอาหารเป็เพื่อนกู้ฉี
แม้รู้จักกันมาเป็เวลานานมาก แต่หูฉางกุ้ยยังคงระมัดระวังตัวอยู่เล็กน้อยเช่นเดิม ยังดีที่ผิงอันร่าเริงพูดเก่ง สามารถคุยเล่นกับกู้ฉีได้มากหน่อย
ส่วนหลี่ซื่อ ซิ่วจู และเจินจูนั่งเป็เพื่อนกับโหยวอวี่เวยอีกหนึ่งโต๊ะ
เมอเมอหวังและจื่อยู่อยู่ข้างห้องโถง
โหยวซานเฝ้ารถม้าอย่างถึงที่สุด แม้แต่อาหารกลางวันก็ทานอยู่บนขอบเกวียน
ผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนจึงหยุดตะเกียบในมือลง
โหยวอวี่เวยลูบท้องน้อยๆ ที่ยื่นออกมาอย่างเขินอาย เอาแต่กล่าวว่าฝีมือแม่ครัวของบ้านสกุลหูล้ำเลิศเกินไปแล้ว เนื้อกวางมื้อใหญ่หนึ่งโต๊ะเอร็ดอร่อยจริงๆ
เจินจูจัดการเตรียมห้องรับแขกไปตามลำดับ เพื่อพักผ่อนตอนกลางวัน
กู้ฉีกังวลอยู่บ้าง เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่หลายครั้ง
เจินจูยิ้มปลอบใจ ูเาลึกเดินทางยากลำบาก คนที่เข้าูเาและสามารถกลับมาก่อนพลบค่ำได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
กู้ฉียิ้มอย่างจำใจ... เขารู้
เขาแค่กังวลใจ หากว่าโสมคนที่ขุดได้ครั้งนี้รูปลักษณ์คุณสมบัติไม่เทียบเท่ากับครั้งก่อน เช่นนั้นขั้นต่อไปควรจัดการอย่างไร?
ถวายวัตถุดิบอาหารของสกุลหูขึ้นไป? ไม่... เขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้
น้องสาวเจินจูไว้วางใจเขาปานนี้ เขาจะเนรคุณต่อความไว้วางใจนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ต้องมีวิธีที่เป็ผลดีต่อทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน เขาต้องใจเย็นและคิดใคร่ครวญอย่างละเอียด
บ้านสกุลหูในตอนบ่าย สวยงามและเงียบสงัด แสงอาทิตย์ปลายฤดูใบไม้ร่วงส่องแสงลงบนพื้นที่กว้างใหญ่ มีลูกสุนัขเห่าเป็บางครั้ง
ขณะที่โหยวอวี่เวยตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ค่อนไปทางตะวันตกแล้ว วันนี้นางตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เพราะอย่างนั้นตอนกลางวันถึงได้นอนหลับสนิท
จื่อยู่ยกน้ำอุ่นเข้ามา ปรนนิบัติให้นางล้างหน้าล้างตา เมอเมอหวังหยิบเอาเสื้อผ้าออกมาจากรถม้าให้นางเปลี่ยน
เมื่อนางมาถึงห้องโถงก็เห็นเจินจูกำลังเด็ดหัวท้ายถั่วลันเตาอยู่
“น้องสาวเจินจู พี่ห้าล่ะ?” โหยวอวี่เวยนั่งลง มองการกระทำของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยังไม่ตื่นเลย” เจินจูยิ้ม เด็ดส่วนยอดถั่วลันเตาในมือต่อ
โหยวอวี่เวยมองด้วยความสนใจ และเริ่มขยับมือเข้าไปช่วย
จื่อยู่กับเมอเมอหวังมองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง ในตาปรากฏออกมาอย่างจนปัญญา
กู้ฉีเปิดเปลือกตาขึ้น แสงอาทิตย์สลัวๆ ส่องผ่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าของเขา ชั่วขณะหนึ่งเขาลืมไปว่าตนเองอยู่แห่งหนใด
จนกระทั่งนอกประตูแว่วเสียงหัวเราะของเด็กสาวตัวน้อยขึ้น เขาถึงได้หยัดกายลุกขึ้นทันที
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องเข้ามาจากด้านข้าง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะหลับไปตลอดทั้งบ่าย
พวกเฉินเผิงเฟยยังไม่กลับมาหรือ?
กู้ฉียืนขึ้นและเดินไปเปิดประตูห้อง
ผิงอันกำลังหยอกซิ่วจูเล่นอยู่กลางลานบ้าน
พอเห็นเขาเปิดประตูออกมา ผิงอันจึงรีบเข้ามาตรงหน้าทันทีและนำทางเขาไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
เมื่อกู้ฉีจัดการสุขอนามัยของตนเองเสร็จก็รีบไปที่ห้องโถง
ภายในห้องโถงเจินจูวนรอบโหยวอวี่เวยชื่นชมอยู่พักหนึ่ง
ที่แท้โหยวอวี่เวยก็วาดดอกไม้ให้นางสองสามดอกนี่เอง เป็รูปแบบที่นิยมแพร่หลายของเมืองหลวงทั้งสิ้น
ลงมือวาดรูปอย่างเป็ธรรมชาติและคล่องแคล่ว ฝีมือวาดรูปไร้ความลังเลและช่ำชอง คงใช้เวลามากเลยทีเดียวถึงได้มีฝีมือการวาดออกมาสำเร็จอย่างที่เห็นได้
ก่อนกู้ฉีจะเข้าห้องมาได้สังเกตอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่าไม่พบร่องรอยของกลุ่มเฉินเผิงเฟย แต่เขาก็อดถามไม่ได้ “น้องสาวเจินจู พวกเฉินเผิงเฟยยังไม่กลับมาหรือ?”
เจินจูเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มขึ้น “ยังเลย พี่ชายกู้อู่ ท่านตื่นแล้ว ตรงนี้ชงชาหลงจิ่งไว้ ท่านดื่มชาก่อนเถอะ”
เมอเมอหวังที่อยู่ด้านหลังโหยวอวี่เวย รีบยกถ้วยชาเข้าไปข้างหน้าให้กู้ฉี
กู้ฉีกดความกังวลไว้ภายในจิตใจ แล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มสองสามอึก
“พี่ห้า อย่าร้อนใจไปเลย น้องสาวเจินจูบอกแล้วว่าหุบเขาไท่หางอยู่ในส่วนลึก มีแอ่งน้ำ มีอากาศพิษของป่าเขตร้อน ทั้งยังมีต้นไม้โบราณสูงเสียดเมฆกับเส้นทางูเาสูงชันด้วย เข้าออกหนึ่งรอบคงไม่ง่ายดายเพียงนั้นแน่นอน ต้องมีความอดทนอย่างมาก” โหยวอวี่เวยเงยหน้าขึ้นมาจากภาพวิวธรรมชาติ พร้อมกับยิ้มปลอบใจเขา
เจินจูพยักหน้าเห็นด้วย นางเคยคำนวณจากการเดินทางครั้งก่อน หากเป็สัตว์เช่นเสี่ยวเฮยที่มักเร้นกายอยู่ในป่าเขาตลอดทั้งปี ล้วนต้องใช้เวลาไปครึ่งวันถึงจะออกจากป่าเขามาได้ เช่นนั้นพวกเฉินเผิงเฟยแม้ฝีมือไม่ธรรมดา แต่อย่างไรเสียก็เป็ร่างกายของคนธรรมดา ไปกลับอย่างละรอบไม่แน่ว่าอาจต้องใช้เวลาหนึ่งคืนถึงจะกลับมาก็ได้
“พี่ชายกู้อู่ เสี่ยวเฮยวิ่งอยู่ในป่าเขาจนชิน เพราะอย่างนั้นในหนึ่งวันมันสามารถไปกลับได้ อย่างไรเสียพวกขององครักษ์เฉินเข้าออกป่าเขาไม่บ่อย เดินได้ช้าหน่อยก็เป็เื่ปกติ อีกอย่างพวกเขาคนมาก เป็เป้าใหญ่มีความเป็ไปได้มากที่จะดึงดูดสัตว์ป่าจำนวนหนึ่งเข้า หากเป็เช่นนี้ก็จะเดินได้ช้ายิ่งขึ้น ดังนั้นวันนี้อาจยังกลับมาไม่ทันก็ได้นะ”
กู้ฉีพยักหน้า ในป่าเขาเต็มไปด้วยอันตรายที่ยากจะคาดเดา เขาไม่อาจร้อนใจเกินไปได้ ขอแค่สามารถนำโสมคนกลับมาได้อย่างราบรื่น ช้าหน่อยก็ไม่เป็ไร
เขามองสีท้องฟ้าด้านนอกบ้าน ดวงตะวันเหลือเงาแค่ครึ่งดวงแล้ว
“อวี่เวย เ้ากลับเข้าเมืองไปก่อนเถอะ หากเย็นกว่านี้อีก ประตูเมืองจะปิดเสียก่อน”
โหยวอวี่เวยชะงักงัน เงยหน้ามองสีท้องฟ้าเช่นกัน ที่จริงเวลาเช่นนี้ของวันที่ผ่านๆ มาก็ต้องเตรียมเดินทางกลับได้แล้ว
“เช่นนั้น พี่ห้าล่ะ?”
“ข้าต้องรอพวกเฉินเผิงเฟย หากประตูเมืองปิดแล้วพวกเขายังไม่กลับมา ก็คงต้องรบกวนท่านอารองสกุลหูสักคืน” กู้ฉีทำการวางแผนให้ตนเอง
โหยวอวี่เวยลังเลเล็กน้อย เพราะนางอยากยืมบ้านสกุลหูพักหนึ่งคืนด้วยเช่นกัน
กู้ฉีมองความในใจของนางออก “เ้าพาสาวรับใช้กับเมอเมอมาด้วย แล้วยังมีองครักษ์อีก กลับเข้าเมืองไปจะดีกว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยมาก็เหมือนกัน”
โหยวอวี่เวยเบะปาก ฟังความหมายในคำพูดของกู้ฉีออก เห็นว่านางพาคนรับใช้มามากสกุลหูคงดูแลได้ไม่ง่าย
กู้ฉีมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “อวี่เวย ไม่ดื้อ เ้ากลับเข้าเมืองไปก่อน อีกเดี๋ยวให้โหยวซานนำคำพูดไปบอกแก่หลิวผิงด้วยว่าข้าค่อยกลับไปพรุ่งนี้”
โหยวอวี่เวยเห็นลักษณะจริงจังของเขา ที่ใบหน้าเคร่งขรึม ลูกตาดำลุ่มลึกสงบเงียบปรากฏความทุกข์ใจออกมาเล็กน้อย นางใจอ่อนไปชั่วขณะ “ก็ได้ พี่ห้า ข้าจะให้โหยวซานนำคำพูดไปบอกให้”
เมื่อส่งกลุ่มโหยวอวี่เวยจากไปแล้ว กู้ฉีมองดวงอาทิตย์ตกดินที่ค่อยๆ ลาลับลงสูู่เาที่ห่างไกล สายตาอึมครึม...
เชิงอรรถ
[1] เฉิงเอินโหว หรือ 承恩侯 คือ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งท่านโหวอันเป็ตำแหน่งสูงสุดของขุนนางโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เนื่องจากผู้เป็บุตรสาวได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็ฮองเฮาหรือไทเฮา
[2] สุนัขระกาเยี่ยมวิมาน หรือ 鸡犬升天 หมายถึง ผู้ที่พลอยได้ดิบได้ดีมีวาสนาตามไปด้วย
[3] ห้ารสปะปนอยู่ด้วยกัน หมายถึง ความรู้สึกซับซ้อน กล่าวออกมาได้ไม่ชัดเจน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้