เสี่ยวหลันจื่อตื่นมาด้วยอาการงัวเงียนางรู้สึกอ่อนเพลียเป็อย่างมาก เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็นไม่ได้ทานข้าวทำให้นางรู้สึกไร้กำลัง เสี่ยวหงที่นอนอยู่ข้างๆ นางเอาหัวเล็กๆ มาคลอเคลียข้างแก้มออดอ้อน เมื่อวานมันเห็นนางร้องไห้มันก็รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยวันนี้จึงอยากทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“ยังเป็เ้าที่ดีกับข้าที่สุดนะเสี่ยวหง” เสี่ยวหลันจื่อกอดมันจากนั้นก็ลุกออกไปล้างหน้าล้างตา ท่านยายที่เห็นหลานสาวตื่นแล้วก็รีบเข้ามาดูทันที
“เป็อย่างไรบ้างจื่อเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือยัง”
แม่เฒ่าสวียกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง
“ข้าสบายดีเ้าค่ะท่านยาย ไม่ต้องห่วงข้าไม่เป็อะไร”
เสี่ยวหลันจื่อ ยิ้มให้นางจากนั้นจึงเดินเข้าไปตักโจ๊กมากินเล็กน้อย
“เหตุใดถึงเงียบขนาดนี้ ไปไหนกันหมดเ้าคะ”
เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามหาใครแม่เฒ่าสวีจึงไขความกระจ่างว่า
“เมื่อวานตอนเย็น คุณหนูหลู่ทะเลาะกับหลิวหลีบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาขอให้พ่อหนุ่มช่วย พ่อหนุ่มเลยส่งนางกลับไปั้แ่เมื่อวานแล้วตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
เสี่ยวหลันจื่อที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ภาพที่นางเห็นตรงเชิงเขาเมื่อวาน ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของนาง เสี่ยวหลันจื่อรู้สึกว่าโจ๊กที่กำลังกินไม่อร่อยเอาเสียเลย อารมณ์ความรู้สึกของนางปั่นป่วนข้างใน เสี่ยวหลันจื่อลุกขึ้นเอาชามไปเก็บในครัว เเม่เฒ่าสวีอดมองตามไม่ได้
“ทำไมทานน้อยจังเมื่อวานก็ไม่ได้ทานตอนเที่ยงก็ไม่กลับมา หรือว่าจะไม่สบายจริงๆ ”
เสี่ยวหลันจื่อเดินออกมาพร้ะกร้าในมือ
“ท่านยาย ข้าจะขึ้นเขาสักหน่อย”
นางไม่รอฟังคำตอบก็เดินออกจากเรือนไปทันทีพร้อมกับเสี่ยวหงที่เกาะอยู่บนไหล่ หลังจากนางออกไปเพียงครู่เดียว เซียวอี้เหิงก็กลับมาความจริงเมื่อวานเขาได้รับสารลับ เื่เกี่ยวกับข้าศึกที่ชายเเดนจึงกลับไปที่เรือนที่พบเสี่ยวหลันจื่อครั้งเเรก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้นอน จึงคิดว่าจะกลับมานอนกับนางสักหน่อยแต่เมื่อกลับมาไม่เจอนางจึงถามแม่เฒ่าสวี
“นางไปไหนขอรับ”
“ขึ้นเขาไปเเล้ว” แม่เฒ่าสวีมองเซียวอี้เหิง ที่มีท่าทางอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน
หรือเด็กคนนี้ก็ป่วยเหมือนกัน
เซียวอี้เหิงยืนมองไปที่หน้าประตูเรือนนิ่งเหมือนกับว่าเขา้าจะมองให้ทะลุมันเพื่อที่จะได้เห็นร่างของใครบางคน
ด้านเสี่ยวหลันจื่อที่ขึ้นเขามากับเสี่ยวหงเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้จุดหมายกระทั่งมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่นางจำได้ดีที่ที่เขาพานางมาดูพระอาทิตย์ตกดิน เสี่ยวหลันจื่อนั่งลงที่โคนต้นไม้ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ นางร้องไห้อยู่ตรงนั้นสักพักจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“เสี่ยวหงข้ามาที่นี่เพื่อรำลึกถึงสิ่งที่เขาทำให้ข้า แต่ว่าข้าจะไม่จมปลักอยู่กับเขาอีกข้าจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนที่อวี้ซูเหยาเคยทำ ข้าจะตัดใจ” เสี่ยวหลันจื่อะโเสียงดังจนก้องป่า
“เซียวอี้เหิง ข้าจะตัดใจจากเ้าข้าจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเ้าอีกแล้ว เ้าคนโง่ ต่อไปข้าจะเกลียดเ้า”
เสี่ยวหลันจื่อหอบหายใจอย่างแรงเพราะความเหนื่อยที่ใช้กำลังทั้งหมดะโออกมา
“ข้าจะหนีจากชีวิตของเ้าตลอดไป”
นางก้มหน้าพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นดวงตากลมโตเป็ประกายของเสี่ยวหลันจื่อก็มีประกายมุ่งมั่น ใช่ นางจะต้องหนีไปจากผู้ชายคนนี้ให้ได้
เสี่ยวหลันจื่อให้เสี่ยวหงหาสมุนไพรที่หายากเพื่อที่เมื่อนางเอาไปขายจะได้ราคาที่สูงกว่าเดิม เมื่อถึงตอนเย็นนางกลับมาที่เรื่อนสกุลหลิวทุกคนจ้องมองนางเป็ตาเดียวโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่สนใจ นางตั้งใจว่าภายในหนึ่งเดือนนางจะต้องหาเงินให้พอเพื่อที่จะพาท่านตาท่านยายหนีไปด้วยกันกับนาง
“จื่อเอ๋อท่าทางแปลกๆ ั้แ่เมื่อวานแล้วแกว่าอย่างนั้นไหมตาเฒ่า” แม่เฒ่าสวีถามสามีคู่ยากที่นอนอยู่ข้างกัน
“อืม ดูเหมือนนางหนูจะไม่ค่อยกินข้าวเลยนะดูเงียบผิดสังเกต หรือว่าจะเป็เพราะคุณหนูหลู่นั่น”
ผู้เฒ่าหลิวสันนิษฐาน แม่เฒ่าสวีลุกขึ้นมาตบเข่าฉาด
“นั้นสิอยู่กันมานานขนาดนี่ข้าก็พึ่งจะเคยเห็นแกฉลาดก็วันนี้”
ผู้เฒ่าหลิวยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ภรรยาคู่ยากของตนกล่าวเยินยอที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
เสี่ยวหลันจื่อหลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้ว นางก็รีบใช้ผ้าห่มห่อตัวนอนหันหลังทั้งยังกินยานอนหลับที่ซื้อมาจากร้านค้าออนไลน์เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขา เซียวอี้เหิงที่มั่นใจว่านางหลับไปแล้วก็เปิดประตูเข้ามาเบาๆ มองร่างเล็กที่หลับในท่าคุดคู้มองดูแล้วเหมือนจะนอนไม่สบายนัก เขาจึงจัดท่าทางให้นางใหม่ จากนั้นจึงรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแข็นของต เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ชีวิตนี้ของเ้าจะไม่มีวันหนีข้าไปไหนได้ เลิกดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ซะเถอะต่อให้ข้าต้องขังเ้าเอาไว้ตลอดกาล ข้าก็จะทำ”
ดวงตาสีรัตติกาลดำมืดเป็ประกายลึกลับแแฝงแววมุ่งมั้น ความจริงเซียวอี้เหิงยืนอยู่บนต้นไม้ที่เสี่ยวหลันจื่อไปเขาได้ยินทุกประโยคที่นางพูด รวมทั้งที่นางพึมพำว่าจะหนีเขาไป เซียวอี้เหิงลูบผมดำนุ่มลื่นดุจแพรไหมชั้นดี จากนั้นก้มลงจูบหน้าผากมนกลมเกลี้ยงของนาง เลื่อนลงมาที่ดวงตาที่ปิดสนิท จมูกโด่งเล็กของนางและริมฝีปากเล็กอวบอิ่มสีดอกอิงเถาที่ชอบพูดจาเหน็บแนมนั่น เขาค่อยๆใช้ปลายลิ้นละเลียดชิมริมฝีปากของนางราวกับกำลังชิมอาหารชั้นเลิศที่มีเพียงหนึ่งเดียว
เซียวอี้เหิงไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ตนเองเป็เช่นนี้ เขากลายเป็คนที่ยึดติดกับนางหากเมื่อไหร่ที่ไม่เห็นนางเขาก็จะคอยเอาแต่มองหา แต่เขาก็อยากลงโทษนางที่เอาแต่เล่นสนุกชอบกลั่นแกล้งเขา ทั้งที่รู้ว่าตนเองจะต้องปวดใจที่เห็นนางเ็ปแต่เขาก็อยากให้บทเรียนกับนางว่าไม่ควรเล่นกับไฟ
เสี่ยวหลันจื่อที่กินยานอนหลับเข้าไปไม่รู้เลยว่าร่างกายของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย นางไว้ใจเซียวอี้เหิงมากเกินไป นางคิดว่าเขาคือสุภาพบุรุษ หรือตลอดมาที่เขาไม่ยอมเข้าใกล้สตรีแท้จริงแล้วเขาเป็พวกตัดแขนเสื้อเหมือนดั่งที่ข่าวลือแพร่ในเมืองหลวง
ตอนเช้าเมื่อเสี่ยวหลันจื่อตื่นขึ้น นางรู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยเหมือนกับว่านางออกกำลังกายมาทั้งคืน นางเดินออกมาจากห้องบีบนวดไหลตนเองไปพลางเดินเข้าครัวไปหาแม่เฒ่าสวีที่ง่วนอยู่หน้าเตา
“ท่านยายวันนี้มีอะไรกินเ้าคะ หอมจัง” แม่เฒ่าสวีหันมาเห็นหลานสาวนอกไส้ของตนที่ร่าเริงขึ้นก็รู้สึกเบาใจดูเหมือนเมื่อคืนพวกเขาจะปรับความเข้าใจกันแล้ว
แม่เฒ่าสวีที่ทอดปิ่งไส้เนื้อยู่ยิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อ
"ยายทำปิ่งไส้เนื้อ จื่อเอ๋อจะได้เอาติดตัวไปด้วยตอนที่ขึ้นเขา” เสี่ยวหลันจื่อกอดยายสวีที่เตี้ยกว่านาง ทำเสียงออดอ้อน
“เป็ท่านยายที่ดีทที่สุด” พ่อเฒ่าหลิวที่เดินมาจากหลังบ้านก็เข้าร่วมวงด้วย
“ถ้ายายเ้าดีที่สุด แล้วตาของเ้าเล่าไม่ดีหรือ” ผู้เฒ่าหลิวทำเสียงแง่งอน
“นี่แน่ะ ตาแก่คิดว่าตัวเองเป็เด็กสามขวบหรือไง” แม่เฒ่าสวีตีผู้เฒ่าหลิวไปหนึ่งที จากนั้นมหกรรมการโต้เถียงของสามีภรรยาก็ได้เริ่มขึ้น เสี่ยวหลันจื่อที่คอยทำหน้าที่ห้ามทัพหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา ความวุ่นวายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในครัวไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเซียวอี้เหิงที่นั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาหน้าบ้านใต้ต้นอู๋ถงได้ เขาไม่เห็นรอยยิ้มของนางหลายวันแล้ว เมื่อได้เห็นก็อดรู้สึกดีไม่ได้
รอยยิ้มต่างหากถึงจะเหมาะกับนาง
หลังจากอาหารเช้า เสี่ยวหลันจื่อเตรียมตัวขึ้นเขาอีกครั้ง นางห่อปิ่งด้วยกระดาษเคลือบน้ำมัน มีส่วนของเสี่ยวหงด้วยเพราะมันมีหน้าที่นำทางนางไปหาสมุนไพร เสี่ยวหลันจื่อเดินออกมาหน้าเรือน เห็นเซียวอี้เหิงที่ยืนอยู่ นางไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา ฉีเหลยที่มองบรรยากาศออกอดที่จะปาดเหงื่อไม่ได้ แม้อต่ฉีเยี่ยนเ้าทึ่มยังมองออก
“ท่านอ๋องกับนางทะเลาะกันเื่อะไรเ้ารู้หรือไม่ฉีเหลย” ฉีเยี่ยนถามเขาออกมาเบาๆ ฉีเหลยตีหัวเขาไปหนึ่งที่
” เื่ของเ้านายหาใช่เื่ของเ้า รีบไปทำหน้าที่ของเ้าได้แล้ว จะได้คุ้มค่าอาหารของบ้านสกุลหลิว เ้าทานเยอะที่สุดรู้หรือไม่” ฉีเหลยพูดจบก็เดินหนีไป ทิ้งให้ฉีเยี่ยนยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจอยู่คนเดียว
เสี่ยวหลันจื่อเดินขึ้นเขาอย่างอารมณ์ดี เมื่อใดที่นางปล่อยวางได้แล้วนางก็จะไม่คิดถึงมันอีก ก็แค่มองเขาให้เป็อากาศธาตุไปเท่านั้น
แต่นางประเมินความหน้าหนาของเซียวอี้เหิงน้อยไป เขาเดินตามนางขึ้นเขาโดยไม่สนใจที่นางเอาแต่ถลึงตาใส่เขา
“ท่านจะตามข้ามาทำไม ถ้าว่างมากควรเอาเวลาไปใส่ใจคุณหนูหลู่คนนั้นมากกว่า”
เสี่ยวหลันจื่อเหน็บแนมเขา เซียวอี้เหิงยกยิ้มมุมปากอย่างหาได้ยาก สายตาที่มองนางดูแปลกพิกล
“เ้ากำลังหึง” เสี่ยวหลันจื่อหันขวับมาทันที
“พ....พูดจาไร้สาระอันใดกัน ใครจะบ้าไปหึงท่านเราไม่ได้เป็อะไรกันซะหน่อย” เสี่ยวหลันจื่อพูดจาตะกุกตะกัก
“หากไม่หึงใยเ้าต้องผลักไสข้าให้ผู้อื่น มิใช่เ้า้าดูว่าข้าจะแสดงออกเช่นไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีอื่นหรอกหรือ”
เซียวอี้เหิงเดินเข้าไปใกล้นาง ด้านหลังของเสี่ยวหลันจื่อคือต้นไม้ที่นางแอบดูเซียวอี้เหิงกับหลู่หลิงเซียน เสี่ยวหลันจื่อถอยหลังไปจนติดต้นไม้ด้านหลัง
“เ้าไม่มีที่ให้หนีแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อลนลาน
“ท่านคิดจะทำอะไรออกไปให้ห่างจากข้านะ” เสี่ยวหลันจื่อผลักอกเขา ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้านางดูแข็งแกร่งดุดูเาไท่ซาน
“ข้าก็กำลังจะพิสูจน์อยู่นี่ไงว่าเ้ากำลังหึง”
เซียวอี้เหิงค่อยๆ ก้มตัวลงต่ำเรื่อยๆ เสี่ยวหลันจื่อที่คิดว่าเขาจะจูบนางก็หลับตาปี๋ทันที ท่าทางของนางที่หลับตาตัวสั่นนั้นช่างนาเอ็นดูยิ่งนัก เซียวอี้เหิงจูบลงบนหน้าผากของนางเบาๆ เสี่ยวหลันจื่อที่ยังหลับตาอยู่ตัวชาไปทันที เสียงหัวเราะทุ้มน่าฟังดังขึ้นข้างหูของนาง
“เ้ากำลังคาดหวังอะไรอยู่หรือ” เสี่ยวหลันจื่อที่ทั้งอายทั้งโมโหผลักเขาออกอย่างแรง
แล้วเสียงะโก็ดังมาจากทางด้านหลัง