การบันทึกภาพจบลงแล้วเรียบร้อย แต่เซี่ยเสี่ยวหลานยังต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะสามารถปลีกตัวออกมาได้
เธอรู้สึกเหมือนจะเห็นกวนฮุ่ยเอ๋อ ทว่าผู้คนเบียดเสียดเหลือเกินจึงทำให้มองเห็นไม่ชัด
แสงไฟบนเวทีจ้าเกินไป อีกทั้งมีคนมากมายรุมล้อมเซี่ยเสี่ยวหลาน ทั้งที่อยู่กลางฤดูหนาวแต่แผ่นหลังของเธอกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ!
พวกนักศึกษาช่างเป็มิตรเหลือเกิน ทุกคนต่างถามเซี่ยเสี่ยวหลานถึงวิธีการเรียนภาษาอังกฤษ รวมถึงอยากเป็เพื่อนเรียนกับเธอด้วย... คนเหล่านี้ไม่ได้คิดร้าย ทว่าพวกเขา้าพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนาตัวเองจริงๆ คนเก่งคบคนเก่งด้วยกันอย่างไรก็ไม่ใช่เื่แปลก ผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาได้ล้วนชอบภาษาอังกฤษจากใจจริงด้วยกันทั้งนั้น ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ พวกเขาย่อมอยากพูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานมากที่สุดอยู่แล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจปฏิเสธมิตรภาพของพวกเขาได้ เธอจึงบอกสาขาและชั้นเรียนของตัวเองให้พวกเขาได้ทราบ หลายคนหยิบสมุดกับปากกาออกมาจด การพกปากกาหมึกซึมติดตัวนับว่าเป็นิสัยของผู้มีการศึกษาและนิสัยของนักศึกษาทุกคน
เซี่ยเสี่ยวหลานได้อาจารย์หลินกับศาสตราจารย์เฮ่อมาช่วยเหลือกว่าจะหลุดออกจากฝูงชนได้
เธอถูกคนเบียดจนถ้วยรางวัลและเกียรติบัตรเกือบหลุดจากมือ
“อาจารย์หลิน อาจารย์เฮ่อ ที่ฉันได้รางวัลในวันนี้ต้องขอบคุณคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งสองท่านจริงๆ ค่ะ!”
ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ทำให้ความตั้งใจของอาจารย์ทั้งสองสูญเปล่าแม้แต่น้อย ศาสตราจารย์เฮ่อเองก็รู้สึกแปลกใจมาก เด็กจากภาควิชาภาษาต่างประเทศสองคน รวมถึงจี้เจียงหยวนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาเป็สิบปีกลับไม่มีใครทำผลงานได้ดีกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเลยสักคน นับได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เ้าแห่งสนามสอบตัวจริงเสียจริง
“ขอบคุณอะไรกัน ก่อนหน้านี้พวกเราช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย รู้สึกเป็ห่วงเธอจะแย่”
สวีกั๋วจางไม่้าให้เื่ราวแพร่งพรายออกไป แม้อาจารย์หลินกับศาสตราจารย์เฮ่อจะรู้เื่ก่อนหน้าที่จี้เจียงหยวนจะมาบอกแล้ว แต่กลับไม่สามารถไปปลอบใจเซี่ยเสี่ยวหลานได้... พวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้บอกเซี่ยเสี่ยวหลานเื่การเปลี่ยนโจทย์อย่างกะทันหัน มิเช่นนั้นสวีกั๋วจางและคณะกรรมการคนอื่นคงไม่มีทางยอมรับผลการแข่งขันของเซี่ยเสี่ยวหลานแน่นอน
อาจารย์หลินพูดอย่างกลุ้มใจ “ที่บ้านเธอมีญาติผู้ใหญ่แบบไหนกัน นี่มันใช่การช่วยเหลือเสียที่ไหน มันคือการช่วยทำลายกันชัดๆ ความสามารถของเธอก็เห็นๆ กันอยู่ ยังต้องฝากฝังเป็พิเศษอีกหรือ”
ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป คนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์เซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไร?
ต่อให้คว้ารางวัลมาได้ก็ต้องมีคนสงสัยว่าอันดับของเธอได้มาเพราะเส้นสาย อาจารย์หลินไม่ได้ถกเถียงกับสวีกั๋วจางเื่สาเหตุของเื่ราว เพราะเธอไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับรองหัวหน้าหวังเป็ญาติกันจริงๆ หรือเปล่า
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กจากชนบทไม่ผิดแน่ ทว่าเธอมีแฟนหนุ่มอยู่คนหนึ่งใช่ไหม?
ครั้งก่อนหัวหน้าภาควิชาบอกว่า ครอบครัวคู่ครองเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ผู้เล่นงานตระกูลจี้ เช่นนั้นถ้าครอบครัวของคู่ครองเป็คนลงมือทำเื่นี้ อาจารย์หลินคงเอือมระอาแน่นอน
เวลานี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย แม้แต่จี้เจียงหยวนก็ไม่อยู่ ที่นี่มีเพียงอาจารย์หลิน ศาสตราจารย์เฮ่อ และเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะอ้อมค้อม และพูดตามตรงไปว่า “คนที่พวกศาสตราจารย์สวีบอกว่ามาขอร้องให้ ‘ดูแล’ ฉันเป็พิเศษก็คือรองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาใช่ไหมคะ”
หวังก่วงผิงไม่รู้นิสัยของศาสตราจารย์สวีดีพอ แม้ศาสตราจารย์สวีจะรังเกียจเื่ผิดกฎระเบียบ แต่เขาไม่ได้มีนิสัยวู่วาม... คนเราต่อให้สมัยหนุ่มสาวเคยบุ่มบ่ามมากแค่ไหน ทว่าพออายุ 70 ปีเมื่อไร ย่อมมีสติและใจเย็นลง
หากสวีกั๋วจางไม่สืบอย่างละเอียด หรือเซี่ยเสี่ยวหลานตอบคำถามได้แย่กว่านี้สักนิด ไม่แน่เื่การใช้เส้นสายนี้อาจจะกลายเป็เื่ใหญ่ก็เป็ได้
“เธอมั่นใจว่ารองหัวหน้าหวังไม่ใช่ญาติของเธอ และไม่มีใครขอให้เขาช่วยอย่างนั้นหรือ?”
อาจารย์หลินไม่เข้าใจสักนิด การที่รองหัวหน้าหวังคิดทำลายคนอื่นเช่นนี้ เขา้าอะไรกันแน่?
ศาสตราจารย์เฮ่อรับรู้ได้ถึงความน่าสงสัย
“เสี่ยวหลานอาจจะเจอเื่ไม่เป็เื่พอดีก็ได้ ตอนนี้ทายความคิดของรองหัวหน้าหวังไปก็เท่านั้น พวกเราไปจัดการเื่ที่เหลือกันก่อนดีกว่า ฉันจะให้พวกจงไฉ่กับจี้เจียงหยวนกลับมหาวิทยาลัยไปก่อน ส่วนพวกเราสองคนค่อยพาเสี่ยวหลานไปพบอาจารย์สวี”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจความหมายของศาสตราจารย์เฮ่อเป็อย่างดี
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการคาดเดา คนเราล้วนมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเดากันไปเดากันมาอาจจะทำให้เื่บานปลายขึ้นได้
แต่หากนำเื่คาใจมาเปิดเผยในที่แจ้ง แผนชั่วที่หลบอยู่ในมุมมืดก็จะไม่มีโอกาสเล่นงานใครได้
“อาจารย์เฮ่อคะ ฉันคิดว่าการไปคุยกับพวกศาสตราจารย์สวีสักหน่อยนั้นเป็เื่ที่สมควรแล้ว แต่พวกเราควรคุยกับผู้รับผิดชอบการจัดการแข่งขันด้วยไหมคะ”
อาจารย์หลินไม่ค่อยมีเซ้นท์ด้านการเมืองในที่ทำงานสักเท่าไร เธอคิดแค่ว่าพวกเขาเป็คนของฝ่ายอุดมศึกษาเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นหัวหน้าผู้รับผิดชอบการจัดการแข่งขันจะไม่เข้าข้างรองหัวหน้าหวังหรอกหรือ? ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็เพื่อนร่วมงานที่เจอหน้ากันทุกวันนี่นา
ต่างจากศาสตราจารย์เฮ่อที่เข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลาน้าสื่อได้เป็อย่างดี เขาจ้องหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานเล็กน้อย
“ทำตามที่เธอบอก”
เฮ้อ คนเราช่างแตกต่างกันจริงๆ
อาจารย์หลินเป็คนฉลาด แต่ความฉลาดเ่าั้ถูกใช้ไปกับการเรียนและการงานจนหมดสิ้น เื่ที่สลับซับซ้อนเช่นนี้ยังสู้นักศึกษาคนหนึ่งไม่ได้สักนิด โชคดียิ่งนักที่เด็กคนนี้เป็ลูกศิษย์ของเสี่ยวหลิน ต่อไปคงสามารถช่วยเหลือเสี่ยวหลินได้ หากเป็ศัตรูกันล่ะก็ ต่อให้เสี่ยวหลินถูกนำไปขายก็คงไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ!
ศาสตราจารย์เฮ่อคิดในใจ ก่อนจะพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเจอสวีกั๋วจางและหัวหน้าจากฝ่ายอุดมศึกษาที่เป็ผู้รับผิดชอบการจัดการแข่งขัน
ตอนทั้งสามคนมาหาสวีกั๋วจางก็พบว่าในห้องทำงานกำลังคึกคักกันมากทีเดียว
“น้ากวน ย่าโจว?”
ที่แท้เธอมองไม่ผิด กวนฮุ่ยเอ๋อมาที่การแข่งขันจริงๆ ทั้งยังพาคุณย่าของโจวเฉิงมาด้วยต่างหาก ทว่าทั้งคู่กลับไม่ได้เดินมาคุยกับเธออย่างเปิดเผย แต่มาหาคณะกรรมการโดยตรง?
เมื่อเห็นว่าจานอ้ายฉวินอยู่ด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คงมาคุยเื่ ‘โกงข้อสอบ’ สินะ!
รองหัวหน้าถังที่เพิ่งขึ้นไปมอบรางวัลให้เซี่ยเสี่ยวหลานบนเวทีเมื่อครู่ พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าห้องมาเขาก็ทำท่าเหมือนเห็นคนกำลังมาช่วยชีวิต
“เช่นนั้นเรามาฟังความเห็นจากเ้าของเื่ดีไหมครับ”
ย่าโจวขึ้นเสียงสูง “เธอเป็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง ขนาดถูกปรักปรำยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แล้วยังจะฟังความเห็นอะไรจากเธออีก? ฉันอยากถามจริงๆ เลยว่า คนแซ่หวังจากฝ่ายอุดมศึกษาเป็อะไรกับหลานสาวของฉันกันแน่ ขนาดพวกเรายังไม่เดือดร้อน แต่คนนอกอย่างเขากลับแส่ไม่เข้าเื่ ฝากฝังกับคณะกรรมการยังไม่พอ ยังฝากฝังกับคนของสถานีโทรทัศน์อีกว่าให้ช่วยดูแลหลานสาวของฉัน ทำไมรึ กลัวชีวิตของหลานสาวฉันราบรื่นเกินไปหรืออย่างไรกัน อยากให้คนอื่นลือกันว่าเสี่ยวหลานได้รางวัลเพราะใช้เส้นสายอย่างนั้นรึ?!”
ย่าโจวไม่ได้ด่าหยาบคายแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่เธอพูดล้วนสมเหตุสมผลเป็อย่างยิ่ง หญิงชราอายุมากแล้วแต่สมองยังไม่เสื่อมสภาพ สามารถจับประเด็นสำคัญของเื่นี้ได้อย่างรวดเร็ว
เื่นี้พูดกับคณะกรรมการไปก็ไร้ประโยชน์ ต้องคุยกับผู้รับผิดชอบจากฝ่ายอุดมศึกษาต่างหากถึงจะได้เื่
จานอ้ายฉวินไม่อาจขัดใจรองหัวหน้าถังได้ เธอทำได้แค่บอกสถานะของย่าโจวให้เขารู้ ย่าโจวเป็นักปฏิวัติเก่า รู้จักกับผู้เฒ่าโจวตอนทำงานด้านการปฏิวัติด้วยกัน ตอนนี้แม้เธอจะเกษียณแล้วแต่ก็ยังเป็สหายาุโที่น่าเคารพนับถืออยู่ดี... รองหัวหน้าถังจะทำอย่างไรได้ นอกจากน้อมรับคำสั่งสอนจากสหายาุโผู้นี้!
ถ้าเขา้าคุยด้วยเหตุผลกับย่าโจว แต่หากเขาเถียงกลับสักหนึ่งประโยค ย่าโจวคงมีเหตุผลอีกเป็ร้อยอย่างรอเขาอยู่ โดยเริ่มั้แ่สมัยเริ่มการปฏิวัติยันการปกปักษ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่ได้มาจากชัยชนะของการปฏิวัติ เล่าั้แ่ตอนริเริ่มความคิดยันร่วมมือกันทำงานเป็กลุ่มคน อย่าดูถูกว่าย่าโจวรู้หนังสือไม่มาก หญิงชราอายุมากแล้วก็จริงทว่าเธอไม่มีแนวโน้มจะป่วยเป็โรคอัลไซเมอร์สักนิด เธอสามารถท่องกฎระเบียบของพรรคคอมมิวนิสต์ และคำสอนของวีรบุรุษทั้งหลายได้คล่องยิ่งกว่ารองหัวหน้าถังเสียอีก
พอรองหัวหน้าถังเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงคิดว่าเธอคงสามารถช่วยเขาได้!
ย่าโจวเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานว่า ‘หลานสาวของฉัน’ ทุกคำ ใครไม่รู้คงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นแซ่โจว! เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร หากวันหนึ่งเธอกับโจวเฉิงไปกันไม่รอด ญาติผู้ใหญ่อย่างย่าโจว เธอคงทำเหมือนเป็คนแปลกหน้าไม่ได้อย่างแน่นอน
ย่าโจวพูดรัวยาวถึงสิบกว่านาที เธอพูดจนรองหัวหน้าถังได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวจะได้ผลตรงกันข้ามจึงรีบส่งถ้วยชาไปให้ย่าโจว
“คุณย่าคะ พักก่อนเถิดค่ะ เื่นี้ขอฉันพูดสักหน่อยนะคะ”