คุณชายรองจางิหวังถูกทัณฑ์สายฟ้าจากบทเวทย์ยันต์เขตแดนระดับเทวะเข้าโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเป็เวลาเกือบหนึ่งเค่อ จนทำให้ตัวของจางิหวังถึงกับล้มลงไปกับพื้นหมดสติไปด้วยความเ็ป ทั่วทั้งร่างกายปรากฏเป็าแทั้งจากการใช้การต่อสู้กับลู่ซีในการใช้อาวุธและวรยุทธต่าง ๆ รวมไปถึงการโจมตีของบทเวทย์เขตแดนระดับเทวะเมื่อสักครู่ทำให้มีเืไหลซึมออกมาทั่วทั้งร่างกายมีรอยไหม้อยู่หลายจุดเลยเช่นกัน
"ถือว่าเอาคืนที่เ้าเคยสั่งให้บ่าวรับใช้ในจวนทำร้ายหนิงอ้ายจนสลบไปในครั้งนั้นเสียเเล้วกันนะจางิหวัง..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับอีกฝ่ายที่ในตอนนี้หมดสติลงไปที่พื้นฝั่งตรงข้าม
ใบหน้าของลู่ซีซีดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการที่ตัวเขาฝืนใช้บทเวทย์เขตแดนระดับเทวะจึงทำให้สูญเสียพลังเวทย์ไปไม่น้อยเนื่องจากว่าตัวของลู่ซีได้ฝืนใช้งานบทเวทย์ระดับสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเเลกเปลี่ยนนั่นคือพลังลมปราณจะลดลงเป็อย่างมาก ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูไม่น้อยรวมไปถึงต้องใช้โอสถฟื้นฟูขั้นสูงในการเพิ่มพลังลมปราณให้กลับมาดังเดิมได้อีกครั้ง
"คุณชายลู่ซีเป็ผู้ชนะ!!!!!" สิ้นเสียงของผู้าุโคนเดิมที่ทำหน้าที่เป็ผู้ดำเนินการประลองได้ประกาศออกมาเสียงดังให้ได้ยิน
เฮ!!!!!
ผู้คนที่ได้รับชมอยู่โดยรอบสนามประลองต่างพากันส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องกังวานไปทั่วทั้งบริเวณ โดยเฉพาะผู้คนที่เดิมพันทางฝั่งของคุณชายลู่ซีต่างพากันโห่ร้องยินดีเป็อย่างมากเมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่พวกตนนั้นจะได้จากการลงพนันในรอบนี้
นอกจากเสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งบริเวณของสนามประลองเเห่งนี้แล้ว ยังมีเสียงะโเรียกชื่อของคุณชายจางิหวังและคุณชายลู่ซีดังขึ้นสลับไปมา ด้วยเพราะว่าการประลองต่อสู้เมื่อครู่นี้ที่พึ่งจบในสนามประลองเวทย์นับได้ว่าสมศักดิ์ศรีเป็อย่างมาก ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีการออมฝีมือและใช้ทักษะความสามารถที่มีออกมาทั้งหมดถือเป็การให้เกียรติของคู่ประลอง
สิ่งนี้ได้เรียกเสียงชื่นชมจากผู้คนได้อย่างง่ายดาย ทว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้นั้นกลับสร้างความคับแค้นใจแก่ทางฝั่งตระกูลจางไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับฮูหยินรองหวงลู่เอินและตัวของคุณชายใหญ่จางเหยากวงที่ได้เห็นว่าบุตรหรือน้องชายของตนที่ได้พ่ายแพ้ให้กับลู่ซีที่ซึ่งเป็เพียงบ่าวรับใช้ของหนิงอ้ายสวะของตระกูลจางผู้นั้น
ตระกูลหวัง
ทางด้านฝั่งของตระกูลหวังบรรยากาศกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเป็อย่างมาก ผู้คนที่นั่งอยู่ในบริเวณดังกล่าวที่ถูกจัดสรรให้เป็ที่นั่งขององศ์ฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์เเห่งแคว้นเต่าดำบรรดาเหล่าสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นรวมไปถึงสำนักน้อยใหญ่ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งชาวยุทธภพหรือชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าสู่วิถีของผู้ฝึกตนของแคว้นเต่าดำทุกคน ต่างสามารถััได้ถึงบรรยากาศความพึงพอใจความภาคภูมิใจจากทางตระกูลหวังที่มีต่อผู้เข้าเเข่งขันการประลองซึ่งก็คือคุณชายลู่ซี
โดยเฉพาะกับท่านประมุขตระกูลหวังถึงกับลงพนันเดิมพันฝั่งคุณชายลู่ซีด้วยอัตราที่สูงกว่าครั้งใดในก่อนหน้า แม้ว่าจะสงสัยว่าทั้งสองคนนั้นมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ด้วยเพราะว่าพวกเขานั้นต่างหาจุดเชื่อมโยงของทั้งสองคนระหว่างหวังจิ่งหลงและลู่ซีไม่ได้เลยนั่นเอง
ขณะที่มีสายตามากมายที่มองมาอย่างสงสัยไปทางที่นั่งของทางฝั่งตระกูลหวังสายหลัก เเต่ถึงเช่นนั้นตัวของหวังจิ่งหลงกับเลือกที่จะไม่สนใจสายตาที่สอดรู้ และหันไปคุยกับเหมยฮวาภรรยาของตนว่าลู่ซีนั้นมากไปด้วยฝีมือมีความเก่งกาจ มีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่ต่างกับสมัยที่ตนยังเป็หนุ่มที่ได้ตัดสินใจร่วมงานประลองของแคว้นในครั้งนั้นจนทำให้ได้รู้จักเหมยฮวาภรรยาของตน
การที่ลู่ซีสามารถเข้าสู่รอบห้าคนสุดท้ายของการประลองในรอบเเรกครั้งนี้ได้ สิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้ถ่ายทอดไปเพียงไม่กี่วันเเต่ตัวคนนั้นกลับนำมาใช้ได้อย่างชาญฉลาด แววตาของหวังจิ่งหลงผู้นำตระกูลหวังสายหลักนั้นเต็มไปด้วยความพอใจในหลานชายบุญธรรมของตนคนนี้ยิ่งนัก
สำหรับเยว่ซินนางนั้นก็ภูมิใจในตัวของลู่ซีเป็อย่างมากด้วยเพราะตัวของนางนั้นยังจำได้ถึงสภาพของเด็กหนุ่มที่ได้พบกันในครั้งเเรกตรงใจกลางตลาดของแคว้นหงส์เเดง
ลู่ซีในตอนนั้นมีร่างกายที่ผอมบางและตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันเสียด้วยซ้ำ เมื่อนางเห็นลู่ซีในสภาพเช่นนั้นที่อยู่ข้างถนนของตลาดทำเอานางอดที่จะสงสารไม่ได้ด้วยเพราะมีวัยใกล้เคียงกับบุตรชายของตน ยิ่งเมื่อได้พูดคุยสอบถามพอได้รับรู้ถึงนิสัยใจคอเเล้วก็ยิ่งประทับใจในตัวของเด็กหนุ่มมากขึ้นไปอีก
นางจึงเอ่ยชวนให้เด็กหนุ่มไปอยู่ที่เรือนกับตน พร้อมกับตั้งชื่อเรียกว่าลู่ซี แน่นอนว่าเยว่ซิน้าให้เด็กน้อยเป็เพื่อนเล่นกับหนิงอ้ายด้วยเพราะนางคิดว่าอยากให้หนิงอ้ายนั้นมีเพื่อนในวัยใกล้เคียงกันบ้าง เเต่ลู่ซีในวัยเด็กกลับรู้ความเป็อย่างมาก ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเยว่ซินที่ตนนับถือว่าเป็ผู้มีพระคุณนั้นเป็ถึงฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลจางที่เป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นหงส์เเดง อีกทั้งหนิงอ้ายบุตรของเยว่ซินนั้นมีศักดิ์เป็คุณชายใหญ่ของตระกูล
ดังนั้นตัวลู่ซีเองจึงเอ่ยกับนางว่าตนนั้นจะขอเป็เพียงบ่าวรับใช้ของหนิงอ้ายเท่านั้นและไม่บังอาจตีตนเองเสมอเทียบเคียงเป็สหายได้
หลายครั้งที่ทั้งลู่ซีและหนิงอ้ายนั้นหลังจากออกไปเที่ยวเล่นบริเวณอื่นในจวนตระกูลจาง ทั้งสองกลับมาพร้อมกับรอยแผลฟกช้ำตามลำตัวใบหน้า ที่ถึงแม้ว่าทางฝั่งของลู่ซีจะมีร่องรอยพวกนั้นเยอะมากกว่า เเต่ตัวของเยว่ซินไม่เคยเอ่ยถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เพราะ้าให้ทั้งสองคนเล่าทุกสิ่งอย่างให้นางรับรู้เองโดยที่ไม่ต้องคาดคั้น นางจึงได้เเต่คอยดูเเลอยู่ห่าง ๆ
จนเมื่อถึงเหตุการณ์ก่อนที่หนิงอ้ายจะอายุครบสิบห้าปีในอีกไม่กี่เดือนได้ถูกผลักตกสระน้ำกลางจวน อาการในตอนนั้นเเทบจะกล่าวได้ว่าเป็ตายเท่ากัน ตัวของลู่ซีเอาเเต่โทษตัวเองที่ฟังคำร้องขอของหนิงอ้ายที่เอ่ยกับตนว่า้าขนมและชาจิบในยามบ่าย
แม้ในใจจะเป็ห่วงด้วยเพราะไม่อยากทิ้งให้อยู่คนเดียว เเต่ตัวหนิงอ้ายนั้นยืนยันว่าตนสามารถอยู่ได้อีกทั้งโรงครัวนั้นอยู่ห่างไปไม่เท่าใดนัก ดังนั้นลู่ซีจึงเอ่ยกำชับให้หนิงอ้ายนั้นรอตนอยู่ในศาลากลางสระบัวของจวนสักครู่ ตนจะรีบไปเตรียมขนมและน้ำชามาให้
เเต่ใครจะไปคาดคิดว่าเพียงเเค่เวลาชั่วก้านธูปที่ลู่ซีมุ่งไปยังโรงครัวกลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หนิงอ้ายตกน้ำ แม้ว่าจะมีบ่าวชายคนอื่นช่วยเหลือได้ทัน เเต่หนิงอ้ายได้หยุดหายใจไปแล้วเเต่เคราะห์ดีที่กลับมาหายใจปกติอีกครั้งเเต่ก็แลกกับการนอนหลับไม่รู้สึกตัวเป็เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว
เมื่อนึกย้อนกลับไปเเล้วเยว่ซินยิ่งคิดว่าหากในตอนนั้นนางมีความกล้ามากกว่านี้ที่จะบอกกับบิดามารดาของตนนั้นให้รับรู้เื่ราวที่เกิดทั้งหนิงอ้ายบุตรของตนและลู่ซีคงจะมีความสุขเช่นเดียวกับทุกวันนี้ไปนานแล้วเช่นกัน...
''ยินดีด้วยขอรับลู่เกอที่สามารถผ่านเข้ารอบได้...ลู่เกอไหวหรือไม่ขอรับ??" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปประชิดตัวของลู่ซีในทันที เมื่อเห็นว่าตัวคนนั้นออกจากสนามประลองและปฏิเสธการรักษาจากหมอที่อยู่ข้างสนามประลอง แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นจะซีดลงจนน่าหวั่นใจก็ตาม
"ขอบใจเ้า เกอไม่เป็อะไรมากเพียงเเค่นั่งพักเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว..." ลู่ซีเอ่ยตอบกลับหนิงอ้ายไปเมื่อเห็นว่าคนน้องนั้นเป็กังวลในอาการของตน
"ท่านไม่เห็นจำเป็ต้องทำถึงเพียงนี้เลยนะขอรับ...ข้าเชื่อว่าต่อให้ท่านไม่ใช้บทเวทย์เขตแดนนี้ท่านก็สามารถเอาชนะจางิหวังได้อย่างแน่นอน..."
"อีกทั้งบทเวทย์ที่ข้าทำการยกระดับให้เป็ระดับเทวะนั้น หากยังมีพลังิญญาอยู่ในระดับขุนนางิญญาต่อให้จะเป็ขั้นสูงเเต่ก็สามารถเกิดความผิดพลาดได้นะขอรับ..." หนิงอ้ายอดที่จะบ่นลู่ซีออกมาไม่ได้
ตัวเขาเองเห็นว่าปกติลู่ซีค่อนข้างเป็คนที่ใจเย็นและคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะคิดทำอะไร เเต่เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมในขณะที่ลู่ซีได้ประลองกับคุณชายรองตระกูลจางจางิหวัง ตัวของลู่ซีค่อนข้างที่ใจร้อนอีกทั้งยังฝืนใช้บทเวทย์ระดับเทวะในการประลอง เพราะโดยปกติแล้วการใช้บทเวทย์ระดับเทวะจำเป็จะต้องมีระดับพลังที่อยู่ในระดับจักรพรรดิิญญาเป็ต้นไปจึงจะสามารถเเสดงผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่และไม่เป็อันตรายกับผู้ใช้บทเวทย์นั่นเอง
"เกออยากจบการประลองโดยเร็วเพื่อที่จะได้มานั่งเป็เพื่อนให้เ้าไม่เหงาอย่างไรเล่า...." ลู่ซีให้เหตุผลกับหนิงอ้าย
"ท่านนี่นะ..."หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
"กินโอสถฟื้นฟูเม็ดนี้เข้าไปแล้วทำการเดินพลังลมปราณไปตามร่างกายนะขอรับ..." หนิงอ้ายส่งโอสถฟื้นฟูให้กับลูซี่ในทันทีเนื่องจากว่าตัวของลู่ซีได้ใช้พลังลมปราณไปจนเกือบหมดในขณะที่ทำการใช้บทเวทย์เขตแดนระดับเทวะ ดังนั้นจึงจำเป็ที่จะต้องกินโอสถฟื้นฟูเข้าไป แต่ถ้าหากว่าสามารถเลื่อนระดับพลังขึ้นเป็ระดับจักรพรรดิเเล้วสำหรับการใช้บทเวทย์ระดับเทวะก็จะไม่มีผลกระทบมากเท่ากับในครั้งนี้
"ขอบใจเ้ามากนะหนิงอ้าย เกอสัญญาว่าจะไม่ฝืนร่างกายเช่นนี้อีก..." ลู่ซีเอ่ยสัญญาให้กับหนิงอ้ายด้วยรู้ว่าน้องของตนนั้นเป็ห่วงมากเพียงใด
"แต่อย่างน้อยข้าคิดว่าการที่เกอใช้บทเวทย์ระดับเทวะเมื่อครู่นั้นก็เป็สิ่งที่ดีเช่นกัน เพราะว่าตัวของเกอจะได้เรียนรู้ในการควบคุมการใช้พลังเวทย์ และต่อไปนี้จะได้สามารถประเมินขีดจำกัดของร่างกายในการใช้พลังเวทย์ได้..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อความมั่นใจ
ตระกูลจาง
"ท่านพี่ข้าไม่ยอมนะเ้าคะ!! ท่านต้องจัดการไอ้บ่าวรับใช้ลู่ซีที่มันบังอาจทำร้ายบุตรของเราจนหมดสติไปเช่นนั้น..." หวงลู่เอินเอ่ยขึ้นกับสามีของตนในทันที พร้อมกับเเสดงความไม่พอใจเป็อย่างมากที่เห็นว่าบุตรชายคนรองไม่สามารถเป็ตัวเเทนในการประลองรอบเเรกเพื่อเข้าสู่ในการประลองรอบถัดไปได้ อีกทั้งยังถูกลู่ซีที่เป็เพียงบ่าวรับใช้ของหนิงอ้ายนั้นทำร้ายจนบุตรชายของนางหมดสติไปนั่นเอง
"ฮูหยินรอง...นี่คือการประลองของแคว้นที่เป็การใช้ฝีมือ ไม่มีอำนาจของตระกูลหรือของแคว้นเข้ามายุ่งเกี่ยวสำหรับผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ต้องพ่ายแพ้ไปเป็เื่ปกติ..." จางเลี่ยงหวงเอ่ยออกมาเสียงเรียบไม่สามารถคาดเดาอารมณ์หรือความนึกคิดได้
"บ่าวนั่นมันลงมือหนักเกินไปลูกของเราาเ็จนหมดสติ อีกทั้งยังไม่สามารถเป็ตัวเเทนของผู้ชนะในรอบเเรกห้าคนเเรกที่จะได้ประลองในรอบถัดไปนะเ้าคะท่านพี่..." หวงลู่เอินเอ่ยตอบกลับสามีของตนและกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
"ข้าบอกเ้าเเล้วไม่ใช่รึ?? นี่คือการประลองประชันฝีมือ ข้าคิดว่าลู่ซีทำถูกต้องเเล้วที่ประลองอย่างสุดกำลัง อีกทั้งยังสามารถควบคุมสติของตนให้มั่นคงอีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในบทเวทย์และการใช้วรยุทธต่าง ๆ เป็ที่ตัวของจางิหวังเองที่ไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้ดีพอจนเผยช่องว่างให้คู่ประลองของตนนั้นสามารถ่ชิงความได้เปรียบมาได้..."
"เ้าก็คงเห็นถึงแม้จางิหวังจะไม่สามารถผ่านรอบสิบคนสุดท้ายเพื่อไปเป็ตัวเเทนห้าคนของรอบเเรกได้เเต่เพียงเท่านี้ก็สามารถเพิ่มชื่อเสียงของตนและตระกูลจางของเราได้มากแล้ว..." จางเลี่ยงหวงเอ่ยออกมาด้วยความเป็กลางตามที่ตนคิดอีกทั้งยังชื่นชมในฝีมือของลู่ซีบ่าวรับใช้ของบุตรชายของตนยิ่งนัก เพราะการประลองที่พึ่งจบไปที่ลู่ซีนั้นได้ลงมืออย่างเต็มที่นั่นก็เเสดงให้เห็นถึงความให้เกียรติต่อคู่ประลองของตนนั่นเอง…
ลู่ซีรวมไปถึงผู้ชนะในแต่ละรอบประลองต่างเป็ที่จับจ้องสนใจแก่ผู้ที่รับชมโดยรอบสนามประลองแห่งนี้ เพราะถือว่าเด็กหนุ่ม ชายหนุ่มเหล่านี้ต่างเป็สุดยอดรุ่นเยาว์ที่มีฝีมือมากไปด้วยพร์ที่ควรแก่การพูดถึงและยกย่อง
"ในตอนนี้มีผู้ผ่านเข้ารอบเป็ตัวเเทนของการประลองในรอบเเรกเเล้วสี่คนได้แก่
คุณชายลู่ซีจากแคว้นเต่าดำ
คนที่สองคุณหนูไป๋หนิงจากตระกูลไป๋เเห่งแคว้นัเขียว
คนที่สามคุณชายอู๋ไห่จากตระกูลอู๋เเห่งแคว้นเสือขาว
และคนที่สี่คุณชายจิ่งหรวนจากตระกูลจิ่งเเห่งแคว้นหงส์แดง"
เสียงของผู้าุโคนเดิมผู้ดำเนินการประลองได้เอ่ยขึ้นประกาศออกมาเสียงดัง เมื่อสิ้นเสียงนั้นผู้คนรอบ ๆ สนามประลองเวทย์ต่างพากันส่งเสียงเชียร์โห่ร้องดังไปทั่วทั้งสนามเพราะตอนนี้นั้นเหลือเพียงการประลองของคู่สุดท้ายในรอบเเรกเเล้ว
"คู่สุดท้ายของการประลองในรอบเเรกนั่นก็คือคุณชายหานตงจากตระกูลหานเเห่งแคว้นหงส์เเดง และคุณชายซ่างเซินจากตระกูลซ่างเเห่งแคว้นเต่าดำ!!" เนื่องจากเป็สองคนสุดท้ายที่ไม่มีการถูกสุ่มเรียกชื่อในการประลองที่ผ่านมาจึงทำให้ทั้งสองนั้นกลายมาเป็คู่ประลองกัน เสียงการประกาศรายชื่อผู้ลงประลองคู่สุดท้ายในรอบเเรกนี้ผู้คนมากมายต่างพากันพุ่งตรงไปยังโตะรับการพนันในทันที....
'ข้ามิคิดเลยว่าการประลองของแคว้นครั้งนี้จะซุกซ่อนผู้ฝึกตนวัยเยาว์ที่มากไปด้วยฝีมือมากมายเช่นนี้...'
'หากตัดในเื่ของชาติกำเนิดและตระกูลที่หนุนหลังเเล้วนั้นทุกคนต่างต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด'
'หนักใจเสียจริง ไม่รู้ว่าครั้งนี้ที่ลงพนันไปข้าจะได้หรือเสียกันวันนี้ข้าเสียไปเยอะเเล้วยังไม่ได้คืนเลยแม้เเต่น้อย'
'ข้าอยากจะเห็นการประลองของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาเสียจริงว่าจะทำให้ข้าตื่นเต้นมากกว่านี้หรือไม่.... '
เสียงพูดคุยของผู้คนที่อยู่ในสนามดังขึ้นให้ได้ยินเป็ระยะ ๆ การประลองคู่สุดท้ายระหว่างคุณชายตระกูลหานและคุณชายตระกูลซ่างได้เริ่มขึ้น หนิงอ้ายเฝ้าดูการประลองของทั้งคู่ ขณะที่ลู่ซีพึ่งกินโอสถฟื้นฟูไปตอนนี้กำลังปรับสมดุลในร่างกายให้พลังลมปราณให้กลับมาเป็ปกติ
สำหรับคู่ประลองทั้งสองคนต่างมีความโดดเด่นอย่างมาก ทั้งการใช้วรยุทธรวมไปถึงการใช้บทเวทย์ หนิงอ้ายได้ยินจากกลุ่มคนที่นั่งข้าง ๆ ว่าคุณชายทั้งสองนั้นเมื่องานประลองของแคว้นครั้งก่อน ทั้งคู่ก็สามารถเข้าสู่ในรอบลึก ๆ และได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ตระกูลเป็อย่างมาก
การประลองเวทย์ของคุณชายหานตงและคุณชายซ่างเซินมีความรุนเเรงเป็อย่างมาก ด้วยความที่ทั้งสองมีปราณธาตุหลักเป็ปราณธาตุเดียวกันซึ่งคือปราณธาตุลม ดังนั้นการร่ายบทเวทย์ต่อสู้โจมตีจึงหักล้างกันไป เมื่อมีการเรียกอสูรรับใช้ในพันธะของตนออกมาต่อสู้ภายหลัง แม้จะไม่ใช่สัตว์อสูรมายาเเต่ก็เป็สัตว์อสูรที่มากไปด้วยความโดดเด่นเช่นกัน เสียงของผู้คนต่างะโโห่ร้องกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองอย่างคึกคัก การประลองผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ได้ผลผู้แพ้ชนะ สภาพของคุณชายทั้งสองต่างาเ็สาหัสกันทั้งสองคน
"ผู้ที่ชนะได้แก่คุณชายหานตงจากตระกูลหานเเห่งแคว้นหงส์เเดง!!!!" ผู้าุโคนเดิมที่ทำหน้าที่เป็ผู้ดำเนินการประลองได้ประกาศออกมาเสียงดัง ผู้คนที่อยู่โดยรอบสนามประลองเวทย์ต่างพากันส่งเสียงดังกระหึ่ม บ้างก็ผิดหวัง บ้างก็ดีใจ เสียงของผู้คนมากมายต่างพากันพูดคุยถึงคู่ประลองที่พึ่งจบไปเมื่อครู่นี้และคาดหวังว่าพวกเขานั้นจะได้รับชมความสนุกตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ในการประลองแคว้นในรอบถัดไปของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยนั่นเอง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้