“อ๋อค่ะ… พี่โคบี้เมก็นึกว่าเบอร์ใคร”
กึก! เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่กำลังเดินไปที่รถของตัวเองหยุดชะงักลงก่อนจะหันกลับมามองร่างบางที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่
(เลิกงานแล้วหรอ) เสียงทุ้มปนขี้เล่นถามขึ้น
“ใช่ค่ะ เมเพิ่งเลิกงาน”
(แล้วตอนนี้เมอยู่ไหน)
“เมอยู่ที่ลานจอดรถค่ะ” เมจิตอบคนปลายสายก่อนจะหันมองพี่วินที่ตอนนี้กำลังยืนมองเธออยู่
(รอแปปนึงพี่กำลังไป ติ๊ด!)
ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ตอบอะไรปลายสายก็ถูกตัดไปก่อน…
“พอดีคุณโคบี้โทรมาคงจะคุยเื่งาน พี่รอเมแปปนึงนะ” เมจิเอ่ยบอกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอมากนัก
ตึก ตึก ตึก! เสียงเท้าหนักของผู้ชายดังขึ้นด้านหลังเมจิ พร้อมกับั์ตาคมที่มองลอดผ่านแว่นเลยคนตัวเล็กไปยังด้านหลังของเธอ
“เมจิ” เสียงทุ้มของโคบี้ดังขึ้นทำให้ร่างบางหันกลับไปตามเสียงเรียก
“นี่ถ้าพี่มาช้าอีกนิดเราต้องออกไปจากบริษัทแล้วแน่ๆ เลย” ตาคมสีน้ำตาลเข้มของโคบี้ละออกจากร่างแกร่งด้านหลังแล้วพูดกับเธอ
“พี่จะคุยกับเมเื่งานหรอคะ”
“อืมใช่ พี่เห็นผังที่เราส่งมาแล้วอยากคุยรายละเอียดด้วยหน่อย”
“เอ่อ…หมายถึงตอนนี้ใช่ไหมคะ?”
“ก็ถ้าเป็ไปได้…เพราะพรุ่งนี้พี่ต้องเอาเข้าที่ประชุม่เช้า” คนตัวสูงที่ยังคงอยู่ในชุดสูทสีเทาพูดพร้อมกับสอดมือหนาเข้ากระเป๋ากางเกงสแล็กส์ของตนเอง
“สะดวกไหมครับ นี่ก็เย็นพอดีกินข้าวไปคุยไปทีเดียวเลยก็ได้”
“…”
“หรือติดธุระกับใครหรือเปล่า…นั่นแฟนเราหรอ?”
โคบี้ที่เห็นเมจิยังคงยืนนิ่งเลยถามย้ำอีกครั้งอย่างคน้าคำตอบก่อนจะเอนหัวเล็กน้อยเพื่อมองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ…คือ” คนตัวเล็กอ้ำอึ้งก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพี่วินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
“…ไม่ใช่แฟน” เสียงทุ้มเข้มของวินพูดออกมาหลังจากยืนเงียบอยู่นาน
“ค่ะ…เป็พี่ที่รู้จัก” เมจิรีบพูดตามน้ำ…แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกหวั่นเล็กน้อยกับคำตอบของเขา นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่…
“อืม งั้นก็ไม่น่าติดปัญหาอะไรเราไปกันเลยไหม” โคบี้พูดชวนพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทางเข้าของคอมมูนิตี้
“ค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าก่อนจะสาวเท้าเดินตามร่างสูงไปโดยไม่ได้หันกลับมามองชายหนุ่มอีกคน
ติ๊ง! ประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนออกจากกันก่อนที่โคบี้และเมจิจะเดินเข้าไป นิ้วแกร่งกดปุ่มขึ้นไปยังชั้นที่เป็โซนอาหารของออลเดย์คอมมูนิตี้มอลล์
บรื๊นนน!! ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิทก็มีเสียงเร่งความเร็วรถอย่างแรงขับออกจากตัวบริษัทไป…ดังแทรกเข้ามา
“หึ” มือหนายกขึ้นลูบคางตัวเองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก
ร้านอาหาร
“ผังที่เมส่งไปให้ข้อมูลครบไหมคะ”
เสียงหวานเอ่ยถามคนฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้กำลังนั่งกินอาหารไปด้วยและเปิดไฟล์งานผ่านมือถือของตนเองดูไปด้วย
“ครบแล้วนะ ดีเลยมีบอกขนาดพื้นที่ด้วย” เสียงทุ้มตอบแต่ตาก็ยังไม่ละออกจากหน้าจอ
“พี่สนใจล็อกตรงไหนหรอ”
“ใจจริงอยากได้ล็อกตรงทางขึ้นจากบันไดเลื่อนมาเพราะคนจะเห็นก่อนเลยแต่พื้นที่มันไม่พอ”
เมจิพยักหน้ารับรู้อย่างคนเข้าใจเพราะโปรเจกต์ของพี่โคบี้คืออยากทำเป็เหมือนตู้คีบตุ๊กตาขนาดใหญ่พิเศษที่ติดตั้งแขนจับไฮดรอลิคด้านในแล้วคลุมด้วยตู้กระจก เครื่องจักรและหุ่นต่างๆ ที่เธอพอทราบรายละเอียดคร่าวๆ จากการนั่งคุยกันจะเป็การนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมดซึ่งด้วยความที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติทำให้ต้องใช้พื้นที่เยอะตามไปด้วย
“อืม…ยังไงคงต้องรอเอาเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” โคบี้พูดออกมาเสียงเนือยๆ ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้ากลับขึ้นมามองเมจิ
“ค่ะ ถ้า้าข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือมีอะไรที่เมช่วยได้บอกได้เลยนะคะ…แต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยเมยังใหม่กับงานนี้มากๆ” เธอพูดบอกเขาไปตามตรง
“เข้าใจครับ เมทำได้ดีแล้วไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณค่ะ”
เป็คนรวยคงไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆ คิดกันหรอกเพราะตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอทั้งสีหน้าน้ำเสียงและแววตาดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด เขาคงจะหัวหมุนวุ่นอยู่กับงานทั้งวันเลยสินะ
“เรากลับกันดีกว่าพี่รบกวนเวลาเมมาพอสมควรแล้ว”
สองทุ่มครึ่งแล้วหรอเนี่ย…
“ไม่เป็ไรเลยค่ะเมยินดีช่วยเต็มที่” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
“ขอบคุณที่มากินข้าวเป็เพื่อนพี่ด้วย ถ้าไม่มีเมจิกินเป็เพื่อนพี่ต้องเหงาแน่เลย” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
“พี่ก็พูดเกินไปๆ” เมจิส่ายหัวไปมากับคำพูดของโคบี้ที่ดูจะเกินจริง
“55555 ไม่เชื่อพี่หรอ” เธอมองผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้แววตาของเขากลับมาฉายความขี้เล่นอีกครั้ง
21:10 น. คอนโดหรูใจกลางเมือง
ประตูรถคันสีขาวเปิดออกหลังจากที่เพิ่งจอดสนิทได้ไม่นานตามมาด้วยร่างบางของเมจิที่ก้าวลงจากรถมุ่งตรงไปยังลิฟต์ของคอนโด เธอแยกกับโคบี้ที่ร้านอาหารก่อนจะรีบตรงดิ่งกลับมาที่คอนโดในทันที ขนาดเริ่มค่ำแล้วยังใช้เวลาตั้งเกือบสี่สิบนาทีทั้งๆ ที่ระยะทางจากบริษัทกับห้องพักของเธอไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่นัก
นิ้วเรียวกดลิฟต์ที่ใกล้จะปิดสนิททำให้ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งดวงตาเรียวสวยปะทะเข้ากับร่างแกร่งของวินที่ยืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ด้านใน
“พี่เพิ่งกลับมาหรอ” เป็คนตัวเล็กที่เอ่ยทักเขาออกไป
“อืม”
“พี่กินอะไรหรือยัง ไปไหนมาหรอ”
“กินแล้ว ไปตีกอล์ฟมา” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยตอบด้วยความเรียบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เป็อะไรของเขานะหรือว่าเหนื่อยหรอ…เมจิที่ััได้ถึงความไม่ปกติของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรออกไป
“เป็ไงบ้างกินข้าวกับทายาทเคซีกรุ๊ป” วินถามขึ้นก่อนจะหันมามองเธอด้วยสายตาไร้ความหมาย
“ก็ไม่มีอะไรนะคุยแต่เื่โปรเจกต์ที่จะทำ”
“อืม” ร่างสูงตอบแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเอง
“พี่อยู่ชั้นไหน?” เสียงหวานถามคนข้างตัวเพราะเธอไม่เห็นชั้นอื่นมีแต่ชั้นบนสุดที่ถูกกดค้างไว้
“ไม่เป็ไรเดี๋ยวไปส่งที่ห้อง”
“แค่นี้เองเมไปเองได้”
เธอตอบเขาแต่ไม่ได้รับสัญญาณอะไรตอบกลับจากคนตัวสูงจนลิฟต์ทะยานขึ้นสู่ชั้นที่ 24
หมับ! แขนเรียวถูกคว้าไว้ด้วยข้อมือหนาในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกจากลิฟต์
“ก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่ง”
น้ำเสียงเย็นพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาเรียวสวยที่ก้มมองมือหนาที่กำลังกำข้อมือของเธอเอาไว้ เมจิเลือกที่จะไม่ปฏิเสธและปล่อยให้กายแกร่งเดินไปส่งเธอจนถึงที่หน้าห้อง
“ถึงแล้ว พี่ปล่อยสิ” เธอก้มลงมองข้อมือของตนเองที่ยังถูกเขาจับเอาไว้อยู่
“ทำไม พี่โดนตัวเราไม่ได้หรอหรือรวยไม่พอ” ั์ตาคมจ้องหญิงสาวตรงหน้านิ่ง
“ถ้ารวยเท่าโคบี้จะให้จับไหม…”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันหลังจากที่คนตัวสูงพูดขึ้นมาอีก…นี่เขากำลังหาเื่กันหรือไง!?
“พี่พูดอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน”
“หื้ม…กินข้าวกับมันอร่อยกว่ากินกับพนักงานแบบพี่ไหม”
“…” เมจิเลือกที่จะเงียบ
“หึ ยังไงผู้หญิงก็ต้องชอบคนรวยสินะ”
“เฮ้ออออ! พี่หยุดพูดไร้สาระได้ไหม เมไปทำงานไม่ได้มีอะไรสักหน่อยอีกอย่างใครก็ไม่มีสิทธิโดนตัวเมทั้งนั้นแหละ” ร่างบางร่ายยาวอย่างคนเริ่มหมดความอดทน
“ถึงต่อให้รวยงั้นหรอ” กายแกร่งขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้คนตัวเล็กกว่าได้กลิ่นเหล้าที่คลุ้งออกมาจากตัวชายหนุ่ม
“นี่พี่กินเหล้าแล้วขับรถกลับมาหรอ?”
“ตอบพี่” เมาสินะ…
“เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ…ตอนนี้ไม่น่าจะรู้เื่” เมจิเอ่ยตัดบทก่อนจะบิดข้อมือออกจากมือหนาแล้วเปิดประตูเข้าห้อง
กึก! ประตูห้องที่กำลังจะปิดลงถูกมือหนาค้ำไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ตอบพี่”
“พี่เป็อะไรของพี่เนี่ยหรือกำลังไม่พอใจที่เมไปกินข้าวกับคุณโคบี้” ปากบางพูดออกไปอย่างคนหมดความอดทน…อาการที่เขากำลังเป็อยู่เธอก็คิดออกได้แค่นี้แหละ
“…” ั์ตาคมจ้องใบหน้าสวยนิ่ง
“มันไม่มีอะไร…อีกอย่างเราไม่ได้เป็อะไรกันพี่ก็เป็คนพูดเองนะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆ
“เพราะเราไม่ได้เป็อะไรกันสินะ”
วินพูดออกมาไม่เต็มเสียงก่อนจะออกแรงดันประตูให้เปิดกว้างขึ้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไปภายในห้อง ปึง กริ๊ก!
