อวี๋เคอสงบสติอารมณ์ลงแล้วมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า สายตาหยุดอยู่ที่ลายเส้นเปลวเพลิงที่เด่นหราอยู่บนหน้าผากของอีกฝ่ายพร้อมกับพยายามคิดอย่างหนักว่าตนเองเคยกล่าวถึงคนผู้นี้ลงไปในหนังสือหรือไม่แต่เมื่อครุ่นคิดอยู่เช่นนี้กลับทำให้เขานึกขึ้นมาได้จริงๆ
ให้ตายสิ! บังเอิญมาเจองานใหญ่เข้าจนได้!
คนผู้นี้เคยปรากฏตัวตอนที่อวี๋เคอไปงานชุมนุมสัตว์เทพกับอาจิ่วเขามีศักดิ์เป็เหมือนบรรพบุรุษของเผ่าหงส์เพลิง และมีชีวิตอยู่มามากกว่าพันปีเนื่องจากไม่อยากฝ่าความเวิ้งว้างเปล่าเปลี่ยวและทะยานขึ้นสู่การเป็เทพ จึงทำให้ตัวเองติดอยู่ในขั้นมหายานมาโดยตลอดเช่นนั้นพลังก็คงจะแข็งแกร่งมากพอสมควร ทั่วทั้งทวีปผู้ฝึกตนล้วนให้ความเคารพและยำเกรงอีกทั้งเมื่อใครได้พบเจอต่างก็ต้องสรรเสริญเขาว่า “าาเทพหลิงกวง”
จากนั้นคำว่าบรรลัยก็ติดอยู่ในลำคอแบบที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในใจของอวี๋เคอเต็มไปด้วยความหดหู่ความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมเมื่อครู่หายไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่เมื่อสถานการณ์มันจวนตัวก็คงทำได้เพียงทำใจดีสู้เสือกลับไปเท่านั้น บางทีตัวเขาอาจจะเอาชนะโดยอาศัยข้อได้เปรียบดั้งเดิมในการมีร่างกายของเผ่าปีศาจก็ได้?
แต่อวี๋เคอมองข้ามปัญหาหนึ่งไปเขาเป็ชาวเผ่าปีศาจ มีความได้เปรียบในเื่เผ่าพันธุ์แต่ชาวเผ่าหงส์เพลิงเป็ถึงสัตว์เทพ ความได้เปรียบเื่เผ่าพันธุ์นี้จะไม่แข็งแกร่งมากกว่าเขาหรอกหรือ?
อวี๋เคอคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง มือทั้งสองถูกคลุมด้วยถุงมือที่มีสีดำและสีทองในทันทีเขาจู่โจมเข้าหาหลิงกวงด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนผู้นี้เขาก็ต้องสู้จนตัวตาย
หลิงกวงส่งสายตาพิฆาต ขณะที่ข้อมือหมุนสะบัดก็มีพัดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากนั้นก็เหวี่ยงปราณไฟสองเส้นพุ่งไปที่ด้านหน้าของอวี๋เคออย่างไม่ปรานี ทำให้หวังตัวจวี๋ที่กำลังยืนอยู่ด้านล่างมองจนอึ้งตาค้างให้ตายเถอะ นี่สิถึงจะเป็การใช้พัดเป็อย่างแท้จริง!เมื่อเทียบกับพัดเล่มนั้นของตนเองแล้วกลายเป็ดูน่าสังเวชไปเลย!
อวี๋เคอขมวดคิ้วก่อนจะเหวี่ยงมือหลอมรวมพลังปราณให้เป็โล่เพื่อคุ้มกันร่างกายเมื่อได้ยินเสียงโลหะละลายที่เกิดจากโล่ปราณไฟของหงส์เพลิงที่ปะทะเข้ากับโล่พลังปราณในใจก็แอบบอกว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เพราะว่าเขาเชี่ยวชาญการโจมตีในระยะใกล้ทว่าชายเฒ่าผู้นี้กลับโจมตีมาจากระยะไกล หากเขาคิดหาวิธีเข้าไปใกล้ตัวคนผู้นี้ไม่ได้เช่นนั้นคนที่เป็ฝ่ายเสียเปรียบก็จะต้องเป็ตนเองอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องถูกหลิงกวงบีบให้ใช้พลังปราณจนอ่อนล้าเมื่อถึงเวลานั้นเขาคงต้องพ่ายแพ้ไปอย่างคับแค้นใจ
ยามนี้หลิงกวงกำลังยืนอยู่ในบริเวณที่ไกลลิบ ขณะเดียวกันพัดในมือก็พัดเหวี่ยงไปมาอย่างต่อเนื่องทว่ากลับซ้อนแผนโดยการซ่อนขนนกเอาไว้ในปราณไฟทำให้ขนนกอันคมกริบของหงส์เพลิงที่รวมอยู่ในเปลวไฟพุ่งเข้าใส่อวี๋เคอหลายต่อหลายเส้นจนอวี๋เคอเกือบจะโดนโจมตีเข้าที่ตัว
อวี๋เคอสะบัดขนนกจนกระจายแตกออกเป็เสี่ยงๆด้วยฝ่ามือเดียว รู้สึกอดโมโหไม่ได้ ขนาดในาที่แม่น้ำแห่ง์ตอนนั้นเขากับกู้จิ่นเฉิงสู้กันแบบสองต่อหนึ่งก็ว่าหน้าไม่อายมากแล้ว เขานึกว่ามีเพียงชาวปีศาจอย่างพวกเขาเท่านั้นที่จะไร้ยางอายได้แบบนี้แต่เวลานี้เขาถูกตาเฒ่าแห่งเผ่าหงส์เพลิงผู้นี้ทำให้ตาสว่างแล้ว เพราะั้แ่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าได้สะบัดทำลาย “ศรลับ [1] ” ไปเท่าไรแล้ว
หลิงกวงผู้นี้ถูกเขาเขียนให้เป็ยอดฝีมือแห่งสำนักถัง[2] หรือเปล่า? หากไม่ใช่เพราะจิตสำนึกของเขาแข็งแกร่งพอที่จะรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจนเขาคงถูกอาวุธลับที่มาจากทั่วทุกสารทิศจัดการจนไม่มีชิ้นดีแล้ว
“เ้านี่ช่างมีฝีมือดีจริงๆ ” อวี๋เคอยกมุมปากขึ้น และพูดต่อว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าผู้นี้ก็ไม่จำเป็ต้องออมมืออีกต่อไป”
ในความทรงจำของอวี๋เคอมีคาถามากมายที่เกี่ยวกับการผนึกสัตว์อสูรเขาเคยใช้กระบวนท่าแบบนี้กับเฉวียงฉีมาก่อนเมื่อครู่นี้เขากำลังวิเคราะห์จุดอ่อนในการโจมตีของหลิงกวงอยู่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หากไม่ตอบโต้กลับไปจะต้องถูกขนนกพุ่งเข้าใส่จนตัวพรุนเป็รังแตนอย่างแน่นอน!
จากนั้นเขาจึงพึมพำมนตร์คาถาอยู่ในใจมือทั้งสองข้างปรากฏเวทมนตร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วระหว่างนั้นก็มีแสงสีครามะเิขึ้น ลำแสงที่หลั่งไหลออกมาก่อตัวขึ้นกลางอากาศจนเกิดเป็โซ่ตรวนแล้วเหวี่ยงเข้าใส่หลิงกวงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ในความเป็จริงแล้วกระบวนท่านี้ไม่จำเป็ต้องใช้การร่ายคาถาเลยด้วยซ้ำตราบใดที่คุ้นเคยกับทิศทางการไหลเวียนของพลังปราณและวิชาการปิดผนึกก็สามารถใช้มันได้เมื่อได้ฟังคำโอ้อวดของอวี๋เคออย่างละเอียดแล้ว ทุกคนก็คงหัวเราะกันไปจนค่อนวันแต่แล้วก็เห็นเ้าหมอนี่เปิดดวงตาพร้อมกับเหวี่ยงโซ่ที่อยู่ในมือ แล้วคำรามเสียงต่ำ “จงเร่งทำตามบัญชาแล้วพันธนาการเ้าสารเลวนี่เสีย! ”
หวังตัวจวี๋และหลิงกวงไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างสิ้นเชิงทว่าหลิงกวงกลับสามารถััได้ถึงน้ำเสียงอันเหยียดหยามที่อยู่ภายในคำพูดนั้นได้จากนั้นก็ตวัดสายตามองไปยังโซ่สีครามที่แฝงเอาไว้ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวเข้าไปถึงในเส้นเืของเขาจนในที่สุดก็เก็บท่าทีล้อเล่นทิ้งไป
เขาเงยหน้า พร้อมกับยืดคอขึ้นสูงก่อนจะส่งเสียงหวีดร้องของนกที่ดังกังวานออกมา ทันใดนั้นก็กลายร่างเป็หงส์เพลิงซึ่งเป็ร่างที่แท้จริงทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงจากปราณไฟของหงส์เพลิงที่กำลังลุกโชติ่ ความร้อนสูงได้แผดเผาต้นไม้ในป่าจนไหม้เกรียมบางต้นถึงกับถูกเผาไหม้จนยืนต้นตาย ทำให้เกิดเสียงแตกหักดังสนั่นหวั่นไหว
อวี๋เคอกระตุ้นพลังปราณดวงตาทั้งสองเปล่งแสงเป็ประกาย ทั้งสองคนที่มีระดับวิชายุทธ์อยู่ในขั้นมหายานเหมือนกันได้แสดงพลังทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่จนทำให้อากาศระหว่าง์และโลกเริ่มตึงเครียดไปหมด ทันใดนั้นโซ่สีครามก็พุ่งทะลุอากาศออกมา แล้วพันปีกของหลิงกวงเอาไว้ครึ่งหนึ่งอวี๋เคอจึงคว้าโอกาสเหวี่ยงแขนราวกับอยากจะมัดหลิงกวงให้เป็บ๊ะจ่างเสียตอนนี้
แล้วมีหรือที่หลิงกวงจะปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ ? ทันใดนั้นก็เห็นว่าเปลวไฟที่อยู่บริเวณครึ่งปีกซึ่งกำลังถูกพันธนาการด้วยโซ่มีสีเข้มขึ้นก่อนจะเผาทำลายโซ่นั้นซ้ำๆ จนหลุดออกมาได้ จากนั้นเขาก็อ้าจะงอยปากพ่นปราณไฟแห่งชีวิตพุ่งเข้าใส่อวี๋เคอทันที
เมื่อเทียบกันแล้วปราณไฟแห่งชีวิตน่ากลัวกว่าปราณไฟหงส์เพลิงมากและแน่นอนว่าอวี๋เคอรู้หลักการของมันเป็อย่างดี เขาจึงไม่กล้าปะทะ ก่อนจะล่าถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็วและนำโซ่ตรวนที่แปลงมาจากพลังปราณกับคาถาปิดผนึกบังเรียงกันไว้ด้านหน้าอย่างแ่าเพื่อสกัดกั้นปราณไฟที่โหมพัดอย่างรุนแรงก่อนจะพุ่งตัวไปทางซ้าย และแวบไปด้านหลังของหลิงกวงอย่างเงียบๆจากนั้นสองมือก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็สร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่ได้อีกสองวง
แต่ผังค่ายกลทั้งสองนี้กลับปรากฏสีดำและสีเขียวออกมาสิ่งที่ปกคลุมอยู่เหนือขึ้นไป้าก็คือพลังปราณที่แฝงไว้ด้วยฤทธิ์กัดกร่อนของอวี๋เคอและในจังหวะนั้นเองก็มีโซ่สีดำและสีเขียวนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากผังค่ายกลทั้งสองเข้าล้อมหน้าล้อมหลังหลิงกวงเอาไว้ให้อยู่ตรงกลางทันใดนั้นโซ่สีดำและสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะลุผ่านหลิงกวงไปด้วยวิถีที่น่าหวั่นเกรง
หลิงกวงคิดในใจว่าท่าไม่ดีเสียแล้วตนเองจะถูกผู้เยาว์อย่างอวี๋เคอมาถอนหงอกได้อย่างไร แต่น่าเสียดาย อย่างไรคราวนี้ก็ต้องสู้ให้ตายกันไปข้าง
ยามนี้อวี๋เคอเห็นชัยชนะอยู่ในกำมือตน ขณะที่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ในวินาทีถัดมาก็อดพูดคำนี้ขึ้นมาไม่ได้ว่า “บ้าเอ้ย! ”
จากนั้นไม่นานก็เห็นร่างเดิมของหลิงกวงที่กำลังถูกโซ่พันธนาการไว้สลายออกไปในทันทีสังขารเปลี่ยนเป็สิ่งที่ดูเหมือนกับประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็หงส์เพลิงในร่างเล็ก และในที่สุดก็หลอมรวมกลายร่างเป็ชายหนุ่มต่อหน้าอวี๋เคออีกครั้งจากนั้นก็เหวี่ยงลมโจมตีใส่เขาด้วยฝ่ามือ
เมื่อครู่อวี๋เคอได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้วตอนนี้จึงเป็่เวลาที่เขาอ่อนแอ บวกกับที่ไม่ได้โต้ตอบกลับไปเมื่อครู่เขาจึงต้องทนรับการโจมตีจากฝ่ามือนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และกระอักเืออกมาในทันทีส่วนใบหน้าของเขานั้นก็ซีดเผือดลงอย่างมาก
หลิงกวงผู้นั้นกำลังกำพัดเอาไว้หวังจะโจมตีซ้ำอีกครั้งแต่ในเวลาต่อมากลับไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงจนเกือบจะตกลงมาจากกลางอากาศจากนั้นจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้เสียกิริยาท่าทางไปกว่านี้แต่เพียงพริบตาเดียวก็สูญเสียโอกาสที่จะโจมตีซ้ำ เพราะหวังตัวจวี๋ได้ขึ้นมาพาอวี๋เคอลงไปแล้ว
อวี๋เคอปาดเืที่อยู่ตรงมุมปากก่อนจะผลักหวังตัวจวี๋ออกไป แล้วแสยะยิ้มใส่หลิงกวงที่กำลังยืนอยู่กลางอากาศจากนั้นจึงถามว่า “ยังอยากสู้ต่ออยู่อีกหรือไม่? ”
หลิงกวงขมวดคิ้วมุ่น กระบวนท่า “จักจั่นทองลอกคราบ” ของเขาเมื่อครู่นี้อาจจะดูง่าย แต่ความจริงแล้วเป็วิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังไปพอสมควรหากไม่ถึงคราวจำเป็จริงๆ ก็ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกับอวี๋เคอเลยเมื่อครู่นี้ไม่มีทางเลือกอื่นจึงใช้กระบวนท่านั้นเพราะไม่อยากพ่ายแพ้และเสียหน้าตอนนี้กลับทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาวะที่ตัดสินใจไม่ได้ จู่ๆก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดีเสียอย่างนั้น
“นี่พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่?! ”
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากบริเวณไกลๆพร้อมกับแสงสีทองเส้นหนึ่งที่สว่างวาบเข้ามา จากนั้นอาจิ่วที่ตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยก็ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศดวงตาสีแดงที่กลมโตกำลังมองมาอย่างแสนจะน่ารัก
อาจิ่วมองไปที่ท่านปู่ของตัวเอง แล้วเหลือบมองไปที่อวี๋เคอจากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างไปด้วยความปีติยินดีรีบย่อขนาดตัวให้เล็กลงแล้วซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของอวี๋เคอ พร้อมกับคลอเคลียไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน “นายท่าน! ในที่สุดท่านก็มาหาข้าจนได้!อาจิ่วรอท่านจนทรมานใจไปหมดแล้ว! ”
หลิงกวงมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าที่สับสน พร้อมกับกระอักเืคำโตออกมาจนได้ก่อนจะชี้นิ้วไปที่อาจิ่วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “อาจิ่ว เ้า เ้า... เ้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
......
เชิงอรรถ
[1] ศรลับ หมายถึง ลอบกัด
[2] สำนักถังเป็สำนักลึกลับที่ผู้คนในยุทธภพต่างเกรงกลัว มีศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับมาจากดินแดนตะวันออกด้วยการใช้หน้าไม้และอาวุธลับดาวกระจายเคลือบยาพิษสังหารศัตรูจากมุมมืด ถนัดการโจมตีระยะไกลมีความสามารถในการวางกับดักและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วราวกับนินจา