"บ้าชะมัด ปั้นตุ๊กตาหิมะแค่นี้ทำเอาพี่สาวแทบแข็งตาย"
เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นมือที่ถูกความเย็นเล่นงานจนแดงก่ำราวกับหัวไชเท้าแดงเข้าหากองไฟ
อาเหลยตามหลังเธอมาอย่างเอ้อระเหย มันไม่รู้สึกหนาวเท่าไร
"เฮ่อ... มือของข้าถูกหิมะกัดจนเปื่อยหมดแล้ว รอ่อากาศจะอบอุ่นเมื่อไรยิ่งอนาถกว่านี้" เซวียเสี่ยวหรั่นมองข้อมือที่บวมแดงของตนเองพลางทำหน้าเศร้า
มือเปื่อยเพราะหาเื่ใส่ตัวแท้ๆ เลย เซวียเสี่ยวหรั่นโอดครวญในใจ
แผลเปื่อยจากหิมะกัดไม่น่ากังวลเท่าไร แต่ที่น่ากลัวคือพออากาศอบอุ่นขึ้น าแระหว่างฟื้นฟูทั้งคันและเจ็บ จะแตะต้องก็ไม่ได้ จะเกาก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทำทั้งสองอย่างก็ยิ่งทรมานหนัก ในที่สุดก็จะคันจนแทบบ้า
เหลียนเซวียนย่นหัวคิ้ว พื้นที่ทางเหนือหนาวจัดในฤดูหนาว แต่คนที่เป็แผลเปื่อยจากหิมะกัดกลับมีไม่มาก ฤดูหนาวของทางใต้อากาศหนาวชื้น กลับทำให้เกิดแผลเปื่อยจากหิมะได้ง่ายกว่า
แผลเปื่อยจากหิมะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ขณะที่แผลกำลังจะหาย ิัจะคันเป็พิเศษ
หากอยู่ข้างนอกยังหาซื้อยาทาแก้หิมะกัดได้ แต่ด้วยเงื่อนไขตอนนี้... ดวงตาของเหลียนเซวียนมีประกายวาบผ่าน
กระทั่งถึงตอนเย็น ยามที่เซวียเสี่ยวหรั่นเอาน้ำมันเลียงผามาทาให้เขา เหลียนเซวียนกลับป้ายน้ำมันที่นิ้วมือของเธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องปริบๆ เบิกตากว้างมองเหลียนเซวียน เขาจะทำอะไร คิดจะต่อต้านที่เธอใช้ทาน้ำมันทาหน้าให้ทุกวันหรือ เธอก็ทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับเขาไม่ใช่หรือไง
เหลียนเซวียนเห็นนางไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน ใจรู้ว่านางคงยังอึ้งอยู่ ก็นึกทอดถอนใจ แม่นางผู้นี้บางครั้งก็ฉลาดมีไหวพริบดี แต่บางครั้งก็เหมือนว่าสมองใช้การไม่ได้
เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วค่อยๆ เขียนอักษร
"ต้งอะไร... ตัวสุดท้ายคืออักษรอะไรน่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหรี่ตาพยายามขบคิดถึงตัวอักษร
"ต้ง... ชวง (แผลเปื่อยจากหิมะกัด)" เหลียนเซวียนเปลี่ยนอักษรใหม่
"ต้ง ชวงเหรอ?" อักษรชวงตัวเต็มนี่ซับซ้อนน่าดู "เซวียเสี่ยวหรั่นมองอยู่นาน ถึงพอมองออก "นี่คงเป็อักษรชวงกระมัง"
เหลียนเซวียนทำตาขวางใส่นาง ไหนบอกว่าศึกษาตำรามาสิบสองปี อักษรที่ใช้บ่อยยังจำไม่หมด ไม่รู้ท่องตำราประสาอันใดกัน
"อ้อ ท่านจะบอกให้ใช้น้ำมันเลียงผาทารักษาแผลเปื่อยสินะ แต่ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าต้องเป็น้ำมันจากกวาง น้ำมันเลียงผาไม่แน่ว่าจะใช้ได้ แค่ทาหน้าให้ท่านยังไม่พอใจ คราวนี้กลับคิดจะให้ข้าเอามาใช้ทาแผลเปื่อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากแกล้งหาเื่ จึงหัวเราะคิกคักยั่วโทสะเขา
เหลียนเซวียนพลันรู้สึกว่าความหวังดีของตนเองกลายเป็ปอดตับลาไร้ค่า
แม้ใบหน้าของเขาจะราบเรียบไร้อารมณ์ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นจับสังเกตได้ว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป การล้อเล่นไม่ควรให้เกินงาม เธอแลบลิ้น หัวเราะกลบเกลื่อนพลางพูดเอาใจ "ข้าจะทาเดี๋ยวนี้ล่ะ ขอบคุณท่านที่เตือนสติ"
พูดจบ เธอก็ทาน้ำมันบนใบหน้าให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจก่อน ถึงเริ่มทานิ้วมือของตนเอง
"หากล่ากวางได้สักตัว ก็จะได้น้ำมันกวางขนานแท้ ผลลัพธ์ต้องดีกว่ามากแน่นอน ดูหน้าของท่านสิ ทาน้ำมันเลียงผามาตั้งนาน รอยแผลเพิ่งจะหายไปนิดเดียวเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองเขา เครื่องเคราใบหน้าเด่นชัด จมูกโด่งเป็สัน หากไม่มีาแระคายตากับหนวดเครารกรุงรัง หน้าตาก็คงไม่เลวเท่าไร
ถ้าแผลเป็ไม่หายก็น่าเสียดายจริงๆ
"..."
เหลียนเซวียนสีหน้าเรียบเฉย สายตาทอดไปไกล เห็นชัดว่าไม่นำพากับเื่นี้สักเท่าไร
ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจเื่รูปโฉม เพียงแต่รอยแส้บนใบหน้า ขี้ผึ้งทาแผลธรรมดามีข้อจำกัด ต้องรอหลังจากกลับไปแล้วใช้ขี้ผึ้งฟื้นฟูผิวสูตรพิเศษของศิษย์พี่ถึงจะรักษาให้หายขาด
หลังจากหิมะหยุดได้สองวัน ก็ยังมีหิมะตกลงมาอีกประปราย
คนสองคนกับลิงอีกหนึ่งตัวอยู่แต่ในถ้ำไม่ไปไหนทั้งนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นถักเสื้อกั๊กสองตัวเสร็จ ก็เริ่มถักถุงเท้ากับถุงมือ
เหลียนเซวียนหาท่อนไม้ที่มีน้ำหนักและแข็งแรงมาเหลาเป็ลูกดอกซัวเปียว หัวท้ายแหลมคม ตรงกลางหนา ความยาวประมาณเจ็ดชุ่น [1]
มีดสั้นแม้ว่าจะดี แต่มีแค่เล่มเดียว ถ้าซัดออกไปแล้วเหยื่อยังไม่ตาย อาวุธลับจะจับถนัดมือกว่ายามเผชิญหน้ากับอันตราย
ดังนั้นจึงใช้เวลาว่างเหลาลูกดอกเตรียมไว้
เซวียเสี่ยวหรั่นมองด้วยความสนใจ หยิบลูกดอกซัวเปียวที่เหลาเสร็จขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า
"ไม้ชนิดนี้ทั้งหนักและแข็ง เหลาเป็มีดบินเหมือนทำมาจากเหล็ก ดูจากความแหลมคม ท่าทางจะร้ายกาจไม่เบา"
รู้ว่าเขาทำลูกดอกซัวเปียวไว้ป้องกันตัว เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่มช่องพิเศษที่มีลักษณะเรียวยาวไว้ในเสื้อกั๊กหนังงูของเขา สำหรับใส่อาวุธลับโดยเฉพาะ
จนกระทั่งสนับมือถักเสร็จเรียบร้อย เซวียเสี่ยวหรั่นเอามาให้เซวียเสี่ยวหรั่นลองสวมอย่างกระตือรือร้น
ยามสวมสิ่งของหน้าตาประหลาดไว้ในมือ เหลียนเซวียนรู้สึกไม่ชิน แม้เขาจะเห็นไม่ชัด แต่ลูบคลำดูก็รู้ได้ว่าเป็สิ่งใด
เขาไม่เต็มใจสวมใส่ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ฝืนใจ เก็บกลับคืนไปด้วยรอยยิ้ม
"ตอนนี้ไม่ต้องสวม รอพวกเราออกเดินทางเมื่อไร ท่านสวมไว้แล้วจับไม้เท้า มือก็จะไม่หนาวมาก"
ยามออกเดินทาง เขาก็ไม่อยากสวม เหลียนเซวียนปฏิเสธในใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่นำพา ก้มหน้าก้มตาถักถุงมือของตนเองต่อไป
หลังถักถุงมือกับถุงเท้าเสร็จ เหลือเส้นด้ายเพียงเล็กน้อย เซวียเสี่ยวหรั่นจึงเอามาถักเป็กระเป๋าคาดสะพายไหล่ ใช้ฟางมาสานเป็สายสะพายคาดหลัง ระหว่างออกเดินทางสามารถใส่สิ่งของได้มากมาย
จนกระทั่งถึงวันที่เหลียนเซวียนกำหนดให้เป็วันปีใหม่ หิมะก็ไม่ตกอีกแล้ว
นอกถ้ำหนาวเหน็บ ยอดไม้ยังมีหิมะหนาปกคลุมอยู่
มองดูหิมะเ่าั้แล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกวิตกกังวล
"หิมะยังหนาอยู่เลย หนทางเดินไม่สะดวก รอสักหลายวันหน่อยให้หิมะละลายก่อนค่อยออกเดินทางดีกว่า"
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ เวลาแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ การเดินทางทั้งที่อากาศหนาวเย็นไม่ดีต่อใครทั้งนั้น
"วันนี้เป็วันปีใหม่ ต้องสนุกสนานครึกครื้นหน่อย ไม่เพียงแต่ต้องกินดื่มอย่างเต็มที่ อำลาปีเื่เก่าๆ ต้อนรับสิ่งใหม่ ยังต้องล้างความเป็อัปมงคลออกไป ดังนั้นวันนี้พวกเราต้องอาบน้ำอาบท่าให้ดี"
พูดจบเซวียเสี่ยวหรั่นก็หันหลังวิ่งกลับเข้าไปในถ้ำหยิบถังน้ำแล้วะโโลดเต้นออกไปริมแม่น้ำอย่างเริงร่า
เหลียนเซวียนยืนอยู่ปากถ้ำ ดวงตาไร้ประกายจดจ้องไปยังสถานที่ห่างไกล ใบหน้านิ่งแลดูเหม่อลอย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นตักน้ำกลับมา ก็วิ่งมาข้างกายเขา
"เหลียนเซวียน อย่ามายืนรับลมหนาวอย่างนี้สิ ระหว่างจะต้องไอเย็น"
เหลียนเซวียนได้สติกลับมา หลุบตาทั้งสองลง เม้มริมฝีปากเบาๆ หมุนตัวค่อยๆ เดินเข้าไปในถ้ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นยกหม้อใบใหญ่ขึ้นตั้งเตา แล้วเทน้ำลงไปรอบแล้วรอบเล่า
หลังจากทั้งสองอาบน้ำเสร็จ ก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว
บนเตาเปลี่ยนไปเป็หม้อใบเล็ก เริ่มตุ๋นเนื้อ
เซวียเสี่ยวหรั่นขยี้ผม "ไอ้หยา ทำไมผมถึงยาวเร็วขนาดนี้นะ เดี๋ยวเดียวก็ยาวถึงหน้าอกแล้ว ยาวเกินไปสระยากจริงๆ เลย"
ยาวถึงหน้าอก ผมสั้นแค่นั้นยังบอกว่ายาว เหลียนเซวียนพลิกมือบิดเรือนผมของตนเองอย่างยากเย็น หยาดน้ำหยดติ๋งๆ ลงมาบนพื้น
"ผมของท่านก็ยาวมาก ดูแลลำบากแค่ไหน ไม่มีอะไรมาสระ ผมทั้งแห้งทั้งพันกัน ไม่เห็นสบายสักนิด" เซวียเสี่ยวหรั่นว่ากระทบ "สระผมก็ยากยิ่งกว่าอะไร"
ถึงพูดอย่างไรก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะตัดผม เหลียนเซวียนไม่นำพา
"คนของพวกท่านที่นี่ ไม่ตัดผมกันชั่วชีวิตเลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกประหลาดใจ
แน่นอนว่าไม่ใช่ แค่ถ้าไม่มีความจำเป็ก็จะไม่ตัดผมส่งเดช เหลียนเซวียนส่ายหน้า
"งั้นก็ตัดได้สิ ฮิๆ ข้าจะช่วยท่านตัดให้สั้นหน่อย ดีหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้ว่าเขาต้องไม่ยอมรับปากแน่ แต่จงใจแกล้งหยอกเล่น
เหลียนเซวียนเหลือบมองนาง ปฏิเสธโดยไม่ลังเล
เซวียเสี่ยวหรั่นย่นจมูกแสร้งขุ่นเคือง แต่ดวงตากลับฉายแววยิ้ม
...
[1] ชุ่น หรือนิ้วจีน เป็หน่วยวัดความยาวของจีน มีค่าประมาณ 3.33 เิเ