“ข้าเห็นแล้วล่ะ” ฮองเฮาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้ถังเยี่ยนหันมองไปยังบิดาแล้วปล่อยยิ้มออกมา ด้วยเพราะหญิงมอมแมมผู้นั้นหน้าตาไม่สู้งามนัก อีกทั้งผิวพรรณก็ไม่ขาวผ่อง หากนางได้มาอยู่ข้างกายฮองเฮาก็จะไม่เป็ที่หนักใจเท่าใด
“ข้อที่สอง ผู้ใดยังไม่แต่งงานมีครอบครัว ให้ก้าวออกมา” เสี่ยวเอิน ในร่างของหญิงมอมแมมก้าวออกมาด้วยความมุ่งมั่น ก่อนคำถามสุดท้ายของท่านเสนาบดีจะเอ่ยถามต่อ
“ข้อที่สาม ผู้ใดสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้ให้ยกมือขึ้น” เสี่ยวเอินยกมือขึ้น ท่ามกลางสายตาของผู้สมัครที่เคยดูถูกนางจะหันไปซุบซิบด้วยความแปลกใจ
“นางน่ะเหรอจะอ่านหนังสือได้ ผู้ที่อ่านหนังสือได้ต้องเป็ผู้ที่ร่ำเรียนมา หากแต่สภาพของนางราวกับคนไร้บ้าน จะอ่านออกเขียนได้ ได้เช่นไรนางโกหกแน่ ๆ” กลุ่มผู้สมัครด้านล่างเริ่มต่อต้าน ด้วยสภาพภายนอกของเสี่ยวเอินทำให้ทุกคนในที่นั้น ต่างพากันไม่เชื่อ
“หากพวกเ้าไม่เชื่อ ก็ให้ฮองเฮาทรงพิสูจน์เถิด” คำพูดกล้าหาญของหญิงสาวทำให้ฮองเฮาหลุดยิ้มออกมา แล้วยื่นกระดาษให้ทหารนำไปให้นาง
“เช่นนั้นเ้าลองพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็น ว่าคำที่ข้าเขียนในกระดาษนั้น อ่านว่าอะไร หากเ้าอ่านได้จริง ข้าก็จะรับเ้าเข้าเป็นางกำนัลผู้ใกล้ชิดของข้า” เสี่ยวเอินรีบหยิบกระดาษจากนายทหารแล้วอ่านตัวหนังสือในทันที
“ทูลฮองเฮาเพคะ ข้อความในกระดาษเขียนว่า ปลูกต้นไม้ใช้เวลาสิบปี แต่พัฒนาคนใช้เวลาร้อยปี ข้อความนี้ข้าเคยได้ยินบ่อย ๆ เพคะ มีความหมายว่าแม้การปลูกต้นไม้จะใช้เวลานานถึงสิบปีจึงจะได้ไม้ที่พร้อมใช้งาน แต่การศึกษาของคนคนหนึ่งเป็กระบวนการตลอดชีวิตและต้องใช้เวลามากกว่านั้น” หญิงสาวหน้าตามอมแมมตอบอย่างชาญฉลาด ทุกคนในที่นั้นเงียบสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้าน ก่อนฮองเฮาจะลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพอใจ
“เ้ามีนามว่าอะไร”
“เอ่อ...หม่อมฉันมีนามว่า” เสี่ยวเอินชะงักนิ่ง ลืมนึกไปว่าไม่เคยรู้จักหญิงร่างนี้มาก่อน
“หม่อมฉันมีนามว่าเฟยหยางเพคะ”
“ดี เช่นนั้นนับจากวันนี้ ข้าจะรับเ้าเป็นางกำนัลใกล้ชิดของข้า” คำประกาศิตประกาศก้องอย่างเป็ทางการ ทุกคนในที่นั้นรับรู้ว่าเฟยหยางคือนางกำนัลผู้ใกล้ชิดคนใหม่ของฮองเฮา
ข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงรัชทายาททันที เขาที่กำลังจรดหมึกลงในกระดาษชะงักนิ่งแล้ววางพู่กันลงด้านข้าง
“เสด็จแม่ได้นางกำนัลคนใหม่แล้วงั้นเหรอ”
“เพคะ” หลี่ถังเยี่ยนน้อมกายลงแล้วตอบรับ นางดีใจยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะรูปลักษณ์ของเฟยหยางไม่ได้งดงาม จนสามารถทำให้รัชทายาทหวั่นไหวได้
“สิ่งนี้น่าจะพอบรรเทาความทุกข์ใจของเสด็จแม่ลงได้บ้าง ฮองเฮาทรงเมตตานางหรือไม่” เขาถามพร้อมดวงหน้าคมจับจ้องมายังถังเยี่ยน เพียงแค่เขาสบตานางเท่านั้น ก็รู้สึกใจร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ค่อนข้างเมตตานางมากเพคะ ฮองเฮาทรงบอกว่ามีหลายอย่างที่นางเหมือนกับพระสนมเสี่ยวเอิน”
“จะเหมือนกันได้อย่างไร เสี่ยวเอินนางตายไปนานแล้ว” เขาพูดจบทำท่าลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเบี่ยงตัวเดินออก
“รัชทายาทจะเสด็จไปไหนเหรอเพคะ”
“ข้าว่าจะเข้าไปหาเสด็จแม่ หากเ้าอยากไปด้วยก็ตามมา” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งทำให้หัวใจของถังเยี่ยนเต้นรัวไม่เป็จังหวะ นางรีบก้าวเท้าเดินตามรัชทายาทไปยังตำหนักของฮองเฮาทันทีไม่รอช้า
เพียงแค่เดินตามหลังของรัชทายาทเท่านั้น หัวใจก็พองฟูตัวเบาราวกับเดินบนดินนุ่ม ๆ หลี่ถังเยี่ยนมองแผ่นหลังของเขาอย่างชื่นชม นับจากเด็กจนโตเขาเป็ชายเพียงคนเดียวที่นางหลงรัก และไม่อาจมอบหัวใจให้ชายใดได้อีกนอกรัชทายาทเจี้ยนหัว
หลังจากวรกายของรัชทายาทเดินเข้ามายังตำหนักของฮองเฮาแล้ว ทุกคนในที่นั้นต่างลุกขึ้นแล้วน้อมกายเคารพรัชทายาทด้วยกิริยาอ่อนน้อม รวมถึงเสี่ยวเอินที่อยู่ในร่างของเฟยหยางด้วยเช่นกัน
“เ้าเหรอ? นางกำนัลคนใหม่ของเสด็จแม่” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทางยังคงเ็าไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เฟยหยางก้มหน้าลงในทันที ก่อนฮองเฮาจะเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“นางมีนามว่าเฟยหยาง” ฮองเฮากล่าวเสริมพร้อมรอยยิ้มเมตตา
“ข้าหวังว่า เ้าจะดูแลเสด็จแม่ของข้าเป็อย่างดี เพิ่งเข้ามาในวังหลวงได้ไม่นาน กฎระเบียบต่าง ๆ ให้ถามจากถังเยี่ยน นางรอบรู้เื่กฎระเบียบในวังเป็อย่างดี” เขาพูดจบ เฟยหยางก็น้อมกายลงเล็กน้อย
“หม่อมฉันจะทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดเพคะ”
“นางมีความสามารถหลายอย่างเช่นเดียวกับเสี่ยวเอิน ไม่ว่าจะเป็การเล่นดนตรี หรือแม้กระทั่งเขียนหนังสือและอ่านหนังสือได้ อีกทั้งนางยังช่างพูดช่างคุยเหมือนกับเสี่ยวเอินไม่มีผิด” คำชมของฮองเฮาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด ทำให้รัชทายาทรับรู้ทันทีว่าเฟยหยางคนนี้ กลายเป็คนที่ฮองเฮาทรงโปรดปรานไม่ต่างจากเสี่ยวเอิน เขาเลื่อนสายตามายังเฟยหยางครู่หนึ่ง แล้วย่อตัวลงนั่งพลันรินชาด้วยท่าทางสุขุม
“ค่ำนี้ เสด็จแม่จะทรงไปเสวยอาหารกับเสด็จพ่อที่ท้องพระโรงหรือไม่” ฮองเฮานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่งด้านข้างรัชทายาท
“ข้าขอคิดดูก่อน” ฮองเฮาไว้เชิงเล็กน้อย ก่อนถังเยี่ยนจะเดินเข้ามาน้อมกายลงแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
