เงินสามารถทำอะไรได้? มีเื่มากมายถมเถที่ใช้เงินจัดการได้!
เสิ่นม่านนอนบนเตียง จากนั้นให้ระบบแปลงค่าเงินโดยเทียบเป็เงินหยวนปัจจุบัน พบว่าภายในข้ามคืน ตนเองได้เลื่อนขั้นกลายเป็เศรษฐีร้อยล้านไปเรียบร้อย
ความสุขทะลักเข้ามาอย่างกะทันหัน
แม้ยุคนี้จะยังห่างไกลจากศตวรรษที่ยี่สิบสองที่นางเคยอยู่ ไม่ว่าจะบ้านพักตากอากาศ เรือยอชต์หรือเจ็ทส่วนตัว นางไม่อาจได้
อ้อ แล้วก็สนามบินพื้นที่กว่าหนึ่งพันตารางเมตรก็ไม่มีด้วย
เสิ่นม่านเศร้าเล็กน้อย แต่ข้อดีของนางก็คือเป็คนที่สบายใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้นางก้าวข้ามขั้นของการหาเงินไปแล้ว เมื่อนางมีเงินทุนก็เท่ากับสามารถก้าวไปสู่การค้าขายระดับแคว้นอีกหนึ่งก้าวใหญ่
ก่อนอื่นต้องซื้อร้าน!
นางไม่อยากยืนขายเต้าฮวยท่ามกลางลมหนาวอีกต่อไป! ในอนาคตนางไม่เพียงจะขายเต้าฮวย ทั้งยังจะขยายเป็ร้านแฟรนไชส์อีกด้วย!
พูดเสร็จก็ลงมือทำ เช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นม่านพาเยี่ยนชีไปในตำบลด้วยความรู้สึกคึกคัก เยี่ยนชีขายเต้าฮวย ส่วนนางก็ไปตระเวนหาหน้าร้านที่เหมาะสม
แต่น่าเสียดายที่เดินวนรอบใหญ่ แต่กลับไม่มีร้านที่เหมาะสม ตำบลนี้ไม่ใหญ่มาก ร้านค้าส่วนมากจึงส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น หากไม่อับจนหนทางจริงๆ พวกเขาไม่มีทางขาย
นอกจากนี้ยังมีร้านค้าบางแห่งที่ปล่อยว่าง แต่ทำเลไม่ดีนัก สภาพแวดล้อมหน้าร้านยิ่งแย่ พอฝนตกทั้งวัน ในตรอกจะมีแต่น้ำโคลน จะให้เหยียบย่ำยังยาก อย่าว่าแต่ไปซื้อของเลย
ความเป็จริงกำลังตบหน้าเสิ่นม่าน เดิมทีนาง้าเปิดร้านเพื่อพัฒนากิจการของตน คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ก้าวแรกในการหาร้านค้าก็ไม่อาจทำได้
คนเป็ไม่มีทางตายด้วยปัสสาวะหรอกน่า ในเมื่อนางหาซื้อร้านค้าที่เหมาะสมไม่ได้ เช่นนั้นก็ซื้อที่ดินแล้วสร้างร้านขึ้นเองเสียเลยสิ?
ครั้นแล้ว นางก็หาพื้นที่เหมาะเหม็งได้หนึ่งแห่งจริงๆ
โดยตั้งอยู่ปลายถนนของตำบล ที่ตั้งถือว่าใช้ได้ เพียงแต่ตอนนี้เป็ที่ทิ้งขยะของชาวเมือง ไม่ว่าอะไรก็นำมาไว้ที่นี่ กลิ่นเหม็นหึ่งโชย คนเดินผ่านต่างก็ปิดจมูกและรีบเดินให้พ้นๆ
ทันทีที่สอบถามจากคนละแวกนั้น ก็ได้รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นเดิมทีเคยมีคนอาศัยอยู่ ต่อมาครอบครัวนั้นประสบเคราะห์ กลางดึกคืนหนึ่งถูกโจรูเาบุกปล้นและเผาจนเรียบ
ดูเหมือนว่าบ้านนั้นเหลือเพียงลูกชายคนเดียว ได้รับการเล่าเรียนั้แ่เด็ก มีพร์ยิ่งนัก อายุสิบห้าเขาก็สอบผ่านซิ่วไฉ น่าเสียดายที่ไม่ยอมไปสอบต่อ
สำหรับชีวิตของชายคนนี้ เขาอาศัยอยู่ลานศิลป์อู๋ถง พึ่งพาการสอนตำรากับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน เพียงพอต่อการยาไส้ตนเอง ชีวิตนับว่ายากจนข้นแค้น
เคยมีคนเหมือนเสิ่นม่านที่หมายตาที่ดินผืนนั้นของเขาและคิดจะซื้อ แต่เขากลับออกโจทย์ยากมาหนึ่งข้อให้อีกฝ่ายตอบ คนผู้นั้นเค้นสมองแต่ก็ไม่มีคำตอบ ท้ายที่สุดเื่นี้จึงไม่สำเร็จ
หลังจากนั้นมีคนอีกไม่น้อยที่้าซื้อที่ดินผืนนั้นและประสบพบเจอกับเื่เดียวกัน นานวันไป จึงไม่มีผู้ใดถามอีก
หลังจากที่เสิ่นม่านได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของบุคคลนี้ นางก็เริ่มสนใจบุคคลนี้อย่างยิ่ง
บัณฑิตผู้มีความรู้และบุคลิกแปลกประหลาด แม้ว่าจะผูกมิตรไม่ง่ายนัก แต่นางมีระบบและยังพาหนิงโม่ไปด้วย โอกาสชนะย่อมไม่น้อย
คำถามประหลาดแล้วอย่างไรเล่า? ในเมื่อถามไป่ตู้ เดี๋ยวก็รู้เอง
เสิ่นม่านรู้สึกว่าตนเองช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก นางตั้งใจจะนำแผนนี้ไปบอกกับหนิงโม่
หลังกลับจากหาร้าน เยี่ยนชีก็เก็บร้านเรียบร้อย เสิ่นม่านบังคับเกวียนมา ขณะที่ทั้งสองกำลังจะจากไป นางก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาขวางทางไว้
ทันทีที่ชายคนนั้นปรากฏตัว ก็เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่นางเสิ่น นายท่านเฉียน้าพบเ้าอีกครั้ง”
เสิ่นม่านเม้มปากอย่างรำคาญใจ เ้าฟันทองิญญาอยู่ไม่สุขอีกแล้วสินะ สิ่งที่ครอบครัวคังมาก่อไว้ เสิ่นม่านยังไม่ทันคิดบัญชีกับเขาด้วยซ้ำ
เยี่ยนชีเห็นท่าทางไม่พอใจของนาง จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “จะให้ข้าช่วยไล่ไปหรือไม่?”
เสิ่นม่านส่ายหน้า “ช่างเถิด ไปเจอเขาสักหน่อย ดูสิว่าเ้าฟันทอง้าจะทำอะไรกันแน่”
ครั้งที่สองที่ถูกนำทางเข้าจวนตระกูลเฉียนอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ เสิ่นม่านมีบอดี้การ์ดอย่างเยี่ยนชีมาด้วย
คราวนี้ท่าทีของเฉียนซานเจียงที่มีต่อเสิ่นม่านนั้นดีกว่าเดิมมาก ไม่เพียงให้คนรินน้ำชา แล้วยังมีของว่างให้อีกด้วย
เสิ่นม่านไม่กินและไม่พูดจา กระทั่งเฉียนซานเจียงมาถึงจึงเปิดอกพูดตามตรง “คราวนี้เ้า้าอะไรอีก?”
หนที่แล้วเฉียนซานเจียงเคยถูกเสิ่นม่านอัดไปหนึ่งรอบ ครั้งนี้จึงระมัดระวังตัวกว่าเดิม เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็มิตร
“แม่นางเสิ่น ไม่ขอปิดบัง บ้านข้าเองก็มีโรงเตี๊ยม เราอยากร่วมค้าขายกับโรงทำเต้าหู้ของเ้า พวกเ้าพอจะแบ่งขายเต้าหู้ให้เราได้หรือไม่?”
ค้าขาย? ป่วยหรือเปล่า? ทั้งที่รู้ว่าเ้าหมอนี่จับจ้องสูตรเต้าหู้ของนาง แล้วนางยังคิดจะขายให้เขาอีกหรือ?
นอกจากนี้ หากค้าขายกับตระกูลเฉียน แล้วนางเห็นตระกูลจางเป็อะไร? เอาสองคู่แข่งมาเป็คู่ค้า นางแทรกอยู่ตรงกลางจะไม่ลำบากใจตายหรือ? ชายคนนี้คิดอะไรของเขากันแน่?
เสิ่นม่านโบกมือปฏิเสธทันควัน
“ลืมไปเสียเถิด เต้าหู้ของข้าไม่ขายให้ตระกูลเฉียน พวกเ้าไปหาผู้อื่นเถิด”
นี่เป็ครั้งที่สองที่เสิ่นม่านหักหน้าเฉียนซานเจียงต่อหน้าผู้คน รอยยิ้มของเฉียนซานเจียงเริ่มจะเกร็งไว้ไม่อยู่ พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างจึงต้องอธิบายอย่างอดทน
“แม่นางเสิ่น ก่อนหน้านี้เื่ของเรากับตระกูลจางคือเื่เข้าใจผิด อีกอย่าง ข้าเองเคยสอบถามมาว่าโรงทำเต้าหู้ของเ้าค้าขายแค่กับโรงเตี๊ยมของตระกูลจาง ไม่ได้เป็สัญญาผูกขาด ในเมื่อทำการค้า เช่นนั้นเราทั้งสองตระกูลก็สามารถทำได้เช่นกัน เราสามารถจ่ายเงินมากกว่าตระกูลจาง ตระกูลเฉียนของเราไม่มีทางให้เ้าเสียเปรียบแน่”
สืบมาได้ละเอียดไม่เบา ถึงขั้นหาคนมาสอดแนมในบ้านนางแล้วไม่ใช่หรือ? ยังบอกว่าสอบถามมาอีก?
เสิ่นม่านรู้สึกขบขันและคร้านจะคุยกับคนเหล่านี้ นางจึงใช้ข้ออ้างโบ้ยอย่างเกียจคร้าน
“เื่นี้ข้าคงให้คำตอบยาก ถ้าพวกเ้า้าค้าขายกันจริงก็ลองไปเจรจากับตระกูลจางดูสิ หากนายท่านตระกูลจางยินดี ข้าเองก็ไม่มีปัญหา”
เฉียนซานเจียง “...”
เจรจาผายลมอะไรกันเล่า! จางหงเหวินไม่ชอบขี้หน้าเขาเป็ที่สุด ทั้งสองไม่เพียงเป็คู่แข่งด้านการค้า แต่อีกฝ่ายยังอยู่เหนือกว่าเขาด้วย
ผู้หญิงคนนี้จงใจทำให้เขาอับอายอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของเฉียนซานเจียงเปลี่ยนสี ไม่เหลือความอดทนที่จะเจรจาต่อ จึงสั่งให้บ่าวส่งแขก
เมื่อเสิ่นม่านและเยี่ยนชีจากไป พ่อบ้านก็กลับเข้ามาอีกครั้ง และเห็นเ้านายของตนกำลังปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่ในเรือนหลัก พร้อมกับยกน้ำชาดื่ม
เขาหวาดหวั่นและเดินขึ้นหน้าอย่างระมัดระวัง “นายท่าน เราควรทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ?”
จะทำอย่างไร? แค่สาวชาวบ้านธรรมดาคนเดียว สุราคารวะไม่ดื่ม เช่นนั้นก็ต้องดื่มสุราจับกรอก หากคิดจะสั่งสอนนาง ย่อมมีวิธีถมเถไป
เฉียนซานเจียงพ่นน้ำชาออกมา ฟันทองหลายซี่สะท้อนแสงระยิบระยับ “จะทำอย่างไรได้? ในเมื่อนางไม่รู้จักสำเหนียกตน เช่นนั้นก็ทำตามวิธีเก่าแก่ แค่โรงทำเต้าหู้เล็กๆ ข้ามีหนทางทำให้นางมิอาจอยู่ในตำบลต่อไปได้!”
พ่อบ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “แต่ทางด้านตระกูลจาง...”
เฉียนซานเจียงยกเท้าถีบยอดหน้าเขาและด่าอย่างโมโห
“ตระกูลจางจะแน่เพียงใดกันเชียว? ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้ตระกูลจางมากราบแทบเท้าข้าให้ได้!”
-----
