เสียงะโเรียกหน้าประตูของซีมู่เซิงปลุกเซวียเสี่ยวหรั่นให้ตื่นขึ้นมา
เธอขยี้ตาอย่างง่วงงุนมองไปที่หน้าต่าง ด้านนอกยังมืดอยู่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เธออ้าปากหาวก่อนหิ้วตะกร้าสองใบเมื่อคืนเดินออกไป
"ต้าเหนียงจื่อ พวกเราเตรียมออกเดินทางกันแล้ว ของที่ท่าน้าเพิ่มเติมเขียนเรียบร้อยหรือยัง" ซีมู่เซิงหน้าตาคล้ายคลึงซีต้าเฉียงยิ่งนัก หน้าเหลี่ยมตาโต เป็เด็กหนุ่มที่ร่าเริงสดใสมาก
เขาตื่นแต่เช้าตรู่ ดวงตาทอประกายมีชีวิตชีวา
เป็เด็กหนุ่มที่มีพลังงานเปี่ยมล้น ทำให้คนที่มักรู้สึกว่านอนเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่มอย่างเธอนึกอิจฉาริษยา
"เขียนเสร็จแล้ว นี่ไงล่ะ มีฉบับหนึ่งเป็เทียบยา พวกเ้าให้ร้านขายยาช่วยจัดสมุนไพรตามนี้ก็พอ" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งใบรายการให้เขา
"ต้าเหนียงจื่อ ของเหล่านี้มากอยู่เหมือนกันนะ" ซีมู่เซิงรู้จักตัวอักษรอยู่บ้าง แม้ไม่เคยเข้าเรียนในสถานศึกษา แต่บิดาเขาก็เคยสอนพวกเขาสองพี่น้องเป็การส่วนตัว
"แหะๆ ค่อนข้างเยอะอยู่ เ้าลองดูแล้วกัน หากไม่สะดวกที่จะซื้อทั้งหมดในครั้งเดียว ก็ตัดออกบ้างก็ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อย "แต่สมุนไพรนั่นต้องซื้อมาให้ได้ล่ะ"
ซีมู่เซิงพยักหน้า "ทราบแล้วขอรับ ข้าจะบอกกับท่านพ่อ ว่าแต่ต้าเหนียงจื่อจะซื้อยาในเมืองราคาอาจค่อนข้างสูง" ซีมู่เซิ่งทักท้วงเตือนสติ "เมื่อปีกลายมารดาข้าป่วยหนัก เชิญท่านหมอจากในเมืองจัดยามาให้ครึ่งเดือน จ่ายเงินไปราวห้าตำลึงเงิน แพงจนน่าเสียดาย"
เซวียเสี่ยวหรั่นผงกศีรษะเป็การบอกว่าเข้าใจ ค่ายาค่ารักษาถึงจะยุคสมัยไหนก็ไม่มีราคาถูก
"ไม่เป็ไรขอแค่ไม่เกินจากราคาหมีครึ่งตัว อย่างไรก็ต้องรบกวนพวกเ้าช่วยจัดสมุนไพรกลับมาให้ด้วย"
ซีมู่เซิงอ้าปากตาค้าง ราคาหมีครึ่งตัว? นี่ก็ออกจะมากเกินไปหน่อย
แต่พอนึกถึงมีดบินร้ายกาจของสามีนาง ก็ไม่แปลกใจ
คนที่มาจากตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ ใช้เพียงมีดบินเล่มเดียวก็สามารถล่าเหยื่อเป็สัตว์ใหญ่ได้ทุกชนิด สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล พรานป่าธรรมดาอย่างพวกเขาไม่อาจเทียบเทียมได้
"ซีมู่เซิง ในเมืองมีร้านขายเสื้อผ้าไหม?" เซวียเสี่ยวหรั่นเหมือนจะจำได้ว่า คนโบราณดูเหมือนจะตัดเย็บเสื้อผ้ากันเอง
"มีก็มีอยู่ แต่อาภรณ์ที่ตัดสำเร็จแล้วราคาแพงมาก มิหนำซ้ำยังอาจไม่พอดีตัว มิสู้ท่านซื้อผ้ามาตัดเย็บเองดีกว่า" ซีมู่เซิงแนะนำ
ทักษะความสามารถของเธอส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้สูงอายุในบ้าน คุณย่าไม่ตัดเสื้อ เธอย่อมทำไม่เป็
ซีมู่เซิงอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าสะใภ้สกุลเหลียนผู้งดงามและโอบอ้อมอารีจะไม่เป็เื่เย็บปักถักร้อย ซีมู่เซิงนึกได้ในฉับพลัน "ต้าเหนียงจื่อ ฝีมือการตัดเย็บของน้องสาวข้าดีมาก ให้นางช่วยตัดอาภรณ์ให้ท่านสักสองชุดก็ได้"
ซื้อเสื้อผ้าตัดสำเร็จทั้งราคาแพงและไม่พอดีตัว ไม่สู้ให้น้องสาวช่วยเหลือดีกว่า
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาทอประกาย "เอาสิ ข้าจะจ่ายค่าแรงให้น้องสาวเ้าด้วย รบกวนนางตัดเสื้อผ้าให้พวกเราคนละสองชุด"
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว ไม่ต้องให้เงินหรอกขอรับ" ซีมู่เซิงรีบโบกมือ เขาไม่ได้หมายความเช่นนี้
"ได้อย่างไรล่ะ ทำงานไม่เอาเงิน นั่นคือการคดโกง หากพวกเ้าไม่รับเงิน ก็ซื้อเสื้อผ้าตัดสำเร็จไปเลยดีกว่า" แต่ไรมาเซวียเสี่ยวหรั่นไม่ใช่คนที่คิดจะเอาเปรียบใครเพราะเื่เล็กน้อยแค่นี้
ซีมู่เซิงเกาศีรษะหัวเราะแหะๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นจึงปรึกษาเื่สีผ้ากับเขาต่อ เธอเลือกให้เหลียนเซวียนเป็สีดำหนึ่งชิ้นสีน้ำเงินหนึ่งชิ้น ส่วนตนเองเลือกสีเหลืองหนึ่งชิ้นสีแดงอ่อนหนึ่งชิ้น เพิ่มสีขาวอีกหนึ่งชิ้น เอาไว้สำหรับตัดชุดตัวใน ทั้งหมดล้วนเลือกเป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดอย่างดี
ส่วนความยาวก็ให้พวกเขาช่วยจัดการ ซื้อมาเยอะหน่อยได้ไม่มีปัญหา
หลังส่งซีมู่เซิงไปแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มเป็สีขาวพุงปลาอ่อนๆ เซวียเสี่ยวหรั่นหาวอีกหวอด อยากจะกลับไปนอนต่อ
แต่เหลียนเซวียนลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงแล้ว อาเหลยก็ย่องออกจากประตูห้อง
เฮ่อ ล้วนแต่เป็นกตื่นเช้ากันทั้งนั้น มีแต่เธอนี่แหละที่อยากเป็ผีี้เีสิงเตียงนอน
หลังเก็บผ้าห่มเรียบแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็ประคองเหลียนเซวียนขึ้นไปนั่งบนเตียง
"รอพวกเขากลับมาจากเมือง ข้าจะลองถามดูว่าในหมู่บ้านมีช่างไม้หรือไม่ ให้ช่างไม้ช่วยต่อไม้เท้าให้สักอัน ท่านจะได้ไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องมีคนประคอง และสามารถเดินไปได้ทุกทีด้วย"
เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวว่าจะไปโดนขาข้างที่าเ็ ยามพยุงเขาขึ้นมาจึงค่อนข้างเปลืองแรงมาก
ไม้เท้า? หมายถึงไม้เท้าหัวัที่คนแก่ใช้หรือ? เหลียนเซวียนงุนงงอยู่บ้าง แม้มันสามารถช่วยถ่ายแรง แต่ถ้าอยากเดินด้วยตนเอง ไม่น่าเป็ไปได้
"ข้าจะไปทำอาหารเช้าก่อน ท่านอย่าเดินไปไหนส่งเดชเล่า หากจะไปถ่ายเบาละก็ รอเดี๋ยวข้าจะเข้าหมู่บ้าน ไปดูซิว่าจะมีของจำพวกกระโถนบ้างหรือเปล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นพูดงึมงำขณะเดินออกจากประตู
เหลียนเซวียนไร้วาจาเอื้อนเอ่ยไปครู่ใหญ่
เมื่อคืน ข้าวสารที่พวกซีหย่วนนำมาให้มีปริมาณไม่มาก เอามาเคี่ยวเป็โจ๊ก คนสองคนกับลิงหนึ่งตัวกินได้ประมาณสองมื้อ
เซวียเสี่ยวหรั่นเอาหม้อที่พวกเขานำกลับมาด้วยไปล้างให้สะอาด หยิบข้าวสารสามกำมือใส่ในหม้อล้างรอบหนึ่ง เตรียมตั้งบนเตา
แต่กลับพบว่า หัวเตาทั้งสองใหญ่เกินไป ไม่พอดีกับหม้อใบเล็กแบบนี้
"ไอ้หยา คงต้องทำเตาเล็กสักใบเสียแล้ว หัวเตาใหญ่ขนาดนี้ใช้ไม่ถนัดมือเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นวางหม้อไว้ด้านข้าง
เดินออกไปนอกเรือน หากก้อนหินเหมาะๆ สามสี่ก้อนมาตั้งเป็เตาหิน ก่อนตั้งหม้อขึ้นไปแล้วเริ่มก่อไฟ
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยปีนจากรั้วเข้ามา
"เช้าตรู่ขนาดนี้ เ้าออกไปเล่นไหนมา" เซวียเสี่ยวหรั่นออกแรงเป่าใต้เตา ให้ไฟติดแรงขึ้น
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยนั่งยองๆ ด้านข้างแล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกมาให้เธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นเข้ามาดูใกล้ๆ "เอ๋ นี่มันลูกหม่อนนี่"
ลูกหม่อนเนื้อแน่นสีดำหลายพวงถูกมันบีบจนเละเปลี่ยนรูปร่าง กลางฝ่ามือถูกย้อมด้วยสีม่วงเป็ปื้น
"นี่ให้ข้าเหรอ?" เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้ามองเ้าตัวเล็กขนฟูด้วยสีตกตกตะลึง "อาเหลยของพวกเราน่ารักเหลือเกิน มีของอร่อยยังรู้จักเอากลับมาให้พี่สาว ขอบใจนะ อาเหลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นรับลูกหม่อนมาสองสามพวง แล้วลูบศีรษะของมันด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม
"มาสิ จะล้างหน้าให้ ดูปากกับลิ้นของเ้าสิ กลายเป็สีม่วงหมดแล้ว เ้ากินลูกหม่อนไปเท่าไรกันเนี่ย"
เซวียเสี่ยวหรั่นวางลูกหม่อนไว้ด้านข้าง หาผ้าเช็ดตัวของอาเหลยออกมา แล้วเช็ดหน้าเช็ดมือให้มัน
จากนั้นค่อยวางลูกหม่อนใส่ชาม ใช้น้ำล้าง แล้วค่อยก็หยิบใส่ปาก
"อืม หวานจริงๆ มิน่าเ้าถึงกินเยอะขนาดนั้น"
รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยยอดเยี่ยมมาก เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รังเกียจลูกหม่อนที่ถูกบีบจนเละ ทำตาพริ้มกินอย่างมีความสุข
"อาเหลย ไปเด็ดลูกหม่อนมาจากไหนน่ะ" เธอชี้ที่ลูกหม่อนก่อนชี้ไปยังทิศทางที่มันเข้ามา
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยเข้าใจ ยื่นมือชี้ไปหลังเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้น ถ้าไม่ไกล ไปเด็ดกลับมาก็ได้
ลูกหม่อนเป็ของดี มีสารอาหารบำรุงร่างกายสูง รสชาติก็อร่อยมาก ซื้อในเมืองราคาก็แพง
ขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากนอกเรือน
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมอง ซีหย่วนยกของจำนวนไม่น้อยเข้ามา
"ซีหย่วน เ้าไม่ได้เข้าเมืองหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางทักทาย
เหลียนเซวียนซึ่งอยู่เงียบๆ คอยจับสังเกตความเคลื่อนไหวภายในเรือนอยู่เม้มริมฝีปาก เ้าหนุ่มซีหย่วนผู้นี้มาเร็วไปหน่อยหรือไม่
