คุณตายิ้มพลางเอ่ย “อาหารในโรงอาหารก็อร่อยดี”
“ค่ะ โจ๊กก็รสชาติดีเหมือนกัน งั้นต่อไปคุณตาไม่ต้องเอาอาหารมาส่งให้ที่นี่แล้วนะคะ”
“ได้”
“ซื้อซาลาเปาไส้เนื้อมาด้วยหรือเปล่าครับ” เซี่ยเฉินเฟิงถามขึ้นมา
“พี่ลงไปซื้ออาหารที่โรงอาหารของโรงพยาบาลมา ร้านอาหารของรัฐยังไม่เปิด เปิดเมื่อไรพี่จะรีบไปซื้อซาลาเปาไส้เนื้อมาให้ ดีไหม” ผู้เป็พี่ตอบ
“ครับ” เฉินเฟิงตัวน้อยรับปากอย่างรู้ความ
เธอหันไปพูดกับคุณตาต่อ “คุณตาคะ คุณตายังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหมคะ งั้นก็มากินด้วยกันเถอะค่ะ หนูซื้ออาหารมาเยอะแยะเลย ถ้ากินไม่หมดคงเสียดายแย่”
เธอหยิบถ้วยมาสองใบ ตักโจ๊กใส่ลงไป แล้วยื่นให้คุณตาถ้วยหนึ่ง น้องชายถ้วยหนึ่ง จากนั้นค่อยตักให้ตัวเอง
คุณตามองโจ๊กในถ้วยอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “นี่ใช่โจ๊กที่ตาเอามาแน่เหรอ ตาจำได้ว่าโจ๊กที่ตาเอามามันแห้ง แต่โจ๊กในถ้วยนี้มันเหลว”
เธอสะดุ้งในใจ อธิบายอย่างตะกุกตะกักว่า “ตอนไปอุ่น หนูเห็นมันแห้งก็เลยใส่น้ำร้อนลงไปเพิ่มน่ะค่ะ”
คุณตาพยักหน้า เชื่อที่หลานสาวบอกโดยไม่สงสัย “ใช่ ถ้าใส่น้ำร้อนลงไปโจ๊กก็จะเหลวขึ้น”
เซี่ยโม่มีสีหน้าหวาดระแวง เื่นี้จะให้คุณตารู้ไม่ได้เด็ดขาด หากรู้ว่าโจ๊กในหม้อไม่ใช่อันเดียวกับที่คุณตาเอามา คุณตาจะต้องเสียใจมากแน่
หลังรับประทานเสร็จ เธอเก็บถ้วยและตะเกียบ กำลังจะนำไปล้างที่ห้องน้ำ ทว่าหวางเมิ่งเมิ่งกลับเข้ามาในห้องเสียก่อน ด้านหลังตามมาด้วยผู้ชายรูปร่างใหญ่โตกำยำหน้าตาน่ากลัวอีกสามสี่คน
หวางเมิ่งเมิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงยโสอวดดี “พี่ใหญ่ พี่รอง นังนี่แหละที่ถีบฉัน นังนี่มันเลวมาก!”
เธอมองผู้ชายที่หวางเมิ่งเมิ่งเรียกว่าพี่ใหญ่พี่รอง สองคนนั้นเป็ผู้ชายตัวใหญ่อายุประมาณสามสิบกว่าปี หน้าตาไม่คล้ายกับหวางเมิ่งเมิ่งสักนิด เธอจึงเดาว่าน่าจะเป็พี่ทางฝั่งสามีของอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้ตอนไม่มีพรรคพวก หวางเมิ่งเมิ่งทำเป็หลบ ตอนนี้พอมีคนหนุนหลัง ทำเป็เก่งกล้าขึ้นมาทันที
เธอบ่นอยู่ในใจ เมื่อครู่ต้องหาวิธีแทบตายเพื่อไม่ให้คุณตารู้ว่าโจ๊กที่เอามาหกลงพื้นจนไม่เหลือแล้ว เพราะกลัวคุณตาจะเสียใจ เธออุตส่าห์ไม่เอาเื่แล้วเชียว หากอีกฝ่ายกลับพาคนจะมาเล่นงานเธอ ดูท่าเื่นี้ไม่จบง่ายๆ แน่
เซี่ยโม่พยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
“พวกคุณคิดจะทำอะไร คิดจะทำร้ายฉันงั้นเหรอ เลือกผิดที่แล้วละ ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนบุกเข้ามาจะทำร้ายคนไข้!”
เสียงของเซี่ยโม่ไม่ใช่เบา พยาบาลและหมอที่อยู่แถวนั้นต่างกรูกันเข้ามาห้อง
พอกลุ่มหมอและพยาบาลเข้ามา ก็เห็นผู้ชายสองสามคนกำลังพับแขนเสื้อตั้งท่าจะทำร้ายคน
หมอคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “พวกคุณจะทำอะไร ที่นี่คือโรงพยาบาล จะมาทำร้ายคนที่นี่ไม่ได้นะ”
หวางเมิ่งเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงโอหังถือดี “นังเด็กนี่มันสาดน้ำร้อนใส่ฉัน ฉันก็เลยกำลังทวงค่ารักษากับมันอยู่ หากไม่จ่ายค่ารักษาให้ฉัน ฉันไม่ยอมแน่”
เซี่ยโม่ไม่สามารถพูดเื่โจ๊กได้ จึงได้แต่ต้องยอมรับเื่นี้ “คุณเดินไม่มั่นคงเองต่างหาก คิดจะยื่นมือมาจับตัวฉันเป็หลักยึด ฝันไปเถอะ”
หมอจำเซี่ยโม่ได้ เลยนึกว่าที่พูดมาคือเื่จริง จึงขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “หากพวกคุณไม่ใช่ญาติของผู้ป่วยในห้องนี้ก็ออกไปให้หมด พวกเรากำลังจะตรวจอาการคนไข้ มีอะไรก็ไปคุยกันข้างนอก อย่ามารบกวนคนไข้”
หมอและพยาบาลคนอื่นต่างพยักหน้าด้วยสีหน้าขึงขัง
หวางเมิ่งเมิ่งกับพรรคพวกเห็นหมอและพยาบาลอย่างไรก็ไม่ยอมให้เล่นงานเซี่ยโม่ จึงทำได้แค่ออกจากห้องไปอย่างจนปัญญา
หลังจากหมอตรวจอาการคนไข้เสร็จ พยาบาลก็เจาะเข็มให้น้ำเกลือแก่คนไข้ในห้อง
ครั้นเห็นหมอและพยาบาลออกจากห้องไปหมดแล้ว คุณตาค่อยเอ่ยถามหลานสาว “โม่โม่ คนพวกนั้นเป็ใคร”
เซี่ยโม่เล่าความจริงออกไป “ผู้หญิงรูปร่างท้วมคนนั้นเป็น้องสาวของแม่เลี้ยงชื่อหวางเมิ่งเมิ่ง เธอดูแลผู้ป่วยอยู่ที่นี่ ส่วนผู้ชายที่มาด้วยน่าจะเป็พี่น้องของสามีเธอ เธอเคยไปที่บ้านตระกูลเซี่ยหลายครั้ง หวางลี่ลี่น่าจะพูดถึงหนูในแง่ไม่ดีให้เธอฟัง เธอเลยเรียกผู้ชายกลุ่มนั้นมาจะทำร้ายหนู”
“หลังจากนี้หลานต้องระวังตัวให้ดี หากไม่จำเป็ก็อย่าออกไปนอกโรงพยาบาล”
“คุณตาวางใจเถอะค่ะ หนูจะระวังตัว”
ด้วยความกลัวว่าคนพวกนั้นจะกลับมาอีก เซี่ยโม่เลยบอกให้คุณตารีบกลับบ้าน “คุณตารีบกลับบ้านเถอะค่ะ คุณยายเพิ่งจะโรคหัวใจกำเริบ อยู่ที่บ้านคนเดียวไม่ปลอดภัย อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็มาแล้ว คุณตาไม่ต้องเป็ห่วงเราสองพี่น้องหรอกค่ะ”
คุณตาครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “งั้นตากลับบ้านก่อนนะ มีอะไรก็ส่งข่าวไปบอกตาได้”
“ทราบแล้วค่ะ!” เซี่ยโม่ส่งถุงผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้แก่คุณตา ก่อนจะเดินไปส่งที่หน้าโรงพยาบาล
“โม่โม่ หลานรีบเข้าไปเถอะ เฉินเฟิงอยู่คนเดียว ตากลัวว่าพวกนั้นจะย้อนกลับมา หากเป็ไปได้่นี้หลานก็อย่าออกจากห้องพักผู้ป่วยไปไหนล่ะ”
“คุณตาวางใจเถอะค่ะ รีบกลับไปได้แล้วค่ะ”
คุณตาเพิ่งจะกลับไปได้ไม่นาน คุณปู่จ้าวก็มาถึงโรงพยาบาล ทั้งยังถือถุงกระดาษซึ่งมีกลิ่นหอมลอยโชยออกมาติดมือมาด้วย
คุณปู่จ้าวโบกถุงกระดาษไปตรงหน้าเฉินเฟิง “เฉินเฟิง ทายสิว่าฉันซื้ออะไรมาฝาก”
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะตอบ “ซาลาเปาไส้เนื้อจากร้านอาหารของรัฐ!”
“ถูกต้อง เดี๋ยวให้พี่สาวเช็ดมือให้ก่อนนะ แล้วค่อยมาลองชิมดูว่ารสชาติเป็ยังไง”
“ครับ” ใบหน้าเซี่ยเฉินเฟิงประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจ
เซี่ยโม่หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือให้น้องชาย เสร็จเรียบร้อยเซี่ยเฉินเฟิงถึงค่อยหยิบซาลาเปาใส่ปาก
ส่วนเธอพาอาจารย์ไปคุยตรงทางเดิน เล่าเื่พิพาทกับหวางเมิ่งเมิ่งให้ฟังอย่างละเอียด ทั้งยังเล่าเื่ที่อีกฝ่ายบอกว่าจะแก้แค้นให้ฟังด้วย
“อาจารย์คะ ที่ฉันเล่าให้ฟังอย่างละเอียดก็เพราะว่าอีกเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก เผื่อพวกนั้นกลับมาอาจารย์จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้รับมือได้ ฉันอยากจะไปที่โรงพักเพื่อถามเื่พวกหวางหมาจื่อสักหน่อย”
“ได้ เธอไปเถอะ ที่นี่มีฉันอยู่ คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน เธอไม่ต้องห่วง เฉินเฟิงปลอดภัยแน่ เธอรีบไปรีบกลับล่ะ แล้วระหว่างทางก็ระวังตัวด้วย”
“ค่ะ”
ฝากฝังเรียบร้อยเธอจึงเดินออกจากโรงพยาบาลตรงไปที่โรงพัก
ทันใดนั้นเอง เซี่ยโม่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนจากทางด้านหลัง พอหันกลับไปมอง เธอเห็นผู้ชายสามสี่คนทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างหลัง เป็พวกเดียวกับที่ไปหาเื่เธอในห้องพักผู้ป่วยเมื่อเช้านี้
เธอกลัวจนเหงื่อไหลซึมเต็มแผ่นหลัง ขณะที่อีกใจนึกดีใจที่คนพวกนี้ไม่เปลี่ยนไปเล่นงานคุณตา สงสัยเพราะนึกว่าคุณตาเป็ญาติของผู้ป่วยเตียงอื่น
ในเมื่อมาหาเื่กันถึงที่ เช่นนั้นเธอก็จะให้พวกนี้ได้ลิ้มรสชาติของกระบองไฟฟ้า
เซี่ยโม่เดินต่อไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้คนพวกนั้นสงสัย ทางที่เธอใช้เดินเป็ทางหลัก มีผู้คนสัญจรมากมาย ไม่สะดวกที่จะลงมือ เธอจึงจงใจเปลี่ยนไปใช้ทางเดินสายเล็กๆ แทน
กลุ่มชายหนุ่มนึกยินดีอยู่ในใจ เด็กสาวข้างหน้ายังไม่รู้ตัวว่าถูกพวกเขาสะกดรอยตาม
พวกเขาเร่งฝีเท้าเพื่อตามเด็กสาวให้ทัน
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว หนึ่งในนี้ส่งสัญญาณทางสายตาให้แก่พวกของตัวเอง ก่อนจะยื่นมือไปดึงคอเสื้อเด็กสาว
ทว่าทันใดนั้นเอง อีกฝ่ายหันหลังกลับมาพร้อมกับกระบองในมือ
กระบองฟาดลงมาที่แขน เขารู้สึกเหมือนถูกตัวอะไรกัดแขนไม่มีผิด ร่างกายครึ่งซีกชาและไร้ความรู้สึก
เขายืนนิ่งอย่างโง่งม
พรรคพวกที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนั้นพุ่งเข้าใส่เด็กสาวทันที หากถูกเซี่ยโม่ใช้กระบองไฟฟ้าฟาดใส่อย่างแรง
ทั้งหมดต่างลงไปนอนร้องโอดโอยบนพื้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
เซี่ยโม่มองชายหนุ่มกลุ่มนี้ด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนจะหมุนตัววิ่งจากไป
พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคนจึงหยุดวิ่ง เอากระบองไฟฟ้าเก็บใส่ในโกดังสินค้า จากนั้นเดินไปที่สถานีตำรวจต่อ เมื่อไปถึงเธอเอ่ยถามตำรวจนายหนึ่งซึ่งพอคุ้นหน้าคุ้นตา “คุณลุงตำรวจคะ พวกหวางหมาจื่อถูกจับหรือยังคะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้