ทั้งสองออกจากห้องหนังสือด้วยกันและมุ่งหน้าไปยังห้องโถง ระหว่างทางสายตาของอวิ๋นอี้ได้มองลงไปที่เบื้องล่างของเขาอย่างมิได้ตั้งใจ
นางจำได้ว่ามันตั้งตระหง่านอยู่ ใน่เวลาสั้นๆ ได้ลงไปหมดแล้วหรือ?
เคยได้ยินมาว่าหากบุรุษฝืนทน เป็ไปได้มากว่ามันจะไม่ผงาดขึ้น
จบแล้ว
หรงซิวเพิ่งกลับมาเป็ชายอีกครา หากมันใช้การมิได้ขึ้นมาอีก คงจะเป็สิ่งที่โจมตีชีวิตเขาหนักมาก
คิดไปคิดมา แววตาของนางพลันเปลี่ยนไปเป็เห็นอกเห็นใจขึ้นมา
หรงซิวทนสายตานางไปตลอดทาง จนกระทั่งทนไม่ไหวกับเสียงหายใจหอบของนาง เห็นว่ามิมีผู้ใดอยู่รอบๆ พลันดันนางไปติดเสา ไม่ว่านางจะ้าหรือไม่ เขาก็กัดเข้าให้เสียแล้ว
"อู้ อู้..."
เขาจู่โจมฉับพลัน อวิ๋นอี้ไม่ทันตั้งตัว โดนกัดไปหลายที โกรธฟึดฟัดกว่าจะได้ผละตัวออกจากกัน
นางขมวดคิ้ว ถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ฝ่าา! ทำกระไรเพคะ!”
“เ้าจ้องเป้าข้ามาตลอดทาง มิได้เพื่อการนี้หรือ?”
“พูดไร้สาระ!” อวิ๋นอี้คิดมิถึงเลยว่านางจะถูกจับได้ แก้มกลายเป็สีแดงทันใด ทว่ายังไม่ยอมรับ "ข้า...ข้ามิได้มีความชอบเยี่ยงนั้นสักหน่อย! ผู้ใดจ้องฝ่าาผู้ใดเป็..."
"เป็คนวิปริต!"
“ฮึ่ม! วิปริตก็วิปริต!” อวิ๋นอี้ผลักเขาออกไป แล้ววิ่งหนีไปอย่างเร่งรีบ
หน้านางบางไปหมด นั่งทานข้าวเย็นก็นั่งห่างจากหรงซิวอยู่ไกลๆ แม้จะถูกหรงซิวจ้องเขม็งหลายครา กลับไม่ยอมไปนั่งข้างกายเขา เขาทำเป็ยิ้มแล้วขยับเข้ามาใกล้
ช่างเป็มื้ออาหารที่น่าอับอาย
อวิ๋นอี้เดินกลับไปที่ห้องหลังจากทานอาหารเสร็จ คิดว่าหรงซิวจะตามมา ผู้ใดจะรู้ว่าจู่ๆ ในวังพลันมีเื่เรียกเขาเข้าไป นางมีความสุขมากทั้งผ่อนคลาย เรียกเซียงเหอเข้ามาเพื่อเตรียมชุดเต้นรำ
นางตัดสินใจทำตามคำแนะนำของหมีอิน เต้นละตินที่นางถนัดที่สุด
อวิ๋นอี้วาดชุดละตินออกมาอย่างง่ายๆ ให้เซียงเหอนำไปสั่งทำที่ร้านตัดเสื้อ เซียงเหอมองดูอยู่หลายครา ก็รู้สึกว่ามันแปลก "พระชายา ชุดนี้ใส่ได้หรือเพคะ?"
“แน่นอนสิ!" อวิ๋นอี้ยิ้ม "ใส่แล้วยังเย้ายวนมากอีกด้วย!"
นางพูดแล้ววางการออกแบบชุดไว้ตรงหน้า มองดูอย่างละเอียด กังวลว่าช่างตัดเสื้อจะไม่เข้าใจความคิดของนาง จึงตัดสินใจไปเองพรุ่งนี้
ปกติอวิ๋นอี้จะี้เีมาก ทว่าเมื่อตัดสินใจจะทำกระไรแล้ว พูดถึงลมฝนก็มาทันใด
เมื่อตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น นางพลันรีบไปร้านตัดเสื้อ
จ่างกุ้ยร้านตัดเสื้อเห็นนาง คิดว่านางมาเพื่อคิดบัญชี หลังจากทักทายอย่างสุภาพ เขาก็เชิญนางขึ้นไปบนห้อง้า อวิ๋นอี้โบกมือปัดแล้วบอกเหตุผลที่มา
เมื่อรู้ว่านาง้าพบช่างตัดเสื้อ จ่างกุ้ยคิดว่าเื่เล็กน้อยจึงเชิญนางขึ้นไปดื่มชาที่้าก่อน หลังจากนั้นไม่นาน สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินบิดเอวเข้ามา
อวิ๋นอี้ส่งแบบร่างให้ช่างตัดเสื้อและอธิบายความ้าของนางสั้นๆ นางถามช่างตัดเสื้อว่ามีสิ่งใดที่นางไม่เข้าใจในภาพออกแบบหรือไม่
ที่ไหนได้ช่างตัดเสื้อเป็ผู้ที่เก่งกาจมาก เมื่อเห็นภาพการออกแบบ มิเพียงให้คำแนะนำที่ไม่เหมือนผู้ใด ทั้งยังมีความเข้าใจซึ่งกันและกันกับนาง คิดว่านางเป็อัจฉริยะเื่การออกแบบ
อัจฉริยะกระไรนั่น อวิ๋นอี้มิกล้าเป็หรอก
นางยิ้มแล้วปัดมือ เมื่อได้พูดคุยกับช่างตัดเสื้อแล้ว นางพลันตกลงวันที่มารับชุดและออกจากร้านตัดเสื้อไป
เมื่อจัดการเื่เครื่องแต่งกายได้แล้ว ก็มาถึงการเต้นรำและเพลงประกอบ
นางชอบการเต้น นางจึงทำได้ตามใจ นอกจากนี้อวิ๋นอี้ยังเก่งมากด้วย ไม่ว่าจะเต้น่ใดก็มั่นใจมาก
มีเพียงแค่บทเพลงประกอบเท่านั้น ที่นางค่อนข้างคิดไม่ตก
หรงซิวเคยบอกว่าจะทำดนตรีให้นาง ทว่าทั้งสองคนทำเอาเขินอายั้แ่เมื่อวาน นางจะต้องแบกหน้าหนาไปหาเขาหรือ?
อวิ๋นอี้ยังตัดสินใจมิได้ หรงซิวก็เข้ามาหานางแล้ว
คืนนั้น นางซ้อมเต้นในห้องโดยสวมชุดชั้นใน หรงซิวที่ยุ่งมาทั้งวัน ค่อยๆ ผลักประตูเข้ามา
กลางคืนนั้นเงียบมาก แม้จะเป็การเคลื่อนไหวเล็กๆ ก็สามารถได้ยินได้ อวิ๋นอี้เหลือบไปด้านข้าง ทำให้บุรุษที่อยู่ที่ประตู ชะงักไปเล็กน้อย
อาจจะเพราะว่านางยังมิได้ถอนตัวจากการเต้น ร่างกายของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและมีเสน่ห์ แม้แต่ดวงตาที่ชัดเจน แววตาที่สบายๆ เ่าั้ก็ดูเย้ายวน
หรงซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงสองสามครา
อวิ๋นอี้ไม่ทันได้สังเกตเห็น เมื่อเห็นว่าเป็เขา ก็ละสายตาออกซ้อมเต้นต่อไปแล้วเสียงก็ค่อยๆ ดังออกมา "กลับมาแล้วหรือเพคะ?"
“กำลังเต้นหรือ?" หลังจากที่หรงซิวเข้ามา เขาก็ปิดประตู
อากาศร้อนอย่างอธิบายไม่ถูกในเดือนห้า เขาถอดเสื้อคลุมออก นั่งบนเก้าอี้แล้วดูการเคลื่อนไหวของนาง
“เพคะ ใช่สิ ฝ่าา ฝ่าามิได้บอกว่าจะทำดนตรีให้ข้าหรอกหรือ?” อวิ๋นอี้พูดขึ้น หันหน้าเข้าหาเขาแล้วยิ้มเ้าเล่ห์ “ยังรักษาคำพูดอยู่หรือไม่เพคะ?”
"แน่นอนสิ" หรงซิวพยักหน้า "ข้ารักษาคำพูดเป็ธรรมดา ข้ายังบอกอีกด้วยว่า รอให้สิ่งนั้นของเ้าไปแล้ว ข้าจะคิดทั้งต้นทั้งดอกกับเ้า เ้ายังจำได้หรือไม่?"
"......" นางจำได้อยู่แล้วน่ะสิ ทว่านางมิอยากจะเริ่มขุดหลุมฝังตนเองเลยแกล้งทำเป็มิได้ยินประโยคหลังของเขา ถามต่อว่า “เช่นนั้นฝ่าาทำเพลงที่สนุกสนานหน่อยนะเพคะ การเต้นของข้าต้องใช้ท่วงทำนองที่รวดเร็วมีชีวิตชีวา"
"ข้าจะเล่นให้ฟังสักสองสามบทเพลง"
"ดีเพคะ"
ทันใดทั้งสองก็จริงจังขึ้นมาก มีท่าทีราวกับทำงานจริงจัง
หรงซิวทำตามคำขอของอวิ๋นอี้ เล่นเพลงทั้งหมดหกเพลง อวิ๋นอี้ตั้งใจฟังมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็หยุดเต้นและจดจ่อกับการเลือกเพลง
ทั้งหกบทเพลงมีแนวที่ไม่เหมือนกัน ทว่าบทเพลงที่ดูมีชีวิตชีวานั้นอวิ๋นอี้เลือกเพลงที่สาม เพราะสามารถเข้ากับจังหวะการเต้นได้
หลังจากนั้นให้หรงซิวเป่าเพลงอีกครา จึงตัดสินใจเลือกได้แล้ว
หลังจากเลือกดนตรีกับการเต้นเสร็จแล้ว แม้แต่เครื่องแต่งกายก็มีแล้ว อวิ๋นอี้โล่งอกได้เสียที นางพูดกับหรงซิวว่า "เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ก่อนการแสดงความสามารถ หากฝ่าามีเวลา ทำงานเสร็จแล้ว่บ่ายมาซ้อมกับข้านะเพคะ”
ราวกับกังวลว่าหรงซิวจะไม่เห็นด้วย นางพลันพูดเสริมให้ตนเองว่า "องค์ชาย ข้าขยันขันแข็งเช่นนี้มิใช่เพื่อตนเอง ทว่าเพราะมิอยากให้ฝ่าาขายหน้านะเพคะ ดังนั้น..."
"ดังนั้นข้าต้องหาเวลามาซ้อมกับเ้า"
"ดีมากเพคะ!" อวิ๋นอี้เยินยอเขา ตบไหล่เขา "วันนี้พอเท่านี้เถิดเพคะ พรุ่งนี้มาเร็วๆ นะเพคะ!"
“จะนอนแล้วหรือ?” เห็นท่าทีของนาง หรงซิวพลันยืนขึ้นตามนางไปอย่างใกล้ชิด “ญาติ [1] เ้าไปหรือยัง?”
“…...” อวิ๋นอี้หันกลับมาอย่างหมดคำพูด สองคนนั้นยืนชิดกันจนแทบจะจูบกัน นางก้าวถอยหลังอย่างเขินๆ และส่ายหัว "ยังเพคะ"
คำตอบเป็ไปตามคาด หรงซิวท่าทีสงบนิ่งมาก เขาเลิกคิ้วและยิ้มชั่วร้ายเล็กน้อย "ได้ ข้าจะรอ"
วันเวลาต่อมาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นอี้ฝึกเต้นทั้งวันทั้งคืน ในเมื่อทำแล้วนางจะทำให้เต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น นางจะอดกลั้น วางแผนจะแก้แค้นซูเมี่ยวเออร์ในวัง
พระชายาเก้ากู่ซือฝานมาหานางสองครา ทว่าอวิ๋นอี้มิมีเวลาใส่ใจนาง จึงทำได้เพียงขอโทษอย่างสุภาพ บอกว่าหลังจาก่เวลาอันตึงเครียดนี้ ทั้งสองค่อยไปเล่นสนุกกัน
เมื่อคิดได้ถึงสถานการณ์ของนาง กู่ซือฝานพลันตอบรับอย่างเข้าใจ
ไม่ทันได้รู้ตัว วันที่ทูตของเป่ยิมาเยี่ยมก็มาถึง
เชิงอรรถ
[1] ญาติ 亲戚 การเรียกรอบเดือนของคนจีนจะใช้คำว่า 大姨妈 แปลตรงตัวคือป้า ซึ่งเป็ญาติในครอบครัว ดังนั้นการพูดถึง “ญาติ” ในบริบทนี้หมายถึงรอบเดือนของสตรี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้