“ได้” เจาเยี่ยตอบรับ โน้มกายและกระจายน้ำหนักเพียงเล็กน้อยไปยังร่างของกู้หลานอันแต่กู้หลานอันยังไม่ทันรู้สึกถึงน้ำหนักของเขา เขาก็ยืดตัวขึ้นหันศีรษะมองไปทางด้านหลัง
“ทำไมเหรอ? ” กู้หลานอันที่สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวของเขาถามขึ้น
“ไม่มีอะไร” เจาเยี่ยหันกลับมาก้าวห่างออกจากกู้หลานอันหนึ่งก้าวอย่างเงียบกริบ
หลังเจาเยี่ยปลดชุดนักแสดงออกจากตัวและแต่งตัวออกมาแล้วเหวินเซินเท่อที่ไปหาจางเจียอี้เพื่อตรวจสอบเื่การาเ็ของเจาเยี่ยพาจางเจียอี้กลับมาพอดี
“ไม่เป็อะไรใช่ไหม? ” จางเจียอี้ถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็ไร”
“ไม่เป็อะไรได้ยังไง? ” เจาเยี่ยกับกู้หลานอันเปิดปากพูดพร้อมกัน “ถ้าคุณโดนก้อนหินที่ก้อนใหญ่ขนาดนั้นตกลงมาจากสถานที่ที่สูงขนาดนั้นกระแทกเข้าให้คุณคิดว่าจะเป็อะไรไหม? ”
“อย่าโวยวายเลย แม้ว่าก้อนหินนั่นจะใหญ่แต่ว่าน้ำหนักไม่ได้หนักกว่าก้อนหินขนาดทั่วไปขนาดนั้น น่าจะประมาณหนึ่งส่วนสาม” เจาเยี่ยพูดอธิบาย
“ทำไมถึงเป็แบบนี้? ” จางเจียอี้ครุ่นคิดอย่างหนักคิดอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่สามารถคิดหาเหตุผลมาได้ “ก่อนถ่ายทำฉันขอให้ผู้ช่วยฯช่วยตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมดไปแล้วจริงๆสถานะของกลุ่มนักแสดงก็ตรวจสอบเรียบร้อย ทำไมยังเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นอีกเมื่อสักครู่หลังจากที่เหวินเซินเท่อเล่าเื่ที่นายได้รับาเ็ฉันก็รีบส่งคนไปตรวจสอบ แต่หินก้อนนั้นก็หายไปแล้ว ใครที่สามารถทำเื่แบบนี้ได้อย่างเงียบกริบแสดงว่าคนคนนั้นต้องเป็คนใหญ่คนโตเจาเยี่ยนายลองนึกดูสิว่า่นี้นายไปทำให้ใครขุ่นเคืองรึเปล่า? ”
“ไม่มี” เจาเยี่ยตอบ
“งั้นก็ยิ่งแปลก ดูจากลักษณะ เหมือนแค่อยากให้บทเรียนกับนาย” จางเจียอี้กล่าว
หลังจากได้ฟังจางเจียอี้พูด เหวินเซินเท่อครุ่นคิดอยู่สักพัก จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า “จะว่าไปั้แ่ผมเริ่มดูแลเจาเยี่ยมา การถ่ายทำก่อนหน้านี้มักจะเกิดเื่อุปกรณ์ประกอบฉากปลอมกลายเป็ของจริงอยู่บ่อยครั้งแต่เป็เพราะว่าตอนนั้นก็เกิดเื่แบบนี้กับคนอื่นด้วย ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจเป็พิเศษ
“ถ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าคนคนนี้ต้องทำความผิดเป็นิสัย ให้ฉันแจ้งตำรวจไหมให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ จะได้จับมือมืดที่แอบอยู่หลังม่านไม่งั้นอาจจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้นอีกในภายหลังก็ได้ใครจะรู้” จางเจียอี้แนะนำ
“ไม่ต้อง แจ้งตำรวจด้วยเื่แบบนี้สักพักคดีก็อาจจะเงียบหายไปเดี๋ยวคืนนี้ผมจะให้คนไปตามสืบเอง ถ้าคุณอยากจะช่วยจริงครั้งหน้าช่วยรอบคอบและระมัดระวังให้มากกว่านี้หน่อยอย่าให้เขาเกิดอุบัติเหตุอะไรอีก” กู้หลานอันกล่าว
“แน่นอน ครั้งนี้ความผิดฉันเอง” จางเจียอี้กล่าวขอโทษ “เจาเยี่ย ต้องขอโทษจริงๆ ”
“ไม่ต้องคิดมาก แค่าเ็เล็กน้อย กู้หลานอันมักพูดจาแบบนี้อยู่แล้วคุณอย่าถือสาเลยนะ” เจาเยี่ยกล่าว
“ผู้กำกับจางไม่ถือสาหรอก ถ้าไม่พูดถึงว่าเขาเป็คนใจกว้างคนหนึ่งก็พูดถึงเื่นี้เขาเป็คนผิดั้แ่แรกอยู่แล้วเขาก็ต้องส่งเสริมแผนการซุ่มโจมตีของผมสิ” จางเจียอี้ยังไม่ทันได้พูดก็ถูกคำพูดของกู้หลานอันดักทางไว้จนหมดสิ้น ยังไม่ทันได้คิดเรียบเรียงถ้อยคำก็ได้ยินกู้หลานอันพูดขึ้นมาอีกว่า “เอาล่ะเจาเยี่ยอย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ” พูดจบก็ดึงเจาเยี่ยไว้แล้วเดินออกไปเลย
จางเจียอี้: เป็ผู้กำกับคนหนึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับฉัน (•̥́ˍ •̀ू)
เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว กู้หลานอันหันกลับไปมองเหวินเซินเท่อหลี่เสียวเหม่ยและหวังเว่ยที่เดินตามมาและด้วยท่าทางจริงจังว่า “พวกนายตามกันมาทำไม? งานเลี้ยงเริ่มตอนหนึ่งทุ่มคืนนี้ยังไม่รีบกลับไปเอาชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงมาอีก”
เหวินเซินเท่อ หลี่เสียวเหม่ย หวังเว่ย: ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็นกว่าเอง…
“ไปเถอะ เอาชุดสูทสีดำมาให้ฉันสักชุดก็พอ” เจาเยี่ยพูด
“ได้เลย เสื้อผ้าเดี๋ยวฉันไปเอาคนเดียวก็พอ ให้เสียวเหม่ยติดตามนายดีกว่ามีเื่อะไรขึ้นมาก็จะได้เรียกใช้ได้” เหวินเซินเท่อกล่าว
“ติดตามไปทำไม? นายอยากตามไปสะดุดตาคนหรือว่ากลัวว่าฉันจะดูแลเจาเยี่ยไม่ได้? ” กู้หลานอันไม่พอใจสุดๆ “ถึงจะคิดว่าฉันดูแลไม่ได้แต่ฉันก็มีคนขับรถนะเกิดเหตุอะไรขึ้นมาก็เรียกคนขับรถได้”
“ไม่ต้องตามไปหรอก ทางนี้คงไม่มีอะไรมาก” เจาเยี่ยมองกู้หลานอันที่ดูดื้อดึงด้วยความแปลกใจแวบหนึ่งแล้วตอบ
“ได้ งั้นพวกเรากลับก่อนแล้วกัน”
มองพวกเหวินเซินเท่อจากไป กู้หลานอันก้มหน้ายิ้มมุมปากเงยหน้ามองหน้าเจาเยี่ยด้วยรอยยิ้มหวานดุจดอกไม้ “ไปกันเถอะไปโรงพยาบาลกัน”
เจาเยี่ย: จู่ๆ ก็เป็อะไรอีกเนี่ย โรคจิตเภทนี่น่ากลัวมากจริงๆ
กู้หลานอัน: ในที่สุดก็มีโอกาสได้อยู่กับภรรยาแล้ว ไคเซิน✧* [1]
ชิวซานตั้งอยู่เขตบริเวณรอบๆ ของเมืองใหญ่ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมานี้จะได้รับความสนใจมากมายและทำกำไรได้มากพอเนื่องจากถูกใช้เป็สถานที่ถ่ายทำอยู่บ่อยครั้งจำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ก็เพิ่มมากขึ้น สภาพต่างๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากแต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่ในบางสถานที่ เช่นโรงพยาบาลที่นี่มีแค่โรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีสภาพที่ไม่นับว่าเป็โรงพยาบาลขนาดกลางอีกอย่างหมอก็ไม่มีความรับผิดชอบหลังจากเจาเยี่ยเข้าห้องไปแค่เหลือบตามองาแเขาแวบเดียวและหยิบทิงเจอร์มาให้ขวดเดียวก็ถือว่าจบเื่แล้ว
“แค่ทิงเจอร์ขวดเดียวก็พอแล้วเหรอ? คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องสั่งยาอย่างอื่นเพิ่มอีก? ” กู้หลานอันมองหมอที่ท่าทางดูเฉื่อยเนือยถือขวดทิงเจอร์อย่างไม่วางใจแล้วถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“แน่ใจ” หมอคนนั้นตอบอย่างหมดความอดทน “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณสามารถไปตรวจสอบบนอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็ไปตรวจที่อื่นดูก็ได้ อย่ามาเตะถ่วงให้ผมเสียการเสียงานข้างหลังยังมีนักแสดงรอตรวจอยู่อีกกลุ่มใหญ่เลย”
“อืม ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ผมแค่เห็นว่าาแเขาน่ากลัวมากดังนั้นก็เลยถามเยอะไปบ้าง” กู้หลานอันเกาหัวแกรกๆหลังจากนั้นก็ยิ้มให้เจาเยี่ย ประคองเขาและหยิบใบสั่งยาแล้วออกจากห้อง
“ประสาท! ถ้าทุกคนถามหมอซ้ำแบบนี้ทุกครั้ง หมอไม่ปวดหัวตายเลยเหรอ” มองเจาเยี่ยกับกู้หลานอันออกจากห้องไปแล้ว หมอก็สบถออกมา เขาพักอยู่สักพักใหญ่ก็ะโออกไปนอกห้องว่า “คนต่อไป”
“หมอเป็อะไรทำไมดูโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขนาดนั้น? ” ยังไม่เห็นหน้าหมอแต่ก็รับรู้ถึงน้ำเสียงได้ เมื่อหมอได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดขึ้นกว่าเดิมมองใบวินิจฉัยโรคแล้วถามด้วยเสียงไม่พอใจว่า “หวังหมานายมาทำไม มายืมเงินอีกแล้วเหรอ? ”
“ไม่ใช่ ผมมาคืนเงินต่างหาก” หวังหมาที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามหมอตอบ
“คืนเงิน? นายกำลังพูดเื่ตลกอยู่ใช่รึเปล่า?” หมอหัวเราะเยาะเย้ยเมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาพูด แถมยังอยากถากถางเขาเพิ่มอีก แต่ก็เห็นหวังหมาควักเงินปึกหนึ่งโยนลงบนโต๊ะเขาก็ปิดปากเงียบทันที นำเงินมากอดไว้ในอ้อมอกแล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “นายไปเอาเงินมาจากไหนเยอะขนาดนี้? นายไปปล้นใครหรือปล้นธนาคารมารึเปล่า? ”
“นายอย่าพูดเหมือนฉันสกปรกโสมมขนาดนั้นได้รึเปล่า? หวังหมาคนนี้เหมือนคนที่สามารถปล้นคนหรือปล้นธนาคารได้เหรอ? ” หวังหมาแย้งเขาอย่างไม่พอใจขยับเข้าไปติดขอบโต๊ะแล้วพูดว่า “เงินปึกนี้เป็เงินที่ฉันหาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง”
“น้ำพักน้ำแรงของนาย? ” หมอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเบื่อหน่าย
“แน่นอน ถึงแม้ฉันจะี้เี แต่ว่าฉันก็ชอบทำงานสอดคล้องกับความเป็จริงเงินปึกนี้น่ะฉันได้มาจากการรับงานพิเศษ” หวังหมากล่าว
“รับงาน นายรับงานอะไร? ทำไมทำเงินได้ขนาดนั้น? ” หมอถามด้วยความประหลาดใจ
“ตามสืบคนเหมือนกับนักสืบเอกชนนั่นแหละ” หวังหมาตอบเรียบร้อยแล้วก็พูดขึ้นมาอีกว่า “พูดถึงเื่นี้ ฉันมีเื่จะถามหมอ”
“เื่อะไร? พูดมาเลย”
“สองคนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสักครู่ดูจากลักษณะท่าทางแล้วมีความสนิทสนมใกล้ชิดกันเป็พิเศษไหม? ” หวังหมาถาม
“ก็ไม่ถึงกับสนิทสนม แต่ดูจากในส่วนของท่าทางที่เขามองคนป่วยน่าจะเป็เพราะว่าห่วงเขามาก นายถามถึงเื่นี้ทำไม? คนที่นายกำลังตามสืบคือพวกเขาเหรอ? ” หมอถาม
“ก็ไม่เชิง” หวังหมาเจตนาสร้างความเร้นลับแล้วถามอีกว่า “นายรู้ไหมว่าสองคนนั้นไปไหนต่อ? ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่มีตาเอกซเรย์ที่จะมองทะลุได้นะฉันแค่เห็นพวกเขาออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้ายไป” หมอตอบ
“อืม ฉันจะตามไปดูสักหน่อย” หวังหมาลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไป
“เจาเยี่ย เราไปตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่ดีไหม หมอคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเลย” กู้หลานอันกล่าวหลังประคองให้เจาเยี่ยนั่งลงบนเก้าอี้
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] 开森✧* ไคเซิน เป็ศัพท์ที่มาจากภาษากวางตุ้งแปลว่ามีความสุข คำดังกล่าวกลายเป็ที่นิยมบนอินเทอร์เน็ตหลังจากชาวเน็ตใช้กันอย่างแพร่หลาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้