เนี่ยเทียนกล่าวลาเจียงจือซู และเดินไปหาเนี่ยตงไห่ด้วยสีหน้าเป็ธรรมชาติ
ที่ศาลาของตระกูลเนี่ย ทุกคนของตระกูลเนี่ยล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่สามพี่น้องเนี่ยตงไห่เท่านั้น ยังมีคนรุ่นที่สองอย่างเนี่ยเฉี่ยน เนี่ยคั่นอยู่ด้วย
เมื่อเนี่ยเทียนมาถึงก็พบว่าท่านตาของเขามีสีหน้ามืดคล้ำมัวหมอง ส่วนใบหน้าของเนี่ยเฉี่ยนก็เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ กำลังโต้เถียงอะไรบางอย่างอยู่กับเนี่ยเป่ยชวน
“เนี่ยเทียนมาแล้ว”
เนี่ยคั่นหันหน้ามามอง เห็นว่าเขาเดินมาเพียงลำพังจึงเอ่ยบอกทุกคนทันที
สายตาแปลกใจแต่ละคนพลันมารวมอยู่บนร่างของเนี่ยเทียน
“เนี่ยเทียน เ้าสำนักเจียงกลับไปแล้วหรือยัง?” เนี่ยหนานซานเอ่ยถาม
“อืม” เนี่ยเทียนพยักหน้า “เขาถามเื่บางอย่างกับข้า พูดอะไรกับท่านลี่อีกสองสามประโยคก็กลับไปก่อนแล้ว”
พอได้ยินว่าเจียงจือซูกลับไปแล้ว คนตระกูลเนี่ยเ่าั้ก็รู้สึกคลายใจลงราวกับได้สลัดหินก้อนหนักในใจออกไป
สำหรับพวกเขาแล้ว ตัวตนของเจียงจือซูช่างมีแรงกดดันทางจิตใจสูงยิ่งนัก หากเขาอยู่ในตระกูลเนี่ยนานอีกนิด เกรงว่าคนตระกูลเนี่ยคงไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ
“เ้าสำนักถามอะไรเ้ารึ?” เนี่ยเป่ยชวนถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เนี่ยเทียนเล่าคำถามของเจียงจือซู รวมไปถึงคำตอบของเขาให้ทุกคนฟังหนึ่งรอบอย่างไม่ลังเล
“ถูกรอยแยกเส้นหนึ่งของห้วงมิติสูบเข้าไปด้านใน และอยู่ๆ ก็กลับมาที่ตระกูลได้เองอย่างนั้นรึ?” เนี่ยเป่ยชวนมีสีหน้าแปลกใจ ใช้สายตาระแวงสงสัยมองเขาอย่างลึกล้ำ ราวกับ้าหาพิรุธจากใบหน้าของเขา
ภายใต้การจับจ้องของเขา เนี่ยเทียนไม่พูดอะไร แสดงถึงความสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
เนี่ยเป่ยชวนมองอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พบการผิดสังเกตแต่อย่างใดจึงพูดขึ้นมาอย่างกระทันว่า “กริชเล่มนั้นที่หญิงตระกูลอันมอบให้เ้า เป็ของตอบแทนที่นางบุกเข้ามาในตระกูลเนี่ย ตามหลักแล้วกริชเล่มนั้นควรส่งมอบให้กับห้องเก็บสมบัติ”
“เ้าสอง!” เนี่ยตงไห่แค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง
“เห็นๆ กันอยู่ว่านางมอบให้เสี่ยวเทียน มันก็ควรจะเป็ของเสี่ยวแทน มีสิทธิ์อะไรมาริบมันไปเล่า?” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวอย่างแค้นเคือง
เนี่ยเทียนอึ้งไปครู่ ใจชักกระตุกวาบ เข้าใจทันทีว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้ที่เนี่ยเฉี่ยนถึงได้โต้เถียงกับเนี่ยเป่ยชวน
“ข้าเป็ประมุขตระกูลเนี่ย! อันซืออี๋บุกเข้ามาในตระกูลเนี่ย แน่นอนว่าย่อมต้องให้คำอธิบาย ก่อนหน้านี้นางก็พูดขึ้นมาเองแล้ว คำอธิบายนั้นของนางก็คือกริชที่อยู่ในมือเนี่ยเทียน!” เนี่ยเป่ยชวนเพิ่มระดับเสียง เชิดหน้าขึ้น สายตากวาดมองไปบนใบหน้าทุกคนในตระกูลเนี่ย
“ท่านประมุขพูดมีเหตุผล”
“ตามหลักก็ควรทำเช่นนี้อยู่แล้ว”
“ควรจะเป็เช่นนี้!”
คนตระกูลเนี่ยจำนวนมากที่เขามองหน้าพากันเอ่ยคล้อยตาม เห็นด้วยกับคำตัดสินของเขา
มีส่วนน้อยที่เอนเอียงมาทางเนี่ยตงไห่ เพราะรู้ว่าอิทธิพลของเนี่ยเป่ยชวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แม้จะไม่พอใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าออกเสียงสนับสนุน
เนี่ยเฉี่ยนกัดริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ โกรธแค้นเต็มหัวใจ
เนี่ยตงไห่รู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุดกับการแสดงออกของคนในตระกูลเ่าั้ เขาถอนหายใจหนึ่งครั้ง เตรียมจะเกลี้ยกล่อมให้เนี่ยเทียนส่งกริชออกมา
“เมื่อครู่...” เนี่ยเทียนจับกริชเล่มนั้นเอาไว้ ค่อยๆ ยกมือขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่หลังจากที่เ้าสำนักเจียงถามคำถามกับข้า ข้าเอากริชเล่มนี้ออกมา บอกว่ากริชเล่มนี้ไม่ใช่ของข้า คิดจะมอบให้ท่านลี่เป็คนจัดการ”
“แต่เ้าสำนักเจียงกลับบอกว่าของเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ในเมื่อคนอื่นมอบให้ ข้าก็ควรเก็บรักษาให้ดี ไม่ควรทรยศต่อความหวังดีของคนอื่น”
“แต่ว่า...”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขามองเนี่ยเป่ยชวนแล้วกล่าวขึ้นมาอีกว่า “ในเมื่อท่านประมุขบอกว่ากริชเล่มนี้จำเป็ต้องส่งมอบเข้าส่วนกลาง ข้ามอบให้ก็ได้”
พูดจบเขาก็แบมือออก รอให้เนี่ยผิงผู้รับชอบห้องเก็บสมบัติมารับไป
ทว่าหลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ คนในตระกูลเนี่ยที่ก่อนหน้านี้โวยวายเสียงดังให้เขาส่งมอบกริชเข้าส่วนกลาง พลันหุบปากเงียบกันหมด
แม้แต่เนี่ยเป่ยชวนก็ยังมีสีหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
เขาไม่รู้ว่าที่เนี่ยเทียนพูดเป็เื่จริงหรือเท็จ
หากเป็จริง เจียงจือซูพูดเช่นนี้แล้ว เขา... ย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งอย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่เจียงจือซูจากไปแล้ว ต่อให้ตอนนี้เจียงจือซูยังอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่กล้าไปขอคำยืนยัน
แม้แต่ทางฝ่ายของลี่ฝานเองเขาก็ไม่คิดจะไปสืบความ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลี่ฝานดูิ่เขา
เมื่อเป็เช่นนี้ ตอนที่เขามองกริชเล่มนั้นอีกครั้งจึงรู้สึกว่ากริชนั่นช่างบาดตายิ่งนัก
ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปมายากคาดเดาได้ เงียบงันไม่พูดจา เนี่ยเทียนโบกกริชสีชาดเล่มนั้นที่อยู่ในมือไปมา ร้องะโเสียงดัง “ท่านอาเนี่ยผิง?”
เนี่ยผิงเป็คนสนิทของเนี่ยเป่ยชวน ่ที่ผ่านมาเนื่องจากเนี่ยเฉี่ยนจำเป็ต้องแลกเอาหินเมฆอัคคี เขาได้สร้างความลำบากให้นางนับครั้งไม่ถ้วน หักลดหินเมฆอัคคีที่เดิมทีควรเป็ของเนี่ยเฉี่ยนไปไม่น้อย
ยามนี้ขณะที่เนี่ยเทียนทำท่ารอให้เขาเข้าไปเก็บกริช เขาจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
เขาอดเหลือบมองเนี่ยเป่ยชวนด้วยความขลาดกลัวไม่ได้
“ข้าให้ท่าน” เห็นว่าเนี่ยผิงไม่กล้ารับ เนี่ยเทียนจึงยิ้มเล็กน้อยและเป็ฝ่ายเดินหน้าเข้าไปหา ยัดกริชเล่มนั้นใส่มือของเขาด้วยตัวเอง
“อีกเดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านลี่ว่าข้ามอบกริชเล่มนั้นให้ห้องเก็บสมบัติของตระกูลเนี่ยแล้ว อย่างไรเสียข้าก็อายุยังน้อย อาวุธระดับนี้ข้าไว้จะมีประโยชน์อันใด ถูกหรือไม่เล่า?” เนี่ยเทียนกล่าวกับตัวเอง
ต่อให้ไม่รู้จักระดับของอาวุธดีนัก แต่เขาก็รู้ว่ากริชเล่มนั้นที่อันซืออี๋มอบให้ย่อมไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
“หา? อย่านะ!”
พอได้ยินว่าเขาจะไปบอกลี่ฝาน เนี่ยผิงก็ใจนตัวสั่น อยู่ๆ กริชเล่มนั้นก็กลายมาเป็เผือกร้อนลวกมือ เขาไม่มีเวลาให้คิดมาก ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด ยัดกลับคืนเข้าไปในมือของเนี่ยเทียนอีกครั้ง
จากนั้นเนี่ยผิงก็หันไปมองเนี่ยเป่ยชวนด้วยท่าทางน่าสงสาร สีหน้าใกล้จะร้องไห้เต็มที
ในใจเนี่ยเป่ยชวนเองก็ใเช่นกัน เขามองเนี่ยเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ กล่าวอย่างจำใจว่า “ในเมื่อเ้าสำนักเจียงให้เ้าเก็บรักษาเอาไว้ ถ้าเช่นนั้นเ้าก็เก็บรักษาให้ดีเถอะ”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านประมุข” เนี่ยเทียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ก่อนหน้านี้เขายังเรียกเนี่ยเป่ยชวนว่า “ท่านตารอง” ทว่าหลังจากที่เนี่ยเป่ยชวนขึ้นนั่งบนตำแหน่งประมุขของตระกูล เื่บางเื่นับวันเขาก็ยิ่งทำเกินกว่าเหตุ เขาจึงไม่เรียกขานเช่นนั้นอีก แต่เปลี่ยนมาเรียกอย่างห่างเหินว่า “ท่านประมุข”
ในใจของเขา “ท่านตา” คำนี้ เนี่ยเป่ยชวนไม่เหมาะสมที่จะได้รับมันอีกแล้ว
“พวกเราไปได้หรือยัง?” เนี่ยตงไห่แค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง
เนี่ยเป่ยชวนไม่กล่าวอะไร
“ไปกันเถอะ ่นี้ไปพักอยู่กับข้าก่อน” เนี่ยตงไห่กล่าว
จากนั้นเนี่ยตงไห่จึงพาเนี่ยเทียนเดินไปยังเรือนหินห่างไกลอันเป็ที่พักในปัจจุบันของเขา เนี่ยเฉี่ยนเชิดหน้าขึ้น เดินตามไปด้วยความเบิกบานในใจ
มาถึงเรือนหินของเนี่ยตงไห่ หลังจากเขาปิดประตูลงแล้วก็ลูบศีรษะของเนี่ยเทียนด้วยความรักและเมตตา ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ฉลาดมาก”
เนี่ยเทียนหัวเราะเบาๆ หนึ่งครั้ง รู้ว่าเนี่ยตงไห่มองออกเื่ที่เขาจงใจยกเจียงจือซูมาข่มเนี่ยเป่ยชวนนั้นเป็เื่ที่แต่งขึ้นมา
“เสี่ยวเทียน หลายวันนี้ที่เ้าหายไป...” เนี่ยเฉี่ยนร้อนใจอยากจะถามให้รู้เื่ว่าสิบวันมานี้เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่
เนี่ยตงไห่ถลึงตา ห้ามไม่ให้นางพูดต่อ จากนั้นก็พาคนทั้งสองเข้าไปที่ห้องหนังสือ ในมือถือพู่กัน ตวัดเขียนลงไปบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
“ห้ามบอกเื่จริงที่เ้าประสบพบเจอในสิบวันนี้กับผู้ใดเด็ดขาด ด้วยตบะของเ้าสำนัก ต่อให้อยู่ห่างไกลกันสิบลี้ หากเขาคิดจะฟัง ก็สามารถได้ยินคำพูดทุกคำที่เ้าพูด รวมไปถึงประโยคที่เ้าพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วย! ส่วนพวกเราก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะห้ามไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปด้านนอกได้”
บนกระดาษ ตัวอักษรแข็งแกร่งมีพลังของเนี่ยตงไห่ปรากฏขึ้น
หลังจากเนี่ยเฉี่ยนอ่านแล้วก็ตะลึงและได้สติขึ้นมา ไม่กล้าถามมากอีก
เนี่ยเทียนพยักหน้าเบาๆ แสดงว่าเข้าใจ
ยามนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าเมื่อเทียบกับท่านตาของเขาแล้ว เนี่ยเป่ยชวนช่างโง่เขลายิ่งนัก
ในเมื่อเจียงจือซูสามารถได้ยินบทสนทนาของทุกคนในตระกูลเนี่ยจากที่ที่แสนห่างไกลได้ ถ้าเช่นนั้นคำพูดและการกระทำของเนี่ยเป่ยชวนก่อนหน้านี้ ขอแค่เจียงจือซูอยากได้ยิน แน่นอนว่าเขาย่อมได้ยิน
ด้วยสติปัญญาของเจียงจือซู ไม่ได้ถามคำตอบที่แท้จริงจากเขาก็เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าอาจ้าคำตอบที่แท้จริงอย่างลับๆ เป็แน่
หรือไม่บางที ตอนนี้เจียงจือซูอาจกำลังฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่ก็เป็ได้...
เนี่ยเป่ยชวนไม่ได้ตระหนักถึงข้อนี้ การกระทำทุกอย่างที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจอันคับแคบของเขา หากเจียงจือซูได้ยินเข้าจริงๆ คาดว่าคงสร้างความประทับใจที่ไม่ดีไว้ในใจของเขาแน่นอน
และความจริงก็เป็เช่นนี้
ยามนี้นอกเมืองเฮยอวิ๋น เจืองจื่อซูหยุดชะงักเท้า ยิ้มออกมาหนึ่งครั้ง กล่าวกับตัวเองว่า “ช่างเป็เด็กที่ฉลาดนัก”
พูดจบเขาก็ไม่หยุดนิ่งอีก ร่างราวกับรุ้งยาวเส้นหนึ่ง ทะยานไปทางเขาหลิงอวิ๋นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ
เขาไม่สามารถเอาพละกำลังมาใช้กับตระกูลเนี่ยมากเกินไป
ในเมื่อใน่ระยะเวลาสั้นๆ นี้ยังไม่สามารถรู้ความจริงได้ เขาก็ทำได้เพียงจากมาก่อน รอคอยขุดค้นความจริงช้าๆ ในภายหลัง
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้