คำพูดของเขากรอกหูผู้เฒ่าอวิ๋นราวกับร่ายมนตร์สะกด จนใจของผู้เฒ่าอวิ๋นลำเอียงไปทางพวกเจียงต้าไห่โดยสมบูรณ์ ไม่คิดจะสนใจแล้วว่าอวิ๋นโส่วเย่าจะทำตัวห่างเหินกับเขาหรือไม่ คิดเพียงแต่ลูกเขยยังเข้าใจอะไรมากกว่าลูกคนที่สามของเขาเสียอีก
“พวกเ้ามีน้ำใจเช่นนี้ ข้าจะจดจำไว้ พวกเ้าวางใจได้ รอให้น้องห้าของเ้าสอบได้เป็ขุนนาง เมื่อนั้นย่อมไม่ลืมน้ำใจของพี่เขยอย่างเ้าแน่นอน เขาสอบผ่านถงเซิงแล้ว การสอบเป็บัณฑิตซิ่วไฉย่อมไม่มีปัญหา”
เจียงต้าไห่รีบยิ้มรับ “น้องห้าของข้าต้องมีอนาคตไกลอย่างแน่นอน สักวันหนึ่งจะต้องได้เป็ขุนนางให้ท่านแม่ได้รับแต่งตั้งเป็ฮูหยินตราตั้ง ท่านพ่อก็จะได้เป็ท่านพ่อของขุนนาง!”
เถาซื่อได้ฟังคำเยินยอจนปลื้มปริ่มใจ ยิ้มกว้างพลางเอ่ยสนับสนุน “ข้าว่าเจวียนเอ๋อร์พูดถูก เ้ารองมิใช่ว่ามีเงินหรือ ไหนๆ ก็ทำดีกับเ้าสามแล้ว ก็เพิ่มสินเดิมให้เหลียนเอ๋อร์ไว้มากหน่อย ตอนนี้คนที่ร้อนใจน่ะคือพวกเขา ไม่ใช่พวกเราเสียหน่อย พวกเราต้องรักษาท่าทีไว้บ้าง”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์รีบเสริมทันที “ท่านแม่รอบคอบเสมอเ้าค่ะ”
ส่วนเจียงเทียนเป่าแม้ภายนอกจะดูสูงใหญ่กำยำ แต่แท้จริงแล้วเป็คนขี้ขลาด เขาไม่ได้สลบเพราะาเ็ แต่เป็เพราะใที่เห็นเืตัวเองต่างหาก
ตอนนี้าแที่ไหล่ถูกยาพอกเข้าไป แสบร้อนจนเขาตื่นขึ้นมา พอรู้สึกตัวก็ถูกเถาซื่อโผเข้ากอดเรียก ‘หลานรัก’ ไม่หยุด
ก็ทำอย่างไรได้เล่า ตอนนี้เถาซื่อมองเจียงเทียนเป่ายิ่งมองก็ยิ่งชอบใจ เพราะเพื่อเงินค่าเล่าเรียนของโส่วหลี่ ไม่เพียงแต่ต้องยอมให้เขาต้องเจ็บตัว ยังต้องยอมแต่งงานกับนางคนชั้นต่ำอย่างอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์อีก
พอเจียงเทียนเป่าได้สติก็ร้องไห้ฟูมฟาย ร้องทุกข์ไม่หยุด ปั่นหัวผู้เฒ่าอวิ๋นกับเถาซื่อจนใจอ่อนยวบ ตอนนี้ในใจทั้งสองคนมีแต่อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ที่ผิดเต็มๆ
เทียนเป่าแค่จะจับมือ หากไม่ยอมก็ช่างสิ ไยต้องใช้กรรไกรแทงคนด้วย เถาซื่อเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย ตอนนั้นนางหยิบตะกร้าเย็บปักผ้าออกมาเพียงเพื่อวางเป็พิธี ดันลืมเก็บกรรไกรข้างในเสียได้
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกรส ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เถาซื่อเอ่ย “น่าจะเป็หลิ่วจือกลับมาแล้ว เด็กคนนี้ว่องไวจริงๆ”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์พูด “คงจะนั่งเกวียนวัวกลับมาแน่ๆ ยัยเด็กคนนี้ี้เีจริงๆ จากหมู่บ้านไปถึงในตำบลแค่นั้นเอง นางเดินไม่ได้หรือ ยังต้องนั่งเกวียนวัวอีก”
เจียงต้าไห่ลุกขึ้นไปเปิดประตู พลางเอ่ยตำหนิอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ “นี่ไม่ใช่รีบไปซื้อยาให้เทียนเป่าหรือ ยิ่งเร็วยิ่งดี ลูกชายเ้าจะได้กินยายังไงเล่า าแจะได้หายเร็วๆ”
เจียงต้าไห่เปิดประตูออก สีหน้าพลันแข็งค้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมในทันที คนที่มายืนอยู่หน้าประตูคืออวิ๋นโส่วเย่าและคนอื่นๆ
“อ้อ ที่แท้ก็พี่สามนี่เอง ข้ากำลังจะไปหาท่านพอดี เอาล่ะ ท่านมาแล้ว งั้นข้าก็ไม่ต้องไปให้เสียเวลา พวกเรามาคุยเื่ค่ารักษาของเทียนเป่าลูกข้ากันเถิด”
อวิ๋นโส่วเย่าตาแดงก่ำ ผลักเขาออกไปโดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อยจนเจียงต้าไห่ล้มลงไปกองกับพื้น
“อวิ๋นโส่วเย่า เ้าอย่าให้มันมากเกินไป ลูกสาวเ้าล่อลวงลูกชายข้า ลูกชายข้ารู้จักกาลเทศะไม่ไปยุ่งกับนาง แต่นางกลับใช้กรรไกรแทงลูกชายข้า เื่นี้พวกเราต้องคิดบัญชีกันให้ชัดเจน” เจียงต้าไห่ลุกขึ้นจากพื้น ชี้นิ้วด่าอวิ๋นโส่วเย่า
ตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หญิงสาวที่เสื่อมเสียชื่อเสียง ใครจะอยากแต่งงานด้วย ย่อมต้องถูกตราหน้าไปตลอดชีวิต เขาไม่เชื่อว่าเขากุมจุดอ่อนของอวิ๋นโส่วเย่าไว้ อีกฝ่ายยังจะกล้าโอหัง!
และเป็ไปตามคาด อวิ๋นโส่วเย่าไม่ได้ขยับตัวแล้ว เพียงจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
ผู้เฒ่าอวิ๋นกับคนอื่นๆ ได้ยินเสียงก็เดินออกมาจากห้องโถง เห็นลูกชายยืนตัวแข็งทื่อกำหมัดแน่น เหมือนประทัดที่จุดชนวนพร้อมปะทุได้ตลอดเวลา
“เ้าสาม...” ผู้เฒ่าอวิ๋นเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พอมองลูกชายคนนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจเพียงเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาพลันดับวูบลงเพราะนึกถึงอนาคตของอวิ๋นโส่วหลี่
เถาซื่อก็ไม่เคยเห็นลูกชายคนที่สามเป็เช่นนี้ ในใจก็รู้สึกหวั่นกลัวอยู่บ้าง แต่ก็นึกถึงข้ออ้างที่ตนเองกุขึ้นมาอย่างรอบคอบ รู้สึกว่าไม่มีช่องโหว่ อีกอย่างนางเป็แม่แท้ๆ อวิ๋นโส่วเย่าจะทำอะไรนางได้?
ดังนั้นจึงยังคงทำตัวอวดดี “ทำอะไร พบหน้าพ่อแม่ก็ไม่เรียก ไอ้คนอกตัญญู ข้าไม่น่าคลอดเ้าออกมาเลย!”
เถาซื่อด่าจบก็ไม่มีใครพูดอะไร แม้แต่อวิ๋นโส่วกวงที่หัวอ่อนที่สุดก็เอาแต่ยืนนิ่ง
ผู้เฒ่าอวิ๋นกระแอมอย่างเคอะเขิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เ้าสาม มีอะไรเข้าไปคุยกันในบ้านเถิด”
ตอนนี้ข้างนอกลานบ้านมีชาวบ้านมามุงดูมากมาย ผู้เฒ่าอวิ๋นเป็คนรักหน้าตา แม้ว่าหน้าของเขาจะถูกตัวเองทำให้ขายหน้าไปหมดสิ้นแล้วก็ตาม
“ไม่ต้องแล้ว เื่นี้ให้ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลมาตัดสินกันเถิด”
“ท่านพ่อ มีคนไม่กลัวขายขี้หน้า ท่านจะไปกังวลแทนเขาทำไม ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลมาก็ดี พวกเราก็จะได้คุยกันให้รู้เื่ไปเลย เหลียนเอ๋อร์ลูกสาวของเ้าทำเื่น่าอับอาย แล้วยังทำร้ายเทียนเป่าลูกข้าอีก ต่อให้เ้าจะไปเชิญผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลมา อยากให้เทียนเป่าลูกข้าแต่งงานกับนาง ไม่มีทางง่ายขนาดนั้นหรอก!”
เพียะ! เฉาซื่อได้ยินดังนั้นจึงตรงเข้าไปตบหน้าอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ฉาดใหญ่
ตบเสร็จร่างของเฉาซื่อก็สั่นเทา ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของเฉาซื่อ เพราะปกติเฉาซื่อเป็คนอ่อนโยนคล้ายจ้าวซื่อ
“เ้ากล้าตบข้าหรือ!”
“เ้ากล้าตบเจวียนเอ๋อร์หรือ!”
พอตั้งสติได้อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กับเถาซื่อก็กรีดร้องแล้วพุ่งเข้าหาเฉาซื่อ ก่อนมาอวิ๋นเจียวได้สั่งให้โม่จู๋กับโม่ซ่านคอยปกป้องเฉาซื่อกับอวิ๋นโส่วเย่า ตอนที่อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กับเถาซื่อขยับตัว โม่ซ่านก็ขยับตัวตาม
เถาซื่อกับอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ยังไม่ทันได้แตะตัวเฉาซื่อ ก็ถูกโม่ซ่านคว้าแขนคนละข้างแล้วเหวี่ยงออกไป ทำเอาผู้เฒ่าอวิ๋น เจียงต้าไห่ หรือแม้แต่ชาวบ้านที่ยืนมุงดูต่างก็ตาค้าง
เด็กสาวคนนี้เป็บ่าวรับใช้ที่ติดตามอวิ๋นเจียวมากระมัง อายุแค่สิบสามสิบสี่ปี เหตุใดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ คว้าผู้ใหญ่ได้ทีละสองคน แถมยังเหวี่ยงออกไปได้อีก?
ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนตัวสั่น “นี่มันเกินไปแล้ว อวิ๋นเจียว เ้ากล้าสั่งให้บ่าวรับใช้มาทำร้ายย่าแท้ๆ กับอาหญิงของเ้าหรือ! เด็กอกตัญญู ข้าจะสั่งสอนเ้า เ้าก็จะให้มันมาทำร้ายข้าด้วยหรือ?
เถาซื่อกับอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ได้ทีก็ร้องโอดโอย “โอ๊ย... ฆ่าคนแล้ว! หลานสาวตบตีย่า จะฆ่าคนแล้ว อกตัญญู เด็กอกตัญญู!”
โม่ซ่านไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ก้าวออกมาเอ่ย “คุณหนูของข้าเพียงให้ข้าปกป้องฮูหยินสามเท่านั้น พวกนางไม่วิ่งเข้ามาทำร้ายฮูหยินสาม ข้าก็คงไม่ลงมือ ไฉนพอมาถึงปากท่านผู้เฒ่า กลายเป็คุณหนูของข้าสั่งให้ข้าลงมือ? พวกชาวบ้านต่างก็เห็นกันอยู่ คุณหนูของข้าพูดอะไรหรือ? สั่งให้ข้าลงมืองั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เสียหน่อย!”
“พวกข้าไม่ได้ยิน!”
“พวกนางไม่พุ่งมาทำร้ายคน แม่นางคนนี้ก็คงไม่ลงมือ”
พอได้ยินชาวบ้านพูดสนับสนุน โม่ซ่านก็ยิ้ม ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว มองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม “หน้าที่ของข้านอกจากรับใช้คุณหนูแล้ว อีกอย่างก็คือปกป้องคุณหนูด้วยชีวิต ผู้ใดคิดจะแตะต้องคุณหนูของข้า หากกล้าพอหรือไม่กลัวตายก็ลองดู!”
น้ำเสียงของโม่ซ่านเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง คำพูดนี้ทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นกับเจียงต้าไห่ต่างก็ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“ดี ดี นี่สินะ ลูกสาวที่ดีของเ้ารอง ไม่เคารพผู้ใหญ่ ปล่อยให้บ่าวรับใช้มาทำร้ายผู้ใหญ่!” ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าอกพลางตวาดด่า
ทันใดนั้นหัวหน้าตระกูลอวิ๋นที่เพิ่งถูกเชิญมาก็ตวาดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เ้าสาม พูดเพ้อเจ้ออะไร? เื่นี้ทุกคนก็เห็นกันอยู่ เ้าแก่แล้วสมองยิ่งเลอะเลือนหรืออย่างไร?”