“ท่านอ๋อง พบจิ้งจอกน้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
อิ๋งเฟิงรู้สึกถึงพลังชีวิตอันอ่อนแรงบนฝ่ามือ เขาใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าไปในห้องหนังสือของฮั่วเยี่ยนไหวโดยไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆ
ประตูห้องหนังสือเกือบถูกเขาทำพัง
เมื่อฮั่วเยี่ยนไหวเห็นก้อนสีขาวในมือของอิ๋งเฟิงก็แทบจะจำไม่ได้
เส้นขนสีขาวสูญเสียความเปล่งประกายในอดีต ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นโคลน และยังมีเือีกด้วย
“เอามาให้ข้า”
ฮั่วเยี่ยนไหวรับตัวจิ้งจอกน้อยมา เขารู้สึกปวดใจมาก สิ่งที่ผุดขึ้นในความคิดของเขาคือแววตาสุกใสของจิ้งจอกน้อยในอดีต
ความเฉลียวฉลาดของมัน...
ความซุกซนของมัน...
ความ...
นึกไม่ถึงว่าก้อนสีขาวเล็กๆ ตัวนี้จะพื้นที่ในใจของเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปพาหมอหลวงฉินมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ทันแล้ว”
ฮั่วเยี่ยนไหวประคองจิ้งจอกน้อยไว้ในมือ ท่าทีที่ระมัดระวังนั้นดูราวกับกำลังจัดการกับสมบัติอันล้ำค่า วิชาตัวเบาของเขาเหนือกว่าอิ๋งเฟิง
ปกติแล้วจะใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเข้าวัง ทว่าเขากลับใช้เวลาน้อยกว่านั้นถึงสามเท่า
ณ สำนักแพทย์หลวง
ปกติยามที่หมอหลวงฉินไม่ต้องตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้กับฮองเฮา เขาก็จะอยู่ในสำนักแพทย์หลวง
ที่สำนักแพทย์หลวงมีตำหนักปีกข้างที่เป็ของเขาแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าพื้นที่จะไม่ใหญ่โต ทว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถใช้ได้
หมอหลวงฉินกำลังนอนหลับอยู่ในตำหนักปีกข้างของตนในเวลานี้
ทันใดนั้นสายลมกระโชกก็พัดมา ทำให้เคราของเขาขาดสะบั้น
ประตูถูกเปิดอ้า
หมอหลวงฉินลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดกล้าไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเข้ามาใน...”
เมื่อตวัดสายตาไปเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตรงหน้า เขาก็ใจนสะดุ้งก่อนจะรีบคุกเข่าลงทันที
“เซ่อเจิ้งอ๋อง...”
“เลิกพูดจาไร้สาระ!” ฮั่วเยี่ยนไหวดึงตัวหมอหลวงฉินขึ้นมาราวกับหิ้วลูกไก่อย่างไรอย่างนั้น
“รีบช่วยมันเร็ว!”
เมื่อเห็นก้อนสีขาวบนโต๊ะของตน หมอหลวงฉินก็แทบหงายหลังเป็ลม
บิดามันเถิด ข้าเป็หมอหลวงรักษาคนนะ ไม่ใช่หมอรักษาสัตว์!
หมอหลวงฉินไม่พอใจอยู่ในใจ ทว่าไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมาบนใบหน้าแม้แต่น้อย เขาเอ่ยด้วยความเคารพ “ขอท่านอ๋องโปรดหลบไปก่อนเถิด กระหม่อมจะได้มีสมาธิในการรักษาพ่ะย่ะค่ะ!”
การรักษา!
เห็นได้ชัดว่าาเ็สาหัสนัก
ฮั่วเยี่ยนไหวรู้ว่าตนเองมีชื่อเสียงไม่ดีนัก จึงไม่รั้งอยู่ต่อ หลังออกจากห้องไปก็ยังหันมาปิดประตูให้อีก
หมอหลวงฉินที่อยู่ด้านในเคลื่อนสายตาไปบนร่างของจิ้งจอก จากนั้นคิ้วก็กระตุกอย่างรุนแรง
าเ็สาหัสเช่นนี้แต่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ง่ายดายเลย!
ด้านนอกประตู
อิ๋งเฟิงวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ จริงอยู่ที่วิชาตัวเบาของเขาด้อยกว่าท่านอ๋อง ทว่าก็ไม่ได้ย่ำแย่
เพียงแต่ผู้ที่สามารถใช้วิชาตัวเบาเข้ามาในวังโดยที่ยังไม่ถูกจับไปตัดศีรษะ มีท่านอ๋องเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อเข้าวังมาแล้วเขาก็ร่อนลงบนพื้น แล้วเปลี่ยนเป็วิ่งแทน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเพียงยืนอยู่นิ่งๆ เท่านั้น ทว่าลมปราณอันสูงศักดิ์กลับมอบแรงกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ให้ผู้คน
นี่คือรัศมีอันบริสุทธิ์ของผู้แข็งแกร่ง
“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ยามที่กระหม่อมพบจิ้งจอกน้อย มันก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว สถานที่เกิดเหตุในยามนั้นยังมี...”
“ยังมีผู้ใด?” แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวเย็นเยียบ
ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด
แค้นนี้ เขาจะชำระให้สิ้น!
แม้แต่จิ้งจอกของเขายังกล้าทำร้าย รนหาที่ตายนัก!
“คุณหนูฉินพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดฮั่วเยี่ยนไหวก็นึกออกว่าคุณหนูฉินคือผู้ใด
ที่น่าขบขันคือ ฉินจิ่นยวนคิดมาโดยตลอดว่าตนเองจะได้เป็ชายาของเซ่อเจิ้งอ๋อง
ทว่านางกลับคิดไม่ถึงว่าฮั่วเยี่ยนไหวจะไม่ได้สนใจนางเลย กระทั่งจดจำนางยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“ดี ดีมาก!”
อิ๋งเฟิงรู้สึกหนาวเย็นที่ลำคออย่างอธิบายไม่ถูก เขายื่นมือไปััคอตัวเองอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะถามหยั่งเชิง “ท่านอ๋องจะเสด็จไปจวนสกุลฉินตอนนี้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่รีบ!” สายตาของฮั่วเยี่ยนไหวจับจ้องอยู่ที่ประตูโดยไม่ละสายตา
“ข้า้าให้หลีเอ๋อร์ล้างแค้นด้วยตนเอง!”
เขากัดฟันเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงอันเ็าของเขาแฝงด้วยโทสะอย่างรุนแรง และจิตสังหารที่กระหายเื!
อิ๋งเฟิงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจากก้นบึ้งหัวใจ
สกุลฉินจบสิ้นแล้ว!
สองชั่วยามผ่านไป
ขณะที่ฮั่วเยี่ยนไหวกำลังคิดจะพังประตูเข้าไป ประตูก็เปิดออกพอดี
ใบหน้าอันแก่ชราของหมอหลวงฉินมีคำว่าเหนื่อยล้าเขียนไว้เต็มหน้า ทว่าเขายังคงยิ้มได้ “สัตว์เลี้ยงของเซ่อเจิ้งอ๋องปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
การรักษาในครานี้แทบจะคร่าชีวิตที่แก่ชราของเขาเสียแล้ว
จิ้งจอกได้รับาเ็ทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทว่าที่สาหัสที่สุดคือกระดูกซี่โครงหักสองท่อน...
โชคดีที่กระดูกซี่โครงที่หักนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญอื่นๆ
ฮั่วเยี่ยนไหวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเวลานี้เองสายตาอันเฉียบคมของหมอหลวงฉินได้สังเกตเห็นเืที่มือของฮั่วเยี่ยนไหว
มันเป็เืสดๆ
ปรากฏว่าขณะรออยู่หน้าประตู ฮั่วเยี่ยนไหวกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“กระหม่อมจะหาคนมาพันแผลให้เซ่อเจิ้งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
การใส่ยาหรือพันแผลนั้นไม่ยาก ทว่ายากตรงที่เขาเสียเืมากเกินไปจนมือสั่น
“ตกลง”
ฮั่วเยี่ยนไหวก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน ยามที่เดินผ่านหมอหลวงฉินนั้น เขาก็เอ่ยอย่างเฉยเมย “ลำบากเ้าแล้ว”
ดวงตาของหมอหลวงฉินเบิกกว้าง น้ำตาคลอเบ้า เขาคงไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง นึกไม่ถึงว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะกล่าวคำว่าลำบากเ้าแล้วกับเขา!
ประโยคนี้เพียงพอให้เขาคุยโวไปชั่วชีวิต
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะมีด้านที่เป็กันเองเช่นนี้ด้วย
หลังจากพันแผลเสร็จแล้ว ฮั่วเยี่ยนไหวก็อุ้มจิ้งจอกน้อยมาไว้บนฝ่ามืออย่างเบามือ
แม้ว่าลมหายใจยังอ่อนแรงอย่างยิ่ง ทว่าก็สม่ำเสมอแล้ว
“ท่านอ๋องทรงรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเตรียมเกี้ยว”
“ไม่ต้อง” ฮั่วเยี่ยนไหวปฏิเสธ ดวงตาสีดำดูลึกล้ำ “มันโคลงเคลงเกินไป”
เขาตัดสินใจใช้วิชาตัวเบาเดินทางกลับจวน
เมื่ออิ๋งเฟิงเห็นเงาร่างตรงหน้าพุ่งตัวออกไปจนกลายเป็จุดสีดำ เขาก็อยากร่ำไห้โดยไร้น้ำตา เขาทำได้เพียงพึ่งพาสองเท้าของตนเองอย่างยอมรับชะตากรรม
เขาทำได้แค่วิ่ง!
จิ้งจอกน้อยตื่นขึ้นในวันต่อมา
นึกไม่ถึงว่านางจะยังมีชีวิตอยู่!
ความทรงจำของไป๋เซี่ยเหอหยุดลงตรงที่ตนเองถูกใครบางคนหิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน อวัยวะภายในทั้งห้าได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
และความเ็ปที่เกิดขึ้นก็ทำให้นางสลบไป
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกว่าร่างกายของนางแข็งแรงขึ้น สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ นึกไม่ถึงว่าจะแข็งแรงขึ้นถึงห้าระดับ
นอกจากสองระดับที่เป็ความดีความชอบของหมอหลวงฉินแล้ว ส่วนอีกสามระดับก็เป็ความดีความชอบของ...
ดวงตาจิ้งจอกสีดำขลับคู่หนึ่งกลอกเป็วงกลม นางมองเห็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย การประดับตกแต่งที่คุ้นเคย
เมื่อหันไปมอง
ก็พบคนที่คุ้นเคย
ฮั่วเยี่ยนไหว!
เป็ดังที่คาด
ตราบใดที่นอนอยู่ข้างกายของฮั่วเยี่ยนไหว แม้ว่าร่างกายของนางจะอ่อนแอหรือาเ็เพียงใด ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ไวขึ้นเป็เท่าตัว
แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะไม่ทราบถึงสาเหตุของเื่นี้ ทว่าสิ่งที่นางอยากจะรู้ในตอนนี้คือ เหตุใดตนเองถึงอยู่ในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องได้?
เหตุใดเขาถึงช่วยตน?
เขาไม่ได้้ามอบนางให้ฉินจิ่นยวนหรอกหรือ?
“ตื่นแล้วหรือ?” ฮั่วเยี่ยนไหวจ้องมองจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งลืมตาตื่นด้วยแววตาลึกล้ำ
เมื่อดูจากแววตาของจิ้งจอกน้อย ก็เห็นได้ว่าการฟื้นฟูร่างกายเป็ไปด้วยดี เป็จิ้งจอกน้อยที่สายเืสูงส่งและหาได้ยากอย่างที่คาด
“หงิง”
เกิดอะไรขึ้น?
“เ้าอยากแก้แค้นหรือไม่?” ฮั่วเยี่ยนไหวถาม
เขารู้ว่าจิ้งจอกน้อยมีจิติญญาเป็ของตนเอง จึงสนทนากับมันราวกับมันเป็มนุษย์ก็ไม่ปาน
“กรร!”
อยาก!
เปลวเพลิงแห่งการแก้แค้นได้ลุกโชนอยู่ในดวงตาของนาง!
ไป๋เซี่ยเหอได้สัญญากับตนเองเอาไว้ว่าหากนางหนีรอดไปได้ นางจะต้องคร่าชีวิตของฉินจิ่นยวนให้จงได้!
หลังจากตื่นขึ้นมา ไป๋เซี่ยเหอก็พบว่าตนเองฟันขึ้นแล้ว แม้ว่ามันจะเพิ่งงอกออกมา ทว่าก็แหลมคมจนสามารถกัดเส้นเืให้ขาดได้!
“ดี! สมกับเป็สัตว์เลี้ยงของข้าจริงๆ ทั้งกล้าหาญ ทั้งทะเยอทะยาน!”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้