หลังเที่ยงแล้ว แดดส่องไปทางทิศตะวันตก แสงอาทิตย์ไม่ได้ร้อนแรงแสบตาอีก แต่มันกลับแผ่ความอบอุ่นลงมาให้ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้รู้สึกสบาย
เงาของิอวี่วิ่งผ่านต้นไม้และมุ่งหน้าตรงไปยังทางทิศตะวันออก
ั้แ่ที่เขาออกจากชายแดนราชวงศ์ต้าิก็วิ่งตรงออกมาเรื่อยๆ จนไม่เห็นแม้แต่กำแพงของราชวงศ์ต้าิอีกแล้ว เขาเห็นแต่เส้นขอบฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงแม้ิอวี่จะได้รับาเ็เมื่อสิบวันก่อน แต่เพราะเขามีร่างแห่งหยินหยาง ซึ่งการฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงทำให้มีพื้นฐานที่ค่อนข้างแน่น แล้วเขายังมีโสมแก้วเคลือบทองอีกส่วนหนึ่ง จึงทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว
ดังนั้น ต่อให้เขาจะวิ่งอย่างรวดเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยแต่อย่างใด เขารู้สึกว่าในร่างกายของเขามีพละกำลังที่ไม่หมดสิ้น เหมือนกับอสูรเืร้อนที่วิ่งทะลุทะลวงป่าไม้ไปเรื่อยๆ
ในเวลานี้เองที่หน้าอกของิอวี่ หยกโบราณที่เงียบไปนานจู่ๆ ก็แผ่ความร้อนออกมา ...
การััของิอวี่แม่นยำมาก เขาััถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะที่ไม่ได้ยินมานาน “นานขนาดนี้แล้ว คิดถึงพี่สาวคนนี้หรือเปล่า?”
“เอ่อ ...”
ิอวี่ขมวดคิ้วแน่นมาก น้ำเสียงนี้เขาคุ้นเคยอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เฮยจีแล้วจะเป็ใครไปได้ล่ะ?
ั้แ่การฝึกที่ดุเดือดจนถึงการสังหารตี้หลิงเสวียนที่ราชวงศ์ต้าิ ตามด้วยการต่อสู้กับผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิง สมาธิของิอวี่นั้นอยู่ในสภาวะพะว้าพะวงอย่างมาก ในหัวของเขามีแต่การแก้แค้น การปกป้องต้าิ เขาแทบจะลืมทุกอย่างของเขารวมไปถึงหยกโบราณและเฮยจีด้วย
“นี่ เ้าบ้าคนเนรคุณ เ้าลืมพี่สาวคนนี้ไปจริงๆ หรือเนี่ย”
เฮยจีรู้คำตอบของิอวี่ั้แ่เห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้วก็เลยอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ “เดิมทียังคิดอยู่เลยว่าอยากจะบอกเ้าเกี่ยวกับเื่ของสำนักเหนือระดับสักหน่อย แต่ตอนนี้ข้าไม่บอกเ้าแล้วดีกว่า”
ใน่เวลาที่ผ่านมา ทุกคนเห็นแค่ว่าิอวี่เอาชนะและสังหารตี้หลิงเสวียนได้ และเป็ดั่งวีรบุรุษของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเื้ัิอวี่ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
แต่เฮยจีเห็นทุกย่างก้าวในการฝ่าฟันของิอวี่ทุกอย่าง
ในดินแดนสีเื ิอวี่สู้เอาเป็เอาตายอยู่สามเดือน ทุกครั้งที่เฮยจีเห็นิอวี่เกือบจะทนไม่ไหวจนนางคิดอยากจะไปช่วยเขา ิอวี่ก็จะฮึดสู้กลับมาได้เสมอ
เฮยจีเห็นความไม่ยอมแพ้ในตัวของิอวี่ นางััได้ถึงจิตสำนึกอันแรงกล้าและความศรัทธา มันเป็จิตที่้าปกป้องราชวงศ์ต้าิที่มุ่งมั่นของเขา
ก่อนหน้านี้ที่เฮยจีได้รับาเ็สาหัส ในตอนที่นางอาจจะตายจริงๆ แล้ว ิอวี่ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องนาง ปีนเขาสูงเพื่อชิงเอาบัวหิมะน้ำแข็งมา ที่จริงตอนนั้นเฮยจีก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว
หากบอกว่าในเวลานั้นิอวี่ได้ทำให้เฮยจีรู้สึกปลอดภัย ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เมื่อเห็นิอวี่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องราชวงศ์ต้าิ ความรู้สึกปลอดภัยมั่นคงของนางก็ได้แผ่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว มันทำให้นางรู้สึกเบาสบายตัว เป็ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัว ทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดให้หลุดไปได้
เดิมนางยังคิดอยู่เลยว่าจะรอให้ิอวี่เริ่มคุยกับนางก่อน แต่ใครจะคิดว่าิอวี่จะซื่อบื้อถึงขนาดไม่สนใจนางเลยจนทำให้เฮยจีต้องไม่พอใจ
พอิอวี่ได้ยินคำว่า “สำนักเหนือระดับ” เขาก็เริ่มสนใจ เขาพูดแบบเหงื่อไหลว่า “พี่สาวคนสวยให้โอกาสข้าอีกครั้งได้ไหม ครั้งหน้าข้าจะไม่มีทางลืมเ้าแน่นอน เ้ามีอะไรเกี่ยวกับสำนักเหนือระดับบ้างบอกมาเถอะนะ”
ตอนนี้เื่เกี่ยวกับสำนักเทพอัคคีคือเื่สำคัญที่สุดสำหรับิอวี่ หากรู้ข้อมูลมากเท่าไรมันก็ยิ่งดีต่อิอวี่เท่านั้น
แต่เฮยจีจะยอมเพราะคำพูดเพียงคำเดียวของิอวี่ได้อย่างไร นางเหมือนจะคิดอะไรออกจึงพูดว่า “ข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้งก็ได้ แต่เ้าต้องรับปากเงื่อนไขของข้าก่อน ข้าถึงจะยอมไม่เอาเื่เ้า”
“ ... ”
ิอวี่ถึงกับหมดคำพูด เขาก็แค่ลืมนางไปชั่วคราวเท่านั้น แต่นางกลับบอกว่าเขาต้องปรับปรุงตัวใหม่ ทำเหมือนมันเป็ความผิดใหญ่หลวงมาก แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะต่อความด้วยเลยเอ่ยถามว่า “เงื่อนไขอะไร?”
“อือ ... ง่ายมาก”
เฮยจีคิดแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้าถูกผนึก ดวงิญญาอยู่ในสถานะหลับใหล แต่ตอนนี้ิญญาของข้ามีสติสมบูรณ์ดี ออกมาได้ั้แ่หลายเดือนก่อนแล้ว แต่กลัวว่าจะเป็การรบกวนเ้าฝึกวิชาก็เลยอยู่แต่ในหยกโบราณไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้เนื้อตัวของข้าแข็งไปหมดแล้ว ปวดหลังปวดเอวด้วย ไม่สบายตัวเลย”
“ดังนั้นเ้าก็เลยอยากจะให้ข้าช่วยเ้านวดไหล่นวดเอวใช่ไหม? ฮ่าฮ่า”
พูดจนสุดท้ายิอวี่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ มันบ้าเกินไปแล้ว เฮยจีเป็แค่ิญญา จะปวดเอวปวดเนื้อปวดตัวได้อย่างไรกัน? นางก็แค่อยากจะหาเื่เขาเท่านั้นแหละ
ิอวี่สาบานเลยว่า เื่ที่เฮยจีจะพูดนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเื่นวดแน่นอน
“ใช่ นวดไหล่แล้วก็นวดเอวให้ข้า แล้วเ้าคิดว่าอะไร?” เฮยจีกระพริบตาโตๆ ของนาง แล้วก็ทำหน้าไร้เดียงสา
“ไม่จริงใช่ไหม?”
ิอวี่คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดล้อเล่นของเขานั้นจะเป็เื่จริง เขาพูดอย่างจนใจว่า “แน่ใจนะว่ามันคือเงื่อนไข? เ้าพูดเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่เลยนะ”
เวลาิอวี่คุยกับคนอื่นเขาสามารถรักษาระยะและควบคุมสติของตนเองได้อย่างดี แต่พออยู่ต่อหน้าเฮยจี สไตล์การพูดของเขาก็เปลี่ยนไป ...
ก็ไม่แปลกที่ิอวี่จะมีสภาพแบบนี้ เพราะิอวี่ไม่ใช่คนธรรมดา เขามีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัว แค่ซัดหมัดไปทีเดียวูเาก็ทลายแล้ว ผู้ชายที่ดูมีกำลังมหาศาลเช่นนี้ แต่ตอนนี้จะให้เขากดพลังของเขาลงแล้วใช้พลังแค่ส่วนเดียวมานวดให้กับหญิงสาวที่บอบบาง ...
... ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกๆ อยู่นะ
“ชิ”
เฮยจีเบะปาก แล้วก็พูดเหมือนงอนๆ นิดหน่อยว่า “ไม่รับปากก็ช่างเถอะ พี่สาวคนนี้กลับไปนอนดีกว่า”
ระหว่างที่พูดลมปราณของเฮยจีก็เหมือนจะค่อยๆ หายไปในหยกโบราณ
ิอวี่ไม่มีทางเลือกเลยพูดว่า “ก็ได้ พี่สาวคนสวย ข้ารับปาก ตอนนี้เ้าพูดให้ข้าฟังได้หรือยัง?”
ิอวี่จนใจจึงทำได้แค่รับปาก แต่พอมานึกดูดีๆ แล้ว เฮยจีก็เป็ภูตสาวที่ประหลาดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำอะไรไม่ค่อยปกติวิสัยเท่าไร ิอวี่ยอมทำตามที่นาง้าดีกว่า อย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใคร มีแค่พวกเขาสองคน ไม่มีใครเห็น ไม่ขายหน้าใคร
“ฮึ ถือว่ารับปากได้เร็วดี ให้อภัยเ้าก็ได้”
เฮยจีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นนางก็พูดว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่เคยไปที่สำนักเทพอัคคี แต่จากสิ่งที่พ่อของเ้าพูดมา ข้าสามารถบอกได้ว่ามันเป็สำนักประมาณไหน”
“เ้าว่ามาเลย” ิอวี่ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ
“ที่พ่อของเ้าพูดมา มันไม่ได้มีอะไรที่เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะบนโลกใบนี้มันมีสำนักนั้นอยู่จริงๆ แล้วสำนักที่เ้ากำลังจะเข้าไปก็เป็สำนักเหนือระดับที่ใหญ่ที่สุดในรอบรัศมีแสนลี้นี้ด้วย”
น้ำเสียงของเฮยจีเริ่มจริงจังขึ้น “ในสำนักเหนือระดับมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมาก มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการฝึกที่ครบครัน ภายในสำนักเป็ระบบการแข่งขันที่ก็ไม่ได้แตกต่างจากการชิงอำนาจในราชสำนักเลย และเหมือนจะรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ ในสำนักแบบนี้ การต่อสู้ การแย่งชิงกันระหว่างผู้ที่มีความสามารถมันไม่เคยหยุดนิ่งเลย และถือเป็รูปแบบหลักของสำนักเหนือระดับด้วย”
ิอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหมือนจะฟังอะไรบางอย่างออกจากสิ่งที่เฮยจีพูด
หรือว่า ตอนที่เฮยจียังมีชีวิตอยู่นั้นนางเป็คนของสำนักเหนือระดับ? เพราะถ้าไม่อย่างนั้น นางจะรู้เื่ของสำนักเหนือระดับมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
เฮยจีพูดต่อว่า “ในสำนักเทพอัคคี มีผู้ที่มีความสามารถต่อสู้กันนับไม่ถ้วน และเมื่อเ้าเข้าวงโคจรนั้นแล้วอาจจะถูกเล่นงานจนร่างแหลก และสุดท้ายเ้าก็อาจจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นได้”
“เ้ากำลังจะเตือนข้าว่า อย่าเลือกเข้าสำนักเทพอัคคีอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าแค่อยากจะให้เ้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน เ้าจะได้เรียนรู้วิชามากมายในสำนัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีอันตรายรอบด้านรอเ้าอยู่เช่นกัน”
เฮยจีส่ายหน้าจากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “เฮ้อ แต่ว่าข้าก็รู้ดีว่าคนบางคนหัวดื้อแค่ไหน เื่อะไรที่เขาตัดสินใจไปแล้วเอาวัวสิบตัวมาลากก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ข้าก็ทำได้แค่ต้องกังวลไปกับอันตรายที่เขาต้องเจอด้วยก็เท่านั้นแหละ”
ิอวี่ตะลึงเล็กน้อย เขากำลังอยากจะบอกว่าอะไรที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เฮยจีกลับช่วยเขาพูดออกมาก่อนเลย
เมื่อมีใครสักคนที่เข้าใจตัวเขาได้ขนาดนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก
เพราะอย่างนี้จึงทำให้ิอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบใจเ้านะที่เตือนข้า แล้วก็ขอบใจที่เ้าเข้าใจข้าด้วย หลังจากนี้อีกหนึ่งปี เราจะต้องกลับออกมาจากสำนักเทพอัคคีอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“ก็แน่นอนแหละ ไม่อย่างนั้นต่อไปใครจะมานวดหลังให้ข้าล่ะ อิอิ ... ” เฮยจีปิดปากแล้วหัวเราะ
พอิอวี่ได้ยินดังนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นางยังจำเื่นี้ได้อีก ดูท่าเขาคงหนีไม่รอดแล้ว เขาก็เลยหยุดวิ่ง
และในเวลานี้เอง หยกโบราณที่หน้าอกของิอวี่ก็มีแสงเปล่งออกมาและกลายเป็เงาสีดำๆ ปรากฏขึ้น
ยังคงเป็ใบหน้าที่งดงามเหมือนเดิม และยังคงเป็ชุดสีดำธรรมดาที่ไม่รู้จะธรรมดาอย่างไร แต่เมื่อิอวี่ได้เห็นเงาที่งดงามนั้นอีกครั้ง ในใจของเขาก็ยังหวั่นไหวขึ้นมาเหมือนเดิม
เงาที่งดงามนั้นก้าวเท้าขาวๆ แตะมาที่พื้น นางสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วยื่นมือออกมายืดเส้นยืดสายเล็กน้อย แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ลงมากระทบร่างของนาง สะท้อนให้เห็นถึงรูปร่างที่อวบอิ่มและหุ่นที่ผอมเพรียวของนาง
“อือ ... ไม่ได้ออกมานานมากแล้วจริงๆ ”
เฮยจีมองไปที่ิอวี่และขยิบตาซ้ายให้ จากนั้นก็ยื่นมือขวาที่ขาวเนียนออกไปและกระดิกนิ้วชี้เรียกิอวี่ นางยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “พูดไปแล้ว ห้ามคืนคำนะ”
