สายลมกระโชกแรง ความขุ่นเคืองอันตรายดุจใบมีด และกลิ่นคาวเืก็คละคลุ้งไปทั่วจัตุรัส
ซูอวิ๋นยืนอยู่ข้างบ่อน้ำและมองไปยังร่างนั้น พลันสีหน้าภายใต้ผ้าคลุมก็มีแววซับซ้อน และหมัดในแขนเสื้อก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว
ั้แ่จากลาในเมืองเสวียนซาน ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกันอีกครั้ง
เป็เขาจริงๆ
เขายังมีชีวิตอยู่และกลายเป็ผู้บำเพ็ญแล้ว
ซูอวิ๋นกัดฟันด้วยความรู้สึกซับซ้อนอย่างยิ่ง ทั้งสองเคยเป็คู่รักในวัยเด็ก และนางยังไม่ลืมความทรงจำบางอย่าง เพียงแต่เมื่อนึกถึงอนาคตและชื่อเสียงในวันข้างหน้า นางก็สามารถทอดทิ้งอดีตคู่หมั้นได้อย่างเด็ดเดี่ยว
ซูอวิ๋นค่อนข้างเย่อหยิ่ง นางเริ่มดูถูกหนิงเทียนทันทีที่เขาล้มเหลวในการปลุกสายเื และเมื่อนางปลุกสายเืร่างเหมันต์ซานหยินขึ้นมาได้ นางก็ผลักไสไล่ส่งเขาออกไป
ยิ่งได้เห็นเขามีเกียรติยศอันสูงส่งโดยการเป็ที่หนึ่งบนอนุสาวรีย์เสียวอู่ นางก็รู้สึกราวกับมีเสี้ยนหนามที่ติดอยู่ในลำคอ ซึ่งทำให้นางไม่มีความสุขเป็อย่างยิ่ง
ยิ่งหนิงเทียนแข็งแกร่งขึ้น ซูอวิ๋นก็ยิ่งบ้าคลั่งด้วยความเกลียดชัง
นางไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น แม้นางจะมองหนิงเทียนผิด นางก็จะสังหารเขาด้วยมือของนางเอง นางจะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาหัวเราะเยาะ และชีวิตของนางจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ชิวซานอวิ๋นจ้องมองหนิงเทียนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย นี่เป็โอกาสที่หาได้ยากเหลือเกิน การที่ศิษย์หยวนซิวทั้งเก้าสำนักรวมตัวกันในแดนลับเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการสังหารหนิงเทียนหรอกหรือ?
เขาหัวเราะลั่นพร้อมกับซูอวิ๋น ทั้งสองคนมีเจตนา้าทำลายหนิงเทียนเหมือนกัน แต่จุดประสงค์เื้ันั้นกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ชิวซานอวิ๋นไม่มีทางรู้ว่า การที่ซูอวิ๋นไม่รีบคว้าโอกาสในการเข้าสู่ก้นบ่อเป็คนแรกนั้น ไม่ใช่เพียงในบ่อเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมาย แต่เพราะนางตั้งใจรอให้หนิงเทียนปรากฏตัวด้วย
ก่อนเข้าสู่แดนลับ ซูอวิ๋นรู้อยู่แล้วว่าหนิงเทียนก็อยู่ในนี้ ดังนั้น นางจึงวางแผนสังหารเขาโดยไม่ให้เกิดความล้มเหลว
ยามนี้จื๋อซิวตายไปมากและหยวนซิวก็แข็งแกร่ง หนิงเทียนย่อมไม่สามารถหลบหนีได้
ทางด้านหนิงเทียน เขาไม่รู้เื่การมีอยู่ของซูอวิ๋นเลยสักนิด ทั้งยังไม่รู้ว่าซูอวิ๋นวางแผนเื่ทั้งหมดนี้ และเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
ความแค้นแผดเผาอยู่ในอกของหนิงเทียน การสังหารหมู่นองเืทำให้เขาโกรธจัด ชีวิตของจื๋อซิวต่ำต้อยยิ่งกว่ามดจริงหรือ?
ทั้งถูกเหยียบย่ำ ถูกทรมาน ถูกสังหารตามใจอยาก ใต้หล้านี้ยังหลงเหลือความยุติธรรมอยู่หรือไม่?
ซิ่งอวี่เจวียนเกลียดชังจนแทบบ้า นางส่งเสียงคำรามจนสั่นะเืไปทั่ว นาง้าคำอธิบายสำหรับชีวิตของศิษย์ผู้บริสุทธิ์จื๋อซิวผู้บริสุทธิ์!
“เฮ้! มีปลาสองตัวหลุดอวนเข้ามาทันเวลาพอดี ฆ่าพวกมันสองคนด้วยเลย!”
“เด็กคนนั้นดูเหมือนจะเป็หนิงเทียน กล้าอ้างตัวว่ามีความแข็งแกร่งทางกายภาพถึงหนึ่งแสนจิน แต่จริงๆ ก็ถูกข้าโจมตี ฮ่าๆๆ! อัจฉริยะผู้มีอนาคตมากที่สุดในเชื้อสายจื๋อซิวจะต้องตายด้วยมือของข้า! ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง”
“นั่นเขา! เยี่ยมมาก ข้า้าผลงานคราวนี้”
“อย่ามายุ่ง! ข้าจองก่อน จะไม่มีใครปล้นชีวิตมันไปจากข้าได้ หากได้สังหารมันแล้ว นามของข้าจะโด่งดังไปทั้งใต้หล้า!”
ศิษย์หลักหยวนซิวต่างกระตือรือร้นทันที เพราะการได้สังหารหนิงเทียนนับเป็เกียรติอย่างยิ่ง พวกเขาล้วนคิดว่านี่เป็เื่น่ายินดีที่ได้สังหารผู้มีพร์ซึ่งมีศักยภาพในการฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ดวงตาเฉียบคมราวใบมีดของอู่เจี้ยนหงจ้องหนิงเทียนอย่างเกลียดชังแล้วกล่าวเตือน “อย่าประมาทศัตรู เด็กคนนี้รับมือไม่ง่ายเลย”
“ศิษย์พี่อู่ ท่านพูดทำลายความทะเยอทะยานของคนอื่นและทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร? มันเป็เพียงมดในขอบเขตจิตหยั่งลึก ความแข็งแกร่งทางกายภาพนับว่าไร้ค่า ข้าสามารถทรมานมันจนไม่ต่างจากสุนัขได้ด้วยมือเดียว”
ทันใดนั้นต่งซิงอู่ผู้เป็ศิษย์หลักของสำนักชื่อหยวนปังก็ะโขึ้น “หลีกทางไปให้หมด! เด็กนั่นเป็ของข้า!”
ั้แ่เข้ามาในเมืองร้างคราแรก ต่งซิงอู่ก็้าสังหารหนิงเทียน ทว่าพวกเขากลับไม่มีโชคชะตาให้ได้พบกัน ซึ่งทำให้ต่งซิงอู่หงุดหงิดอย่างมาก และยามนี้หนิงเทียนปรากฏตัวแล้ว ต่งซิงอู่ย่อม้าปลิดชีพเขาด้วยมือของตนเองเพื่อระบายความเกลียดชัง
ในบรรดาสำนักหยวนซิวทั้งเก้า สำนักชื่อหยวนปังและหนิงเทียนมีความบาดหมางต่อกันมากที่สุด และในบรรดาแปดสำนักที่เหลือ หนิงเทียนก็เกลียดชังสำนักหานเทียนมากที่สุด
ซูอวิ๋นไม่กล้าแสดงตนเพราะกลัวว่าหนิงเทียนจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาในที่สาธารณะ หากเื่ราวเื้ัของนางถูกแพร่ออกไป นั่นจะกลายเป็มลทินในชีวิตของนาง
ชิวซานอวิ๋นก็ไม่ออกหน้าเช่นกัน เขายังหลงเหลือความเกรงกลัวเยี่ยหลิงหลานอยู่ หากสามารถยืมมีดฆ่าคนได้ เขาย่อมไม่คิดลงมือด้วยตนเอง
ในเมื่อคนอื่นๆ ้าสังหารหนิงเทียนเพื่อสร้างชื่อเสียง ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นก็ลอบยิ้มให้กับความกระตือรือร้นของพวกเขา
“เ้าสัตว์ร้ายทั้งหลาย ข้าจะสังหารพวกเ้า!” ซิ่งอวี่เจวียนกำลังอ่อนไหว ความโกรธทำให้นางเสียสติจนไม่สนใจช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่าย
หนิงเทียนรีบคว้าตัวซิ่งอวี่เจวียนไว้อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า “ข้าไปเอง ท่านคอยปกป้องข้าจากด้านหลังก็พอ”
เมื่อพูดจบหนิงเทียนก็หยิบธนูจันทรามรกตขึ้นมาแล้วยัดใส่มือของซิ่งอวี่เจวียน เพื่อไม่ให้นางตกอยู่ในอันตราย
ณ ที่แห่งนี้มีศิษย์หลักของสำนักหยวนซิวมากกว่าสี่ร้อยคน ความโกรธและความหุนหันพลันแล่นอาจนำพวกเขาไปสู่ความตายได้
หนิงเทียนค่อยๆ หาทางตอบโต้อย่างรอบคอบ เขาระงับความโกรธในใจ และเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
สำนักอินทนิลและสำนักชื่อหยวนปังเป็แดนศักดิ์สิทธิ์ของหยวนซิว ศิษย์หลักทุกคนที่สามารถเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ได้ล้วนเป็ผู้ที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด
สำนักหานเทียนและโถงเพลิงทมิฬก็แข็งแกร่งเช่นกัน พวกเขาเป็สองสำนักั์ใหญ่ของหยวนซิวในจักรวรรดิเชียนซาน ทั้งยังมีผู้ไร้เทียมทานและผู้มากความสามารถอีกหลายคนอยู่ในสำนัก
ส่วนห้าฝ่ายที่เหลือพละกำลังค่อนข้างอ่อนแอ แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าจื๋อซิว
การเผชิญหน้ากับยอดฝีมือกว่าสี่ร้อยคนเพียงลำพัง นับเป็การต่อสู้ที่ไร้ความหวัง
ซิ่งอวี่เจวียนตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านี้หลังจากที่นางตั้งสติได้ และในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นเลย แม้แต่โอกาสหลบหนียังแทบไม่มี
“หนิงเทียน เ้าหนีไปเถอะ ข้าจะถ่วงเวลาให้เอง!” ซิ่งอวี่เจวียนหยุดอยู่ตรงหน้าหนิงเทียนและเร่งให้เขาหนีไปโดยเร็ว
ระหว่างสูญเสียเพียงหนึ่งชีวิตกับตายทั้งคู่ นางย่อมเลือกทางแรก
ซิ่งอวี่เจวียนรู้ว่าชีวิตของหนิงเทียนสำคัญกว่านางมาก นางจึงยอมตายที่นี่ดีกว่าปล่อยให้หนิงเทียนต้องมาทิ้งชีวิต
เมื่อมองไหล่อันบอบบางของซิ่งอวี่เจวียนแล้ว หนิงเทียนก็รู้สึกะเืใจมาก หลังจากกลายเป็จื๋อซิวเขาก็มีสหายไม่มากนัก มีแค่เสิ่นซินจู๋ที่คอยช่วยเหลือและมีซิ่งอวี่เจวียนที่คอยดูแล การมีคนสนิทในชีวิตเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
หนิงเทียนวางมือบนไหล่ของซิ่งอวี่เจวียน จิติญญาการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นมาในดวงตาก่อนจะกล่าวว่า “เราอาจไม่แพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้! แต่ข้า้าความร่วมมือจากท่าน”
“จะ...เ้ามั่นใจจริงๆ หรือ?” ซิ่งอวี่เจวียนมองหนิงเทียน เมื่อนางเห็นแววตาที่เปล่งประกายของเขา หัวใจที่เคยมอดไหม้ก็จุดไฟแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ศิษย์หลักหยวนซิวทยอยพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยผู้ที่เร็วที่สุดคือต่งซิงอู่จากสำนักชื่อหยวนปัง
ซิ่งอวี่เจวียนถอยกลับโดยถือธนูจันทรามรกตไว้แน่น และคนแรกที่นางเล็งเป้าก็คือต่งซิงอู่
พลังงานที่น่าในี้ทำให้ทุกคนโดยรอบตื่นตะลึง ต่งซิงอู่เองก็สั่นไหวและเปลี่ยนทิศทางอย่างเร่งรีบ
“อยู่ห่างๆ ไว้” หนิงเทียนเตือนพลางเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย ร่างของเขาทะยานขึ้นจากพื้น ดอกบัวปรากฏอยู่ใต้ฝ่าเท้า พร้อมโอบอุ้มเขาขึ้นไปในอากาศ
ซิ่งอวี่เจวียนถอยกลับไปที่ขอบจัตุรัส ซึ่งมีพืชพรรณเขียวชอุ่มที่เหมาะสำหรับการซ่อนตัว
“หนิงเทียน จงเข้ามารับความตายเสีย!” ต่งซิงอู่ขู่คำรามด้วยรอยยิ้มอันดุร้าย
ดวงตาของหนิงเทียนสว่างวาบราวใบมีดที่กวาดไปทั่วบริเวณ นอกจากศิษย์หลักของสำนักหยวนซิวทั้งเก้าแล้ว ยังมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ถูกละเลยอีกด้วย ซึ่งก็คือบรรดาอสูริญญาแห่งยอดเขาหมื่นอสูร
พวกมันล้วนไม่มีกุญแจและไม่สามารถเข้าไปในบ่อน้ำได้ ทั้งยังคงปักหลักอยู่รอบจัตุรัส
ไม่มีผู้ใดทราบจำนวนของอสูริญญาเหล่านี้ แต่สันนิษฐานว่าไม่แตกต่างจากอสูริญญาในเมืองร้าง สัตว์อสูรประมาณสิบตนต่างพยายามควบคุมกลิ่นอายของตนเอง และมีขนาดตัวไม่ใหญ่นัก
“ไม่จำเป็ต้องเสียเวลากับเขา ใครก็ตามที่สังหารเขาได้ก่อนย่อมได้รับผลงาน!” ศิษย์สำนักอินทนิลคนหนึ่งยกมือฟาดกระบี่ออกไป ปราณกระบี่หมุนวนและแพร่กระจายโดยเปิดช่องว่างเหมือนกรวย
ทักษะกระบี่ของชายผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ทว่าทักษะร่างกายของเขาน่าทึ่งยิ่งกว่า เขาแยกร่างออกเป็สองส่วนและโจมตีจากทั้งสองฝั่ง
“บ้าเอ๊ย! กล้าแย่งข้าหรือ? ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” ต่งซิงอู่คำรามด้วยความโกรธและเริ่มโจมตีทันที เขาเกรงว่าหนิงเทียนจะถูกศิษย์สำนักอินทนิลแย่งสังหารไปเสียก่อน
ศิษย์จากโถงเพลิงทมิฬ สำนักหานเทียน และอีกห้าสำนักต่างก็เข้าล้อมหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว พวกเขาก่อตัวเป็รูปพัดซึ่งทำให้หนิงเทียนหลบหนีได้ยาก
ซิ่งอวี่เจวียนเริ่มใช้ธนูจันทรามรกต ลูกศรไม้คำรามแหวกอากาศซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธที่ไร้ขอบเขต ก่อนจะแทงทะลุหัวใจของศิษย์หยวนซิวในทันที
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วจัตุรัส ทำให้เกิดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวจากเหล่าศิษย์หยวนซิว
“นางตัวดีนี่กล้าต่อต้านเรา สังหารนางเสีย!” กลุ่มศิษย์หลักผละออกจากที่เกิดเหตุแล้วรีบพุ่งเข้าใส่ซิ่งอวี่เจวียน
หนิงเทียนเยาะเย้ยพร้อมเผยเจตนาสังหารที่ลุกโชนอยู่ในดวงตา ทันใดนั้นทหาริญญาเยาเยาก็ส่องแสงสว่างวาบ และหนิงเทียนก็หายวับไปจากสายตาของทุกคน
วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ในบรรดากลุ่มคนที่วิ่งไปหาซิ่งอวี่เจวียน ร่างของคนสิบสามคนะเิเป็เสี่ยงทันที ส่วนเืเนื้อที่หลงเหลือก็ล้วนถูกอสูริญญาบริเวณใกล้เคียงกลืนกินจนหมดสิ้น
“เ้าเด็กหน้าเหม็น เ้ากำลังมองหาความตาย!”
ศิษย์หยวนซิวกลุ่มต่างๆ ล้วนคลุ้มคลั่ง การสูญเสียสหายสิบสามคนไปในคราวเดียวเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเกียรติยศของพวกเขาเท่านั้น ทว่ายังสร้างความเจ็บใจให้พวกเขาอีกด้วย
“ล้อมเขาเอาไว้! อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้”
สิ้นเสียงสั่งการ ศิษย์หยวนซิวหลายร้อยคนก็รุมล้อมหนิงเทียนและโจมตีเขาอย่างดุเดือด
“ระวัง!” ซิ่งอวี่เจวียนร้องลั่นก่อนจะยิงลูกศรห้าดอกติดต่อกันจนศัตรูต้องถอยกลับไปชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถช่วยหนิงเทียนได้มากนัก
ในสถานการณ์หนึ่งต่อร้อยเช่นนี้ หนิงเทียนตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังแล้ว ซึ่งซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นต่างก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“ความกล้าหาญของมนุษย์ธรรมดายังไม่พอที่จะต้องกลัว”
“สิ่งที่พี่ชายชิวพูดนั้นเป็ความจริงอย่างแน่นอน”
อู่เจี้ยนหงจ้องมองหนิงเทียนและเห็นแสงเย็นวาบในดวงตาของเขา ก่อนจะััได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น “ทุกคนรีบถอยออกไปเร็ว!”
“ศิษย์พี่อู่ ท่านกลายเป็คนขี้ขลาดเหมือนหนูั้แ่เมื่อใด?” หลายคนไม่เห็นด้วยและแอบหัวเราะเยาะเขา
อย่างไรก็ตาม ยามนี้ความโกรธอันท่วมท้นได้ปกคลุมไปทั่วจัตุรัส และอสูริญญาที่เคยเงียบงันต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว
เมื่อใบหญ้าราวคมกระบี่ ใบไม้ราวใบมีด กลิ่นหอมของดอกไม้แฝงด้วยพิษร้ายแรง และเถาวัลย์ที่ไม่ต่างจากหอกรวมตัวกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนก็สั่นคลอนพื้นที่โดยรอบ ทำให้ซูอวิ๋น ชิวซานอวิ๋น และศิษย์หยวนซิวคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ต่างหวาดหวั่น
เสียงโอดครวญเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ศิษย์หลักหยวนซิวทุกคนถูกตัดศีรษะ หน้าอกทะลุ แขนขาหัก เืสาดกระเซ็น ช่างเป็ภาพที่ไม่ต่างจากการกวาดล้างของยมบาลเลย
“ศิษย์พี่ช่วยข้าด้วย ขะ...ข้ายังไม่อยากตาย”
ซิ่งอวี่เจวียนตื่นเต้นมากและแผดเสียงลั่น “สังหารเลยเขา!”
หัวใจของหนิงเทียนเย็นเฉียบราวกับเหล็ก เมื่อสัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าวผสานเข้ากับทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารของทหาริญญาเยาเยา รวมกับการประยุกต์วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นและการะเิพลังในร่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ต่างจากยมทูตที่ย่างกรายขึ้นมาสู่พื้นดิน
ความตายเยี่ยมเยือนทุกพื้นที่ที่เขาก้าวผ่าน และไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีชะตากรรมได้พ้น
ศิษย์หลักหยวนซิวกว่าเจ็ดสิบคนเสียชีวิตในทันที คนที่เหลือต่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง ทำได้เพียงหันหลังกลับเพื่อวิ่งหนี แต่ก็มีไม่ถึงสิบคนเท่านั้นที่สามารถรอดไปได้
หนิงเทียนสังหารผู้บำเพ็ญมากกว่าเก้าสิบคนได้ในคราวเดียว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก และหลายคนก็ถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว
อู่เจี้ยนหงโกรธจัดและสาปแช่งด้วยความโกรธ “พวกคนโง่! ข้าบอกให้ถอยออกมา พวกเ้าหูหนวกกันหมดเลยหรือ? เ้าเด็กนี่เชี่ยวชาญในการใช้พฤกษาเป็อาวุธ ทั้งยังสามารถควบคุมอสูริญญาได้อีกด้วย ก่อนหน้านี้ที่หอภาพเขียน เขาก็สังหารทุกคนยกเว้นข้า พวกเ้าคิดว่าเขาโง่เง่าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อจริงหรือ?”
