เมื่อเหวยเสียวเหล่ยมองไปทางฉินเฟิงที่พรวดพราดมากะทันหันสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย “ไอ้หนู นี่ไม่ใช่เื่ของแกอย่าสร้างปัญหาจะดีกว่า”
หยุนเซียวก็แปลกใจที่เห็นฉินเฟิงทว่าหลังจากที่เห็นวิธีที่เหวยเสียวเหล่ยพูดกับฉินเฟิงเธอก็จ้องเขาเขม็งและตอบกลับ “นี่เป็นักเรียนของฉันเวลาพูดจาโปรดรู้จักมารยาทด้วย”
เหวยเสียวเหล่ยมองฉินเฟิงเ็ามากขึ้น“นักเรียน? หยุนเซียว หรือว่าเธอมาที่เล็กๆอย่างเมืองเว่ยเฉิงเพื่อไอ้เด็กสำอางอย่างมันเหรอ?” เขาหัวเราะ
หน้าอกของหยุนเซียวกระเพื่อมขึ้นเธอไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายให้กับเหวยเสียวเหล่ย ขณะที่เธอกำลังจะออกไปเธอจับมือฉินเฟิงและกล่าว “ฉินเฟิง ไปกันเถอะ ไม่ต้องกังวลเื่เขาหรอก”
เมื่อเห็นอย่างนี้ดวงตาของเหวยเสียวเหล่ยเกือบจะลุกเป็ไฟ เขารู้จักหยุนเซียวมากว่า 20 ปี แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเป็คนเริ่มจับมือผู้ชายก่อนยิ่งกว่านั้นเธอดูจะเอาอกเอาใจนักเรียนคนนี้มาก
เหวยเสียวเหล่ยไม่เชื่อว่าจะไม่มีอะไรระหว่างหยุนเซียวกับฉินเฟิง
เขารีบเดินไปขวางทางทั้งคู่และจ้องพวกเขาพร้อมพูดอย่างไร้อารมณ์ “หยุนเซียวเธอควรจะคิดให้ดีนะว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าตระกูลเรารู้เมื่อไรเธอคิดหรือเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เด็กนี่? เฮอะๆถ้าฉันเป็เธอนะ ฉันคงไม่ลากนักเรียนที่ขนยังไม่ขึ้นมาเอี่ยวด้วยหรอก ฉันแน่ใจว่าเธอเข้าใจที่ฉันพูดนะ”
ใบหน้าของหยุนเซียวแดงขึ้นทันทีแน่นอนว่าเธอได้ยินคำขู่ของเหวยเสียวเหล่ย ถ้าเธอไม่ทำตามที่เขา้าเขาอาจจะใส่ร้ายเธอและฉินเฟิงต่อหน้าตระกูลของพวกเขาทำให้ฉินเฟิงต้องรับผลเคราะห์ที่ตามมา
หยุนเซียวไม่สนว่าสถานะหรือชื่อเสียงของเธอจะเป็อย่างไรเหวยเสียวเหล่ยจะพูดอะไรกับเธอก็ได้ อย่างไรก็ตาม เธอไม่อยากก่อปัญหาให้กับฉินเฟิง
แม้เธอจะรู้ว่าตระกูลฉินเฟิงค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองเว่ยเฉิงแต่เธอรู้ว่าตระกูลหยุนและตระกูลเหวยในเมืองหลวงก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเมื่อเป็เช่นนี้เธอจึงเริ่มเป็ห่วงฉินเฟิงขึ้นมาจริงๆ
“คุณ้าอะไร?” หยุนเซียวถามด้วยความโมโห
เมื่อเขาเห็นหยุนเซียวยอมแพ้เหวยเสียวเหล่ยก็ยิ้มอย่างยินดีขณะที่พูดด้วยความเพลิดเพลิน “จริงๆแล้วฉันก็ไม่้าอะไรหรอกฉันแค่้าแต่งงานที่จัดขึ้นโดยตระกูลของเราให้เสร็จ บอกไอ้เด็กนี่ให้มันไสหัวไปซะฉันจะได้พาเธอกลับ มีเื่ที่ฉันอยากจะคุยกับเธอเป็การส่วนตัวระหว่างเราสองคน”
ขณะที่เขาพูดสายตาของเหวยเสียวเหล่ยก็ประกายความชั่วร้าย ทำให้หยุนเซียวรู้สึกรังเกียจแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงหันไปหาฉินเฟิงและบอกให้เขากลับไป
ทันใดนั้นฉินเฟิงก็เริ่มออกตัวหลังจากที่ฟังการสนทนามานาน เขาเข้าใจโดยรวมแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตระกูลของหยุนเซียวและตระกูลของเหวยเสียวเหล่ยได้จัดการแต่งงานสำหรับพวกเขาทว่าหยุนเซียวนั้นไม่ชอบเหวยเสียวเหล่ยดังนั้นเธอจึงหนีมาที่เมืองเว่ยฉิงเพื่อมาเป็ครูถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หยุดตามรังควานเธอและมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อพาเธอกลับ
ฉินเฟิงก็มาจากตระกูลใหญ่และเกือบจะโดนบังคับให้แต่งงานโดยพ่อของเขาเหมือนกันหลังจากที่เกิดเื่นั้นกับจ้าวหลิงเซียน ฉินหวงก็จัดการแต่งงานให้เขาอีกครั้งกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ฉินเฟิงเองก็รังเกียจเื่แบบนี้
“ครูหยุนเซียว วันนี้ค่อนข้างร้อนนะ มีแมลงวันน่ารำคาญมาคอยบินหึ่งๆครูอยากซื้อสเปรย์มาฉีดมันให้ตายหรือเปล่า?”
หลังจากโดนฉินเฟิงเรียกว่าแมลงวันน่ารำคาญเหวยเสียวเหล่ยก็โกรธขึ้นมาจนหน้าตาบึ้งตึงเขามองฉินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับสายตาที่คมราวกับมีดและพูดออกมา “ไอ้หนูอย่าอวดดีเกินไปนัก ไม่งั้นแกจะตายโดยไม่รู้ตัว”
“โอ้ จริงเหรอ? ฉันก็กังวลอยู่เลยว่าเมื่อไรจะตายสักที”
ฉินเฟิงยิ้มขณะที่จ้องไปที่เหวยเสียวเหล่ยเพื่อเป็การยั่วยุให้เขาโกรธมากขึ้นเขาใช้แขนโอบเอวของหยุนเซียวและพูดกับเธอด้วยเสียงหวาน “ครูหยุนเซียวผมจะไปส่งครูเอง”
“อืม” เมื่อรู้สึกถึงแขนของฉินเฟิงโอบตัวเธอ ใบหน้าของหยุนเซียวก็แดงด้วยความอายเธอบอกได้ว่าฉินเฟิงพยายามจะช่วยเธอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยเธอจึงไปกับเขา
“ไอ้เด็กเปรต เอามือสกปรกของแกออกจากเธอเดี๋ยวนี้จะดีกว่าไม่งั้นแกจะใช้แขนข้างนั้นไม่ได้อีกเป็ครั้งที่สอง” เหวยเสียวเหล่ยขู่แบบน่ากลัว
เขาวิ่งมาหยุดหยุนเซียวอีกครั้งและพูด“หยุนเซียว ฉันหวังว่าเธอจะคิดดีๆ นะ”
ฉินเฟิงใช้มือที่ว่างอยู่ปัดไปมาเหมือนกับว่ากำลังไล่แมลงวัน“รีบไปได้แล้วไป๊ ครูหยุนเซียวของเรายุ่งมาก ฉันว่านายไม่เร็วเท่าฉันหรอกดังนั้นฉันควรจะพาเธอไปส่งเอง”
เมื่อได้ยินดังนี้เหวยเสียวเหล่ยก็หัวเราะด้วยความประหลาดใจ ฉินเฟิงพูดว่าสามารถขับรถเร็วกว่าเขาซึ่งเป็เื่ที่น่าตลกที่สุดเลย
ในฐานะนายน้อยเ้าสำราญเหวยเสียวเหล่ยไม่มีทักษะในการบริหารเงิน ธุรกิจหรือการจัดการทว่าทักษะในการตกหญิง แข่งรถ และการพนัน เขามีหมด
โดยเฉพาะการแข่งรถเขาเป็หนึ่งในนักแข่งระดับแนวหน้าในเมืองหลวงและมีชื่อเล่นที่นักแข่งคนอื่นๆตั้งว่า ‘นักแข่งเทพเขาผี’นี่เป็เพราะเขาไม่เคยแข่งแพ้บนูเาผีที่อยู่ชานเมืองของเมืองหลวงมาก่อน
“ไอ้หนู แกกล้าแข่งกับพ่อไหมว่าใครจะเร็วกว่า?” เหวยเสียวเหล่ยรู้สึกมั่นใจมากแม้ว่าเขาจะซิ่งรถมามากกว่า 10 ปีก็มีคนไม่มากนักที่จะเทียบกับเขาได้
แล้วในเมืองเว่ยเฉิงเล็กๆแห่งนี้ใครจะทำให้เขากลัวได้?
ในที่จอดรถของตระกูลเหวยมีรถแข่งรุ่นจำนวนจำกัดมากกว่า10คัน หนึ่งในคันที่เขาขับมาเป็คันโปรดของเขา มาเซราติแกรนทัวริสโมรุ่นจำนวนจำกัด เป็โมเดลแบบจำนวนจำกัดที่มีแค่ 12 คันบนโลก และซื้อได้ในอิตาลี่เท่านั้น
เพื่อให้ได้รับรถคันนี้มาเหวยเสียวเหล่ยใช้ความพยายามอย่างมากและใช้เส้นสายของตระกูล
แม้ว่าเขาจะยังไม่เห็นว่าฉินเฟิงขับรถอะไรแต่เขาก็มั่นใจว่าคงไม่สามารถเทียบกับแกรนทัวริสโมสุดเท่และหรูหราของเขาได้
ถึงแม้จักรยานยุคเก่า28นิ้ว ที่ฉินเฟิงนำมาจะไม่ได้เท่หรือหรูหราเหมือนกับแกรนทัวริสโมแต่ฉินเฟิงก็ไวมากเมื่อปั่นจักรยานคันนี้เมื่อได้ยินว่าเหวยเสียวเหล่ยประเมินความสามารถของตัวเองสูงไปและท้าแข่งกับเขาฉินเฟิงก็ยิ้มและตกลง
“ในเมื่อนายกระเสือกกระสนอยากจะแข่งกับฉันมากขนาดนั้นฉันคงต้องแสดงความเห็นใจและยอมรับสินะ”
เหวยเสียวเหล่ยโมโหจากท่าทีที่หยิ่งผยองของฉินเฟิงฉันไปกระเสือกกระสนอยากแข่งกับแกั้แ่เมื่อไร? ใครจะสนว่าแกอยากแข่งหรือไม่
เมื่อเขากำลังจะเริ่มด่าฉินเฟิงฉินเฟิงก็พูดต่อไปว่า “ยังไงก็ตาม เนื่องจากมันเป็การแข่งเราจำเป็ต้องทำให้มันน่าสนใจ ในเมื่อนายอยากจะแข่งว่าใครเร็วกว่างั้นใครก็ตามที่แพ้จะต้องให้รถของตัวเอง กล้าพนันหรือเปล่า?”
ฉินเฟิงกล่าวแบบไม่ใส่ใจแม้ว่าเขาจะไม่เห็นว่าเหวยเสียวเหล่ยขับรถอะไรมา เขาก็รู้ว่าแม้เขาจะแพ้เขาก็เสียแค่จักรยาน 28 นิ้วที่ใช้เงินไม่กี่ร้อยหยวนซื้อมา แต่ถ้าเขาชนะ เขาอาจจะได้รถหรูสุดแพง
เมื่อเห็นชุดหรูที่เหวยเสียวเหล่ยใส่รวมถึงท่าทางหยิ่งผยองที่เขาพูด รถที่เขาขับมาต้องไม่ถูกแน่
“แน่นอน ใครกลัวกัน?” เหวยเสียวเหล่ยเชิดหน้าขึ้นดูสูงส่งและมีอำนาจ เขาไม่เชื่อว่าฉินเฟิงจะชนะเขาได้ดังนั้นเขาจึงไม่สนเื่การเดิมพัน
“เอาล่ะ งั้นฉันจะไปเอารถหรูของฉันมา” หลังจากพูดเสร็จฉินเฟิงก็ไปหาจักรยานของเขาขณะที่เหวยเสียวเหล่ยไปหามาเซราติแกรนทัวริสโมรุ่นจำนวนจำกัด
ขณะที่เขาสตาร์ทเครื่องยนต์มันก็พ่นเสียง วู้ม วู้ม ซึ่งดึงดูดความสนใจของนักเรียนหลายคนเมื่อเห็นรถที่ดูโคตรเท่ พวกเขาทั้งหมดก็ร้องออกมาและพยายามเข้าไปใกล้
แม้ว่าการแข่งขันจะยังไม่ทันเริ่มปฏิกิริยาผู้คนที่มีต่อรถของเขาก็ทำให้เหวยเสียวเหล่ยรู้สึกยินดีมาก
เขาเหยียบคันเร่งทำให้รถพุ่งออกไปเหมือนลูกศรออกจากคันธนู ขณะที่เขาเข้าใกล้หยุนเซียวและฉินเฟิงเขาก็สะบัดรถและดริฟต์
เหวยเสียวเหล่ยเปิดประตูรถและเดินออกมาอย่างภาคภูมิการทำตัวผยองแบบนี้ทำให้ฉินเฟิงเกือบจะอ้วก ขนาดหยุนเซียวก็ดูรังเกียจนิดหน่อย
“ไอ้หนู ไหนรถแก? ไม่ใช่ว่าแกกลัวจนไม่อยากแข่งแล้วใช่ไหม?ฮ่าๆๆ!” หลังจากเห็นท่าทีของฉินเฟิงที่มั่นใจมาก แต่ออกมาโดยไม่มีรถเหวยเสียวเหล่ยจึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขา
เหวยเสียวเหล่ยมองดูรอบๆแต่ก็ไม่เห็นรถคันอื่นเลย เขาคิดว่าฉินเฟิงกลัวเมื่อได้เห็นรถที่เขาขับเลยตัดสินใจยอมแพ้
แน่นอนว่าจักรยานข้างหลังของฉินเฟิงโดนเหวยเสียวเหล่ยเมินโดยสิ้นเชิง
“นายตาบอดหรือไง? นายไม่เห็นรถฉันอยู่ตรงนี้เหรอ?”ฉินเฟิงแคะหูขณะมองเหวยเสียวเหล่ยอย่างดูถูก เขามาที่จักรยาน 28นิ้ว และตบตรงที่นั่งขณะที่อีกมือลูบตรงแฮนด์จับ
เหมือนกับว่าเขากำลังลูบคนรักอยู่
เหวยเสียวเหล่ยอึ้งและเริ่มหัวเราะเขาหัวเราะหนักมากจนปวดหลัง มันน่าตลกมากเขาไม่เข้าใจความกล้าของไอ้เด็กนี่ที่เอาเศษเหล็กออกมาหลังจากที่เห็นแกรนทัวริสโมหรูหราของเขา
“ฮึ่ม เมืองเว่ยเฉิงนี่มันไม่น่าประทับใจเลย เมืองก็เล็ก คนก็บ้า”เหวยเสียวเหล่ยพึมพำ หลังจากขึ้นรถ เขาก็พูดขึ้น “เอาล่ะ เส้นชัยอยู่ตรงไหน?ถ้าพ่อชนะ ฉันอยากให้แกหายไปจากชีวิตหยุนเซียวไม่งั้นพ่อจะหาคนมาหักขาหมาๆ ของแก”
แม้ว่าเขาจะชนะเหวยเสียวเหล่ยก็ไม่สนใจจักรยานเก่าๆ ของฉินเฟิง
“เส้นชัยคือบ้านของครูหยุนเซียว เพื่อความยุติธรรม ฉันจะพาครูหยุนไปด้วยและให้นายเริ่มก่อนห้านาทีเอาล่ะเริ่มได้”
ฉินเฟิงเมินเหวยเสียวเหล่ยขณะที่เข็นจักรยานมาหาหยุนเซียวและกล่าว“ครูหยุนเซียว ผมจะไปส่งครูเอง”
หยุนเซียวไม่รู้ว่าฉินเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่เขาจะแข่งรถกับเหวยเสียวเหล่ยด้วยจักรยานได้อย่างไร? แต่เธอก็พยักหน้าและค่อยๆขึ้น
เมื่อเห็นแบบนี้เหวยเสียวเหล่ยโกรธมากจนเกือบกระอักเื เขากระทืบคันเร่งอย่างแรงทำให้รถพุ่งออกไป ถ้าไอ้เด็กฉินเฟิงนั่นยังกล้าวนอยู่รอบๆหยุนเซียวหลังจากที่เขาชนะ เขาจะทำให้มันหายจากโลกนี้ไปตลอดกาล