มู่อี๋เสวี่ยกางฝ่ามือออก มองไปที่ขวดยาสองขวดในมือของนาง จิตใจของนางครุ่นคิดกลับไปกลับมานับพันรอบ...
กล่าวได้ว่าสิ่งที่มู่จื่อหลิงกล่าวไว้ในวันนั้นทำให้นางตื่นขึ้นอย่างแท้จริง ‘เจรจากับเสือเพื่อขอหนัง ไม่มีทางได้พบกับจุดจบที่ดี’
หลังจากนางคิดอย่างจริงจังแล้ว นางเพิ่งตระหนักว่า ในวันนั้นนางถูกอันหย่าต้นกล้าอ่อนแอผู้นั้นยุยงอย่างโง่เขลา
ในวันนั้นอันหย่าสามารถปกป้องไม่ให้นางถูกกระทำจนต้องอับอายขายหน้าในที่สาธารณะได้ แต่กลับรอจนกระทั่งนางถูกทำให้ต้องอับอายแล้วถึงจะแสร้งทำตัวเป็คนดี นางรู้ว่าฉีอ๋องยังอยู่ที่นั่น แต่กลับยังคงยุยงนาง...จนนางต้องกลายเป็เช่นนี้ ในเื่นี้อันหย่าจึงเป็ผู้ที่ ‘มีส่วนร่วม’ ด้วยเช่นกัน
มู่อี๋เสวี่ยเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ มองดูใบไม้เขียวขจีพลิ้วไสวไปตามสายลมเหนือศีรษะ นางยกมุมปากสีแดงเืขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ดูดุร้ายและน่ากลัว
จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย นางมู่อี๋เสวี่ยผู้นี้ยังคงเป็เพียงคนโง่เขลา ล้วนเป็หญิงสาวไม่ต่างกัน ทั้งยังเป็หญิงสาวที่หลงใหลในฉีอ๋องเช่นเดียวกัน แต่ั้แ่ต้นมันเป็เพียงความรักที่ไม่อาจ มันเป็เื่ที่สมควรจะเข้าใจเป็อย่างดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
ยามนี้นางกับอันหย่ากล่าวได้ว่าเป็การได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่สิ การใช้ประโยชน์จากนางของอันหย่าได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว โง่ซ้ำสองครั้งก็เพียงพอแล้ว หากยังทำโง่ๆ อีก คงนับได้ว่าโง่เกินเยียวยา
หญิงลึกลับคนนั้นพูดถูก ยามนี้นางเหลือตัวคนเดียว เป็ไปไม่ได้ที่นางจะต่อกรและแก้แค้นมู่จื่อหลิง
เนื่องจากนางไม่มีผู้ใดให้พึ่งพา นางไม่มีทั้งอำนาจและพลัง เนื่องจากมันเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นนางจึงคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ทำสิ่งที่เป็ไปไม่ได้ให้เป็ไปได้
หากเป็หนี้นาง ก็ต้องจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย หากทำร้ายนาง นางจะทำให้ต้องทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็ ทำให้นางต้องอับอาย ก็ต้องชดใช้คืนเป็ร้อยเท่า
ชีวิตย่อมต้องดำเนินต่อไป แต่...นางมู่อี๋เสวี่ยผู้นี้จะต้องมีชีวิตในแบบที่ทุกคนหมายปองให้จงได้
แววเย้ยหยันอย่างบ้าคลั่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่อี๋เสวี่ย จากนั้นนางจึงเทยาเม็ดสีขาวลงในฝ่ามือของตน เงยหน้าขึ้นโดยไม่ลังเลใดๆ กลืนเม็ดยาสีขาวในมือลงท้องในอึกเดียว......
-
ไม่นานหลังจากที่มู่จื่อหลิงผู้ซึ่งหลับใหลถูกอุ้มไปนอนบนเตียงหยกเหมันต์ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น จึงไม่อาจเสียเวลาได้อีก
หากเป็ตามปกติ ไม่ว่าจะเกิดเื่ใหญ่โตอย่างไร หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่สนใจ ฟ้าและแผ่นดินกว้างใหญ่ [1] การนอนของมู่มู่สำคัญที่สุด
แต่เื่ที่ต้องจัดการในยามนี้มีความหมายมาก ในที่สุดหลงเซี่ยวอวี่ก็ออกจากตำหนักอวี่หาน โดยอุ้มมู่จื่อหลิงที่หลับอยู่ออกมาอย่างเบามือ
เขากลัวว่าแสงจ้าจากภายนอกจะทำให้หญิงตัวเล็กในอ้อมแขนตื่นขึ้น หลงเซี่ยวอวี่จึงคลุมใบหน้าเล็กของมู่จื่อหลิงไว้ด้วยชุดคลุมขนาดใหญ่
กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งที่เตรียมพร้อมนานแล้ว ยามพวกเขาเห็นนายของตนเดินออกมาจากห้องบรรทม ทั้งยังโอบอุ้มหญิงสาวที่กำลังหลับใหลไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของนาง แต่พวกเขาก็รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็ใคร
อย่างไรก็ตาม ภาพที่ไม่น่าเชื่อดังกล่าวทำให้กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งที่ในยามปกติมักจะสงบนิ่งและมีความเป็มืออาชีพสูง เกือบอยู่ไม่สุข...กรามแทบค้าง
แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับความรักที่ไม่ธรรมดาของผู้เป็นายที่มีต่อหวางเฟยมานานแล้ว แต่นายที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากำลังปรับทรรศนะทั้งสาม [2] ของพวกเขาขึ้นใหม่อีกครั้ง
ในความคิดของพวกเขาที่มีต่อผู้เป็นายนั้น...ผู้เป็นายเ็าราวกับน้ำแข็ง กระหายเืและโเี้ เป็ฉีอ๋องผู้ปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร้ค่า
อย่างไรก็ตาม ในยามนี้ฉีอ๋องได้พลิกทัศนคติที่พวกเขามีต่อตนเองในทุกรูปแบบไปพร้อมกัน
มันไร้หลักการอย่างแท้จริง!
เป็ไปได้ไหมว่า...นี่อาจเป็ความอ่อนโยนของบุรุษเหล็ก [3] ในตำนาน? กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งมองหน้ากัน ต่างก็เห็นความไม่เชื่อในดวงตาของกันและกัน
นายที่อ่อนโยนผู้นี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่เหมือน มองอย่างไรก็ไม่ชิน!
ในยามนี้พวกเขาอยากจะเอื้อมมือมาขยี้ตาเพื่อทดสอบว่าพวกเขามองผิดไปหรือไม่ ชายอ่อนโยนตรงหน้าพวกเขาเป็นายของพวกเขาใช่หรือไม่
ในเวลาเพียงแวบเดียว พวกเขาแน่ใจแล้วว่าชายอ่อนโยนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือนายของพวกเขา จริงแท้แน่นอน [4]
เนื่องจาก...ในยามที่หลงเซี่ยวอวี่กำลังจะขึ้นรถม้า เขาได้เหลือบมองด้านข้าง ชำเลืองมองพวกเขา
เพียงกวาดมองเบาๆ ก็ยังคมกริบราวกับพายุในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่น หนาวเย็น จนกุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งแทบจะหนีออกไปด้วยความสติแตก รูขุมขนทุกส่วนในร่างกายตึงเครียด แทบจะหยุดหายใจ
“ไปวังหลวง” หลงเซี่ยวอวี่พูดอย่างเฉยเมย อุ้มมู่จื่อหลิงขึ้นไปบนรถม้า
เนื่องจากนายหญิงกำลังหลับใหล กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งจึงไม่กล้าเอ่ยปากรับคำสั่งอย่างยิ่งใหญ่เหมือนก่อนหน้านี้
ยามนี้พวกเขาทำได้เพียงหนีบบั้นท้าย [5] ไว้แน่น ก้มหน้า ตั้งสมาธิ [6] เดินเบาๆ ไปยังที่นั่งด้านหน้ารถม้า กุมบังเหียน รออย่างเงียบๆ
หลงเซี่ยวอวี่โอบอุ้มมู่จื่อหลิงที่หลับใหลเข้าไปในรถม้า ค่อยๆ วางนางลงบนเบาะนุ่ม การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนเกินบรรยาย
ในยามที่เขากำลังจะลุกขึ้นนั่ง ใครจะคิดว่ามู่จื่อหลิงจะจับชุดคลุมของเขาไว้แน่น หน้าบูดบึ้งคร่ำครวญด้วยความไม่พอใจ เอนร่างเข้าหาอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงผล็อยหลับไปในพริบตา
หญิงโง่ผู้นี้...หลงเซี่ยวอวี่ อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีเลศนัย
เขาส่งสัญญาณให้กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งออกเดินทางโดยไม่มีทางเลือก โอบกอดหญิงสาวตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนของตน ก่อนจะเอนกายนอนลงไป
กุ่ยเม่ยกับกุ่ยหยิ่งรับคำสั่ง พวกเขานั่งขนาบข้างในตำแหน่งคนคุมรถม้า คุมรถม้ามุ่งตรงสู่วังหลวง
เนื่องจากนายหญิงกำลังพักผ่อนอยู่ในรถม้า ม้าเปินเหลยและม้าเมฆาทั้งสองตัวจึงลากรถม้าคันใหญ่ออกเดินช้าๆ ราวกับเดินเล่นสบายๆ......
-
ฝันดี
การนอนครั้งนี้ มู่จื่อหลิงนอนหลับสนิท ยามตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงมากแล้ว
ด้วยความงุนงง มู่จื่อหลิงขยี้ตาด้วยความง่วงงุน ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยืดแขนยืดตัวออกอย่างเกียจคร้าน
แต่ก่อนที่มือทั้งสองจะยืดออกไป มือข้างหนึ่งก็ถูกบางอย่างแข็งๆ ขวางไว้ ดวงตาของมู่จื่อหลิงแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือภาพที่วิจิตรงดงาม
ชายผู้งดงามราวภาพวาด [7] กำลังนอนหลับพริ้ม
ใบหน้าที่หล่อเหลาอาบด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างรถม้า!
ผิวเปล่งปลั่งภายใต้แสงแดดอุ่นสีทอง สะท้อนพื้นผิวสวยงามโปร่งใสให้แวววาว ใบหน้าสวยงามไร้ที่ติ
ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ขนตายาวหนา ทอดเงาสีดำเหนือเบ้าตาอย่างสวยงาม จมูกโด่งแวววาวราวหยกขาว ริมฝีปากสีซีดบางเบาเม้มจนเป็เส้นโค้งที่ดูอ่อนโยน โครงหน้างดงามราวกับได้รับการปั้นแต่งมาจากฝีมือของปรมาจารย์ชื่อดัง!
ชายที่อยู่ตรงหน้า สงบนิ่งราวกับน้ำแต่กลับเปล่งประกายความงดงาม กลิ่นอายแห่งความตายที่หาที่เปรียบไม่ได้แผ่ออกมาจากตัวเขา สิ่งนี้ทำให้มู่จื่อหลิงรู้สึกตึงเครียดแม้ยังอยู่ในภวังค์ ก็ยังรู้สึกหายใจลำบาก
ใบหน้านี้ แม้จะมองหลายครั้ง แม้จะฝังลึกในใจโดยไม่รู้ตัว...แต่ยามใดก็ตามที่นางเห็นใบหน้านี้โดยไม่ทันตั้งตัว นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูด จนทำได้เพียงทอดถอนใจ
แม้ว่านางจะไม่อยากยอมรับ แต่นางก็ต้องยอมรับว่ามารร้ายผู้นี้เกิดมาเพื่อให้ผู้คนอิจฉาอย่างแท้จริง
แม้ว่านางอยากจะจับผิดใบหน้านี้อีกครั้ง แม้นางจะใช้คำที่เฉียบคมและมีเล่ห์เหลี่ยมจากทั้งสองชีวิตเพื่อจับผิด สุดท้ายนางก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ บนใบหน้ามารร้ายผู้นี้
ราวกับอยู่ในความฝันเนิ่นนานไม่ยอมตื่น มู่จื่อหลิงกะพริบตาอย่างว่างเปล่า ยามมองใบหน้านี้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ราวกับว่ามันเป็ภาพลวงตาที่ไม่เป็ความจริง
นางยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ปลายนิ้วของนางััใบหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ ััที่นุ่มนวลทำให้มู่จื่อหลิงหายใจไม่ออก นางตื่นขึ้นในทันที
มู่จื่อหลิงชักมือออกอย่างรวดเร็ว จ้องมองใบหน้างดงามยามหลับใหล
เพียงชั่วพริบตา ภาพสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและในยามรุ่งสางจู่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาราวกับกระแสน้ำ
ความเย้ายวนสุดขีดของมารร้ายผู้นี้ ความโกรธ ความอ่อนโยน การเอาอกเอาใจของเขา...ทุกอย่างราวกับภาพที่ฉายซ้ำ ฉากแล้วฉากเล่าค่อยๆ ฉายซ้ำในใจนาง
ความทรงจำสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นคือภาพที่นางกับเขาจุมพิตกันอย่างอ่อนโยนในบ่อน้ำพุร้อน
มู่จื่อหลิงตัวสั่นสะท้าน ยามนึกถึงภาพนั้น ใบหน้าเล็กๆ ของนางเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ ใบหูค่อยๆ ร้อนขึ้น
แม้ว่านางจะจูบกับหลงเซี่ยวอวี่หลายครั้งแล้ว แต่เมื่อคืน...เสียงเสียดสีระหว่างริมฝีปากกับฟันทำให้หูร้อน หัวใจเต้นแรง ความปั่นป่วนชัดเจนอยู่ในใจของนาง
หมุนวน อ้อยอิ่ง ไม่มีที่สิ้นสุด ความหลงใหลทำให้จินตนาการไม่รู้จบ...ยามคิดถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความอับอาย ยื่นมือมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว แอบชำเลืองมองหลงเซี่ยวอวี่อีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าหลงเซี่ยวอวี่ดูเหมือนจะไม่ตื่นขึ้นมา มู่จื่อหลิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบๆ มองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบสุข อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก แล้วบ่นในใจ
มารร้ายผู้นี้! เลวจริงๆ!
งามล่มแคว้นล่มเมืองก็ช่างเถอะ แต่กลับเข้ามายั่วยวนคนเป็ครั้งคราวอย่างมีความสุข สิ่งนี้ทำให้นางหงุดหงิดจริงๆ
กล่าวได้ว่าหลงเซี่ยวอวี่มีฤทธานุภาพ มีพลังและทุนทรัพย์มากมาย ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั้งคนทั้งเทพต่างชิงชัง [8]...ตราบใดที่มีสิ่งเหล่านี้เพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนอิจฉา แต่เขากลับมีทั้งหมด นี่เป็เื่ที่ไม่สมเหตุสมผล
มู่จื่อหลิงแตะคางอย่างครุ่นคิด เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลงเซี่ยวอวี่ที่กำลังหลับสนิท คิดซ้ำไปซ้ำมาในใจ
มารร้ายผู้นี้ดีทุกอย่าง สมบูรณ์แบบทุกจุด หากอยากมองหาข้อบกพร่องของเขาจริงๆ นั่นคือ...
อารมณ์ของเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ พลิกหน้าเร็วกว่าการพลิกหน้าหนังสือ ทั้งยังค่อนข้างเ้าเล่ห์ นอกจากสองประเด็นนี้แล้ว เป็ไปไม่ได้เลยที่จะหาข้อบกพร่องในตัวเขา
……
อันที่จริงในยามที่มู่จื่อหลิงตื่นขึ้นมา หลงเซี่ยวอวี่ก็ตื่นแล้วเช่นกัน แต่แทนที่จะลืมตา เขากลับกอดนาง นอนหลับตาต่อไป สูดดมกลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์จากกายนาง
เขาโลภมากกับเื่เช่นนี้
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้นอนกับนาง แม้จะนอนบนรถม้า แม้จะเป็เพียง่เวลาสั้นๆ แต่ก็เป็การนอนหลับที่สบาย อบอุ่นและสงบสุขที่สุดในชีวิตของเขา
นับั้แ่เสด็จแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุ ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาจำไม่ได้แล้วว่าเคยหลับสนิทสักครั้งไหม
ในปีนั้น เขาอายุเพียงห้าขวบ เป็วัยที่ไร้เดียงสาและขี้เล่น
เวลานั้นเขากำลังซุกซน ดื้อรั้น ไม่ฟังคำใคร แม้จะเป็คำพูดของบิดามารดาก็ไม่ฟัง ในโลกของเขา เขาฟังเพียงตนเอง
ในเวลานั้นเขาชอบการต่อสู้มาก แม้ว่าอายุยังน้อย ทั้งยังอ่อนแอ แต่ด้วยมันสมองที่ชาญฉลาดทำให้เขาไม่เคยแพ้ในการต่อสู้
ดังนั้นในคราวนั้น......
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ฟ้าและแผ่นดินกว้างใหญ่ (天大地大) เป็สำนวน มีความหมายว่า ในโลกนี้มีอะไรอีกมากที่ไม่เคยรู้ โลกกว้างใหญ่ หากที่ที่อยู่ตรงนี้นั้นไม่ดี ก็ควรไปที่อื่น มีที่ที่ดีกว่าอีกมาก
[2] ปรับทรรศนะทั้งสาม (刷新三观) เป็สำนวน มีความหมายว่า มุมมองทั้งสามอย่าง ได้แก่ โลก ค่านิยม และชีวิต มีความหมายว่าเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือปรับเปลี่ยนมุมมองที่เคยเข้าใจใหม่อีกครั้ง
[3] อ่อนโยนของบุรุษเหล็ก (铁汉柔情) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ลักษณะนิสัยและการแสดงออกของผู้ชายที่แข็งทื่อในสายตาของผู้หญิง โดยส่วนมากจะใช้บรรยายคนที่รูปลักษณ์ภายนอกกล้าหาญ ซื่อตรง จะอ่อนโยนกับคนเพียงบางคนเท่านั้น
[4] จริงแท้แน่นอน (如假包换) เป็สำนวน มีความหมายว่า เป็เื่จริงหรือของจริงอย่างแน่นอน ส่วนมากใช้ในร้านค้าเพื่อโปรโมตสินค้า โดยจะสื่อความหมายว่า หากปลอมรับประกันรับผิดชอบ
[5] หนีบบั้นท้าย (夹紧屁股) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า อดทน/อดกลั้นอย่างถึงที่สุด
[6] ก้มหน้า ตั้งสมาธิ (眼观鼻鼻观心) เป็วลี มีสองความหมายว่า 1.ก้มหน้าเพราะอายหรือรู้สึกละอายใจ 2.มีสมาธิ ไม่เหม่อลอย
[7] งดงามราวภาพวาด (精美如画) เป็สำนวน มีความหมายว่า รูปลักษณ์ที่สวยงาม ประณีต พิถีพิถัน
[8] หล่อเหลาจนทั้งคนทั้งเทพต่างชิงชัง (人神共愤) เป็สำนวน มีความหมายว่า หล่อ/ดูดีจนเกินไป