ทันทีที่แสงของพระอาทิตย์สาดส่องลงมา สมาชิกภายในขบวนลำเลียงสินค้าก็เริ่มแยกส่วนจระเข้ทะเลทรายที่ถูกถังเหล่ยสังหารเมื่อคืน ชิ้นส่วนที่มีค่าถูกเก็บอย่างรวดเร็ว จากนั้นขบวนลำเลียงสินค้าก็ออกเดินทางต่อ
ผู้นำซางกล่าวว่าของเหล่านี้ล้วนเป็ของถังเหล่ย เมื่อไปถึงจักรวรรดิซือฉีเงินที่ขายชิ้นส่วนของจระเข้ทะเลทรายได้นั้นจะมอบคืนให้กับถังเหล่ยทันที ถังเหล่ยไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่หัวเราะออกมา เขาไม่ได้เปิดเผยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือูเาจู่หุน เขาไม่ได้้าเข้าไปในตัวเมืองของจักรวรรดิซือฉี
ถังเหล่ยสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าและบ่มเพาะเคล็ดวิชาัคชสารอยู่หลังรถม้า แม้ว่าพลังิญญาฟ้าดินในทะเลทรายจะเบาบางแต่เขาก็สามารถดูดซับพลังิญญาในแก่นอสูรไปพร้อมๆ กันได้
ตระกูลธรรมดาไม่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างฟุ่มเฟือยเฉกเช่นถังเหล่ย เขาไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะเลย
ในจักรวรรดิซือฉีวุ่นวายมาก หากถังเหล่ย้ามีชีวิตรอด เขาจำเป็ต้องเพิ่มพลังให้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่มีโอกาสเขาจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปโดยเด็ดขาด ในขณะที่เขากำลังบ่มเพาะเขาก็พบว่ากลุ่มของชายฉกรรจ์จะเดินอยู่ท้ายขบวนลำเลียงสินค้าตลอดเวลา อย่างไรก็ตามกลุ่มของชายฉกรรจ์ไม่ได้อยู่ในของถังเหล่ยอยู่แล้ว
พวกเขาเดินทางในทะเลทรายต่อไปอีกหนึ่งวัน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินทุกคนก่อกองไฟอีกครั้ง ถังเหล่ยยังคงแยกตัวออกมานั่งอยู่คนเดียวเช่นเคย ผู้นำซางกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วยกัน แต่ในครั้งนี้กลุ่มของชายฉกรรจ์ไม่ได้ย่างเนื้อ พวกเขากังวลว่าจะไปดึงดูดสัตว์อสูรตัวอื่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้นำซางเดินมาหาถังเหล่ยส่งถุงหนังสัตว์ใบหนึ่งให้ถังเหล่ย “เ้าจะไม่กินอะไรเลยหรือ?”
ถังเหล่ยไม่ชอบกินเนื้อแห้ง เขาจึงดันถุงอาหารกลับไปให้ผู้นำซาง “ขอบคุณผู้นำซาง ข้ายังไม่หิว อีกสองวันเราก็ไปถึงแล้ว”
“ข้าเดินทางมาทำการค้าที่นี่บ่อยครั้ง ข้ารู้จักสถานที่หลายแห่งเ้าถามข้าได้ ข้ายินดีแนะนำ” ผู้นำซางกล่าว
“ไม่มีอะไรข้าแค่ออกมาหาประสบการณ์เท่านั้น” ถังเหล่ยกล่าวสีหน้าเพียบเฉย
ผู้นำซางเข้าใจว่าถังเหล่ยไม่อยากพูดมากจึงกล่าวถามว่า
“เ้าจะไม่ไปนั่งร่วมวงกับพวกข้าจริงหรือ พวกเขาเ่าั้อยากรู้ว่าเ้าสามารถจัดการจระเข้ทะเลทรายได้อย่างไร?”
ความจริงแล้วผู้นำซางมาหาถังเหล่ยหวังที่จะตีสนิทกับเขา ชายชราคนนี้อยากใกล้ชิดเขาให้มากกว่าที่เป็อยู่ หากถังเหล่ยเป็ศิษย์จากตระกูลใหญ่จริงๆ ผู้นำซางก็จะใช้ความสนิทสนมนี้เพื่อเป็เส้นสายในการลำเลียงสินค้าในครั้งต่อไป
“ไม่จำเป็ ข้าคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว” ถังเหล่ยปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“เอาเถอะ วันนี้สี่คนนั้นทำตัวแปลกๆ ตอนกลางคืนเ้าก็ระวังตัวเอาไว้หน่อย ทางที่ดีอย่าอยู่ห่างจากพวกเรามากนัก พวกเราจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้” ผู้นำซางกล่าวเสียงเบาขณะที่สายตามองไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ไกลออกไป
ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์จ้องมองถังเหล่ยด้วยสายตาดุร้ายอย่างต่อเนื่อง เขาจึงพยักหน้าตอบรับ
หลังจากผู้นำซางจากไป ถังเหล่ยก็กลับมาดูดซับพลังิญญาในแก่นอสูรระดับสองต่อ ปราณแท้ของเขากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีท่าทีว่าจะทะลวงขอบเขตในเร็วๆ นี้
หลังจากผู้นำซางจากไปแล้ว ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์เดินตรงมาทางถังเหล่ย “ฮ่าๆๆ เมื่อวานพวกเราใจร้อนเกินไปหน่อย ข้าหวังว่าเ้าจะไม่ใส่ใจ”
ในขณะที่ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังจะนั่งลงข้างถังเหล่ย ก็มีเสียงเ็าะโขึ้น
“ไสหัวไป อย่ามายุ่งกับข้า!” ถังเหล่ยไม่คิดจะเสวนากับคนเช่นนี้อยู่แล้ว
“เ้าว่าอะไรนะ!” ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์คาดไม่ถึงว่าถังเหล่ยจะกล้าไล่เขาแบบนี้
ผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์ลุกขึ้นด้วยความโกรธ ปราณแท้ในร่างของเขาพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง ถังเหล่ยไม่รอให้อีกฝ่ายโจมตี เท้าซ้ายของเขาถีบเข้าที่หน้าอกของผู้นำของกลุ่มชายฉกรรจ์จนทำให้อีกฝ่ายกระเด็นไปไกลกว่าสิบวา
“ไสหัวไปซะ ข้าไม่อยากรังแกพวกเ้า”
การโจมตีครั้งนี้ยังไม่ใช่การโจมตีเต็มกำลังของถังเหล่ย แต่ก็สามารถส่งร่างของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์กระเด็นออกไปถึงสิบวา
“พี่ใหญ่!” ชายฉกรรจ์อีกสามคนรีบเข้ามาพยุงผู้นำของพวกเขา
แผนการของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็คือ ผู้นำกลุ่มถือจะจอกสุราที่มีพิษร้ายแรงปนเปื้อนอยู่ไปแสร้งทำดีกับถังเหล่ยและชวนให้เขาดื่มสุราพิษ ไม่ว่าเขาจะมีระดับบ่มเพาะสูงส่งเพียงใดก็คงไม่สามารถทนพิษร้ายแรงนี้ได้
“เ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับชักดาบที่ห้อยอยู่ด้านหลังชี้ไปที่ถังเหล่ยโดยตรง
“พอได้แล้ว!” ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน ผู้นำซางก็ลุกขึ้นมาเขาไม่้าให้เกิดความบาดหมางภายในขบวนลำเลียงสินค้าของเขา และยังกล่าวต่ออีกว่า
“พวกเ้าสี่คนช่วยหยุดหาเื่ผู้อื่นเถอะ หากพวกเ้ากล้าก่อเื่อีกข้าจะทิ้งพวกเ้าให้จระเข้ทะเลทรายกิน!”
“โอ้! ผู้นำซางช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง จะทิ้งพวกข้าให้จระเข้ทะเลทรายกินอย่างนั้นหรือ เ้าคิดทบทวนดีแล้วใช่ไหม?” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์มองผู้นำซางและกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“ข้ายังมี...” ผู้นำซางหันหน้ากลับ ขณะที่เขากำลังจะกล่าวว่าเขายังมีผู้พิทักษ์กับคนคุ้มกันอีกมากมาย ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็เห็นสมาชิกในกลุ่มเขาถูกแทงทะลุอก
“เหล่าเยียนนี่เ้า...” ผู้นำซางตัวสั่นด้วยความโกรธ
เหล่าเยียนคือหัวหน้าผู้คุ้มกันขบวนลำเลียงสินค้า แต่ตอนนี้ดาบโค้งในมือของเขาแทงทะลุอกของสมาชิกคนหนึ่ง ภายในไม่กี่ลมหายใจผู้ชำนาญยุทธ์ห้าคนถูกสังหารอย่างรวดเร็ว คนที่เหลือเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ทันทีที่พวกเขาเห็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวนี้ พวกเขาก็สั่นเทาไปทั้งตัวแล้ว
“เื่นี้หาใช่ความผิดของข้าไม่ เ้ามันตระหนี่เกินไป หากข้าปล้นสินค้าครั้งนี้ได้ก็เท่ากับว่าข้าได้รับค่าแรงในการคุ้มกันขบวนลำเลียงสินค้าร้อยรอบ”
ทันใดนั้นผู้คุ้มกันขบวนลำเลียงสินค้าหลายคนก็แปรพักตร์กลายเป็ศัตรูของผู้นำซาง พวกเขาหวังที่จะปล้นสินค้าไปขายเช่นกัน
“คนทรยศย่อมไม่ตายดี ์จะลงโทษพวกเ้าอย่างแน่นอน!” ผู้นำซางกล่าวด้วยความโกรธ สินค้าครั้งนี้คือทรัพย์สินทั้งหมดของเขา
คนคุ้มกันสิบกว่าคน ส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นหนึ่ง ส่วนเหล่าเยียนเป็ถึงผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นหก ทั้งยังร่วมมือกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ผู้นำซางรู้ดีว่าครั้งนี้เขาคงไม่อาจรอดพ้นจากอันตรายได้อีกแล้ว
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์เผยรอยยิ้มเ็ามาแต่ไกล เช้าที่ผ่านมาผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์ได้เจรจากับเหล่าเยียนว่า้าปล้นสินค้าและสองฝ่ายแบ่งกันคนละครึ่ง จากนั้นต่างฝ่ายต่างแยกทางกัน
ส่วนถังเหล่ยยังคงสงบนิ่ง พฤติกรรมของคนทรยศกลุ่มนี้น่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่โลกก็สอนให้รู้ว่าการมีชีวิตรอดสำคัญที่สุด
“เหล่าเยียนไม่ต้องสนใจผู้นำซาง เ้าอย่าลืมที่รับปากกับข้าว่าเ้าจะจัดการเด็กน้อยคนนั้น ลงมือเถอะ”
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์มองถังเหล่ยด้วยความหยิ่งผยอง ดาบในมือชี้ไปทางถังเหล่ย
……….