บทที่ 123 สร้างบารมี
“วูบ--!”
ครู่ต่อมา ต้นไม้ขนาดใหญ่สองต้นก็ปรากฏขึ้น เสียงร้องของพวกมันดุร้ายและน่ากลัว ใบมีดคมกริบตามกิ่งก้านพลิ้วไหวชี้ไปทางซาจื้อและเริ่นอวี่สิง แสงเย็นเยียบเปล่งประกายอย่างน่าหวาดผวา
เหล่านี้เป็สัตว์ปีศาจระดับกลางสองตัวที่ฉู่อวิ๋นเคยปราบมาก่อนหน้า ตอนนี้ เขาเพิ่งปล่อยพวกมันออกมาจัดการกับศัตรู ด้วยเพราะไม่้าเผยให้เห็นความแข็งแกร่งมากเกินไป
ยิ่งเขาปิดได้มิดก็ยิ่งเปิดเผยได้ยากยิ่งขึ้น ทำให้กระทำการแต่ละอย่างง่ายขึ้น ทั้งยังป้องกันไม่ให้ตระกูลฉู่เจอ
“เถา... เถาวัลย์ใบมีด!?”
ในเวลานี้ เริ่นอวี่สิงเหงื่อกาฬไหลอาบ เขาหวาดกลัวจนแทบสลบ ยังจดจำความกลัวที่เกือบถูกสัตว์ปีศาจพวกนี้ฆ่าตายที่ข้างแม่น้ำโลหิตได้ มือข้างหนึ่งของเขาที่ขาดไปก็เพราะถูกเถาวัลย์ใบมีดตัดขาด
สิ่งที่ทำให้เริ่นอวี่สิงตัวสั่นมากยิ่งขึ้น คือเถาวัลย์ใบมีดทั้งสองนั้นโตเต็มที่แล้ว ทั้งในด้านขนาดและพละกำลัง ต่างก็แข็งแกร่งขึ้น!
เขาตกตะลึง นี่คือภาพลวงตาหรือ? เด็กหนุ่มที่สวมผ้าคลุมหน้าคนนี้เป็ปรมาจารย์สัตว์ปีศาจ สามารถควบคุมสัตว์ปีศาจให้รับใช้ตนได้หรือ?
“กลาง...สัตว์ปีศาจระดับกลาง!?” ขาของซาจื้อสั่นพั่บๆ เหงื่อไหลอาบและเซถอยหลัง
เขานึกเสียใจภายหลัง เดิมควรรีบคว้าวัตถุิญญาแล้วสะบัดก้นจากไป แต่สุดท้ายกลับโลภมากลาภหาย เจอดีเข้าแล้ว เขาทำให้เทพวัยเยาว์จากหนใดไม่อาจทราบท่านนี้ขุ่นเคืองเสียแล้ว
เถาวัลย์ใบมีด สัตว์ปีศาจระดับกลาง เพียงปราดตาเจอซาจื้อยังวิ่งหางจุกตูด ไม่ต้องพูดถึงการเจอจะจะถึงสองต้นเลย เขาไม่คิดจะต่อกรด้วยซ้ำ
“มันคือเถาวัลย์ใบมีด…” หนิงซิ่วอยู่ใกล้กับสัตว์ปีศาจตัวนี้มากที่สุด นางไม่ทันได้สังเกตว่าเป็ฉู่อวิ๋นที่ปล่อยมันออกมา ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือหวาดกลัว ไม่ว่าก่อนหน้าจะได้รับาเ็อย่างไรก็ะโออกไปสุดเสียง “ทุกคน ถอยออกไป! สัตว์ปีศาจของป่าสีเื! วิ่ง!"
แต่เหล่านักรบหญิงกลับแอบกลืนน้ำลาย และจ้องมองต้นเถาวัลย์สองต้นตรงหน้าโดยไม่กล้าขยับ
พวกนางรู้สึกว่าวันนี้โชคไม่ดีจริงๆ รอดพ้นจากพวกโจรม้ามาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องมาเจอกับสัตว์ปีศาจน่ากลัวสองตัวนี้อีก ดวงกุดเสียจริง
แต่ในยามนี้ นักรบหญิงก็ยังคงกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เพื่อช่วยเหลือเสวี่ยหรูเยียน
“คุณ...คุณหนู รีบไป…”
นักรบหญิงสองคนกระซิบ คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนอยู่ทางขวา พยุงพาเสวี่ยหรูเยียนถอยออกไปทีละก้าวด้วยกลัวว่าหากไม่ระวังมากพออาจจะถูกเถาวัลย์ใบมีดสังหารเข้า
“อวิ๋น... คุณชายอวิ๋น รีบ... รีบหนี”
เสวี่ยหรูเยียนที่ถูกประคองอยู่บอกด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว นางไม่ลืมที่จะเตือน “อวิ๋นชู” ด้วยไม่อาจยืนมอง “คู่ชะตา” ของตนตายไปต่อหน้าต่อตา
แต่ถึงแม้บรรยากาศจะตึงเครียด แต่ฉู่อวิ๋นก็ดูเหมือนจะไม่สนใจสักเท่าใดนัก
เขากางมือออกและพูดอย่างสบายๆ “กลัวอะไร? เ้าพวกตัวน้อยนี่เป็สัตว์เลี้ยงของข้าเอง”
“สัตว์...สัตว์เลี้ยง?”
“เถาวัลย์ใบมีดสองต้นนี้... คือ... สัตว์เลี้ยงของคุณชายอวิ๋นหรือ?”
“ซู่——”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนรู้สึกตาลาย วิงเวียนศีรษะ ต่างลูบหน้าลูบตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
นี่ตาฝาดไปหรือ? คนป่าในขอบเขตควบแน่นพลังปราณไม่เพียงสามารถฆ่ากลุ่มโจรม้าในขั้นมหาสมุทรได้ด้วยกระบี่เดียวเท่านั้น แต่เขายังเก็บเถาวัลย์ใบมีดไว้เป็สัตว์เลี้ยงอีกด้วย นี่มันเื่ตลกหรือไร!
อาจกล่าวได้ว่าเถาวัลย์ใบมีดเป็สัตว์ปีศาจที่ดุร้ายอย่างยิ่งในป่าสีเื มันสังหารผู้คนที่พบเห็นและกระหายเืยิ่งนัก แม้แต่นักรบระดับห้าของขั้นมหาสมุทรก็ยังต้องกลัวมัน
แต่ต้นไม้ปีศาจที่ดุร้ายเช่นนี้จะยอมจำนนตุ่์และถูกเก็บมาเลี้ยงดูดังสัตว์เลี้ยงจริงๆ หรือ? สิ่งนี้ดียิ่งจนทุกคนต้องอ้าปากค้างด้วยความใ
“ท่านเริ่น นี่... เราจะทำอย่างไรดี?!” มือของซาจื้อที่ถือดาบอยู่สั่นไหว เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดีสักเท่าไร เขาจึงหันหน้าไปถามเริ่นอวี่สิงที่อยู่ข้างๆ
แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา ดังนั้นซาจื้อจึงหันไปถามอีกครั้ง แต่เมื่อหันไปเห็นก็ต้องสับสนขึ้นมา
เพราะซาจื้อพบว่าเริ่นอวี่สิงนั้นสั่นเทากว่าเขาเสียอีก ร่างกายของอีกคนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“ท่าน... นี่... อธิบายมาหน่อยสิ! เด็กคนนั้นสามารถควบคุมเถาวัลย์ใบมีดได้จริงหรือ?” ชายหนวดเฟิ้มกังวล แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวส่งเดชเพราะกลัวถูกผ่าเป็สี่ส่วน ดังนั้นจึงได้แต่หวังพึ่งเพียงเริ่นอวี่สิง
“ฮ่า... ฮ่าๆ... มันก็แค่การขู่ขวัญเท่านั้น เ้าเชื่อหรือว่าเขาสามารถควบคุมสัตว์ปีศาจได้?” เริ่นอวี่สิงหัวเราะเยาะ แต่เป็การหัวเราะเยาะที่ฝืดเฝื่อนอย่างยิ่ง ก่อนจะเอ่ยปลอบ “เ้าต้องรู้ว่าการฝึกตนเป็ปรมาจารย์สัตว์ปีศาจนั้นยากยิ่งนัก ตีให้ตายข้าก็ไม่เชื่อว่าคนป่าเช่นเขาจะทำได้!”
“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี?” ซาจื้อถามอย่างรวดเร็ว
“อีกประเดี๋ยวข้าจะนับถึงสาม เคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกัน จากนั้นค่อยหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป เข้าใจหรือไม่?” ดวงตาของเริ่นอวี่สิงเป็ประกาย เขากระซิบ
“อา! ขอบคุณท่าน! เช่น... เช่นนั้นควรให้นับถึงสามแล้วเคลื่อนไหวหรือควรเคลื่อนไหวก่อนที่จะนับถึงสามหรือ?” ซาจื้อเชื่อฟัง แต่ในขณะที่มองไปยังเถาวัลย์ใบมีดที่ใกล้เข้ามา เขาก็เริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าในยามนี้ แววตาของเริ่นอวี่สิงส่องประกายชั่วร้าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เ้าไม่จำเป็ต้องรู้หรอก... ไปเป็เหยื่ออย่างสบายใจเถอะ!”
“พลั่ก”
ทันทีที่พูดจบ เริ่นอวี่สิงก็ผลักหลังซาจื้อ ทำให้เขากระอักเืและล้มไปข้างหน้า ตกลงไปใต้ร่างของเถาวัลย์ใบมีดทั้งสองต้นในทันที อีกฝ่ายกลัวมากจนน้ำมูกน้ำลายเริ่มไหล
เถาวัลย์ใยมีดกระหายเื การเคลื่อนไหวของเริ่นอวี่สิงในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้ซาจื้อเป็เหยื่อ เพื่อให้ตนเองมีโอกาสหลบหนี
ในเวลานี้ เมื่อได้ยินเสียงฉึก เริ่นอวี่สิงก็หันหลังวิ่งกลับ แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ขาข้างหนึ่งของเขาก็ถูกแทงด้วยเถาวัลย์ใบมีด ร่างกายก็กระแทกกระเด็น ล้มลงมาจนเวียนหัวเห็นดาว
หลังจากนั้น มือที่เหลือและขาข้างหนึ่งของเขาก็ถูกมีดแทงราวถูกตอกตะปูตรึงไว้กับพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้ เขาะโร้องด้วยความเ็ป
“เถาวัลย์โง่... ทำไมถึงได้ทิ้งเหยื่อใกล้ๆ ไม่ยอมกิน แต่กลับพาโชคร้ายมาให้ข้าแทนกัน?!” ดวงตาของเริ่นอวี่สิงแดงก่ำ เขาขุ่นเคืองยิ่งนัก
เขาสับสน เ้าเด็กสวมผ้าคลุมหน้านั่นสามารถควบคุมเถาวัลย์ใบมีดได้จริงหรือ? มิฉะนั้น ด้วยธรรมชาติที่ดุร้ายของต้นไม้ปีศาจ มันคงเป็ไปไม่ได้ที่จะมองเห็นกลอุบายและทิ้งซาจื้อไว้เช่นนั้น
“ไม่เต็มใจมากหรือ?” ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นเข้ามาใกล้และมองเขาอย่างเหยียดหยาม
“ข้าไม่เต็มใจ! เ้า... เ้าเป็ใคร! เหตุใดถึงเข้ามาวุ่นวายกับเื่ของผู้อื่นกัน?!” เริ่นอวี่สิงพูดด้วยความโกรธ เดิมทีเขามีโอกาสหลบหนีและอาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งด้วยแรงสนับสนุนจากกองโจรทรายเหล็ก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะไร้ประโยชน์
“เ้าสงสัยไม่ใช่หรือว่าข้าไม่อาจควบคุมสัตว์ปีศาจได้?” ฉู่อวิ๋นไม่ได้ตอบคำถามของเริ่นอวี่สิง เขาหันกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เช่นนั้นประเดี๋ยวก็จะจัดการกับเ้าเสีย”
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็เดินไปหาซาจื้อที่อ่อนแรง จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เคร่งขรึม “เ้า้าขโมยวัตถุิญญา ดูถูกหญิงผู้บริสุทธิ์ และขายพวกนางเป็ทาสไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ ไม่ ไม่... ท่านจอมยุทธ์หนุ่ม ท่านจอมยุทธ์ โปรดไว้ชีวิตด้วย! ถ้าข้ารู้ว่าคนงามเหล่านี้เป็ของท่าน ไหนเลยจะกล้าเข้าไปยุ่ง ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถอะ” ซาจื้อร้องไห้พลางร้องขอความเมตตา เขาเชื่อว่าฉู่อวิ๋นสามารถควบคุมต้นไม้ปีศาจได้จริงๆ
“เมื่อครู่นี้ลำพองอยู่ไม่ใช่หรือ? อยากทำเื่อัปรีย์พวกนั้นทั้งที่กลางวันแสกๆ ถ้าข้าไม่ปรากฏตัว เ้าก็ยังทำอยู่ดีไม่ใช่หรือ? คนอย่างเ้ามันสมควรตายนัก!” ฉู่อวิ๋นตะคอก เขาดูโกรธมาก
ในโลกของพลังยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งได้รับการเคารพ อำนาจทำให้หัวใจของผู้คนมืดบอด ความปรารถนาทำให้จิติญญาแปดเปื้อน ความคิดชั่วร้ายเป็หมอกควันที่ปกคลุมอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เพื่อผลประโยชน์ ผู้คนจำนวนไม่น้อยทำตัวไร้ศีลธรรม ละทิ้งความตั้งใจเดิม และปฏิเสธแม้กระทั่งญาติมิตรตนเอง แต่สิ่งที่ฉู่อวิ๋นเกลียดที่สุดคือนักรบประเภทที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและไม่อาจให้อภัยได้
“เสี่ยวลวี่ เสี่ยวฮวา ฟันสุนัขตัวเมียตัวนี้และพวกขโมยม้าที่เหลือทั้งหมดให้เป็ชิ้นๆ” ฉู่อวิ๋นเพิกเฉยต่อคำร้องขอความเมตตาของซาจื้อ และะโสั่ง ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
เสี่ยวลวี่... เสี่ยวฮวา... เ้าเด็กบ้านป่าคนนี้ตั้งชื่อให้เถาวัลย์ใบมีดด้วย! นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
ในยามนี้ สาวๆ ต่างรู้สึกโล่งใจและถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าอวิ๋นชูจะควบคุมสัตว์ปีศาจได้จริงๆ! ตอนนี้พวกนางรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง
“ควับ!”
ลำต้นของเถาวัลย์ใบมีดเคลื่อนไหวตอบสนองต่อคำสั่งของฉู่อวิ๋น มันเหวี่ยงเถาวัลย์อันแหลมคมออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัดผ่านความว่างเปล่า แค่แทงเพียงไม่กี่ครั้ง โจรม้าจำนวนมากก็สิ้นลมก่อนจะทันโต้ตอบ
“อ๊าก!!!”
นี่คือเสียงกรีดร้องของซาจื้อที่หยิ่งยโสอย่างยิ่ง เขาที่้าล่วงเกินเสวี่ยหรูเยียนและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ถูกเถาวัลย์ใบมีดหลายใบสับเป็ชิ้นๆ เืเนื้อสาดกระเซ็น ตายอย่างน่าสยดสยอง
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็เรียกนักรบหญิงมาช่วยประคองหนิงซิ่วที่ได้รับาเ็สาหัสขึ้นและปล่อยให้พวกนางพากันกลับไปอยู่ด้านหลังคาราวาน จากนั้นเขาก็เดินไปหาเริ่นอวี่สิงอีกครั้งและก้มลงมอง
“หัวหน้าเริ่น ไม่เจอกันนาน เป็อย่างไรบ้าง?” ฉู่อวิ๋นคุกเข่าลงและพูดด้วยเสียงต่ำ
“เ้า... เ้าเป็ใครกันแน่?!” เมื่อได้ยินชื่อนี้ ดวงตาของเริ่นอวี่สิงก็เบิกกว้างและสั่นเทา รู้สึกแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเสียงของชายหนุ่มตรงหน้าคุ้นเคยมาก ซ้ำรู้ได้อย่างไรว่าเขาเคยเป็หัวหน้ามาก่อน? รู้จักเขามาก่อนหรือ?
“ข้า? ข้าก็คือเด็กสารเลวที่ท่านเคยไล่ฆ่าตามถนนหลายสาย ตื่นตระหนกแทบตายแต่ก็ไม่อาจตายได้คนนั้นอย่างไรเล่า”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ค่อยๆ ดึงผ้าปิดหน้าของเขาออก ภายใต้ดวงตาที่สั่นระริกของเริ่นอวี่สิง ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาในท้ายที่สุด
เป็ใบหน้าที่คุ้นเคยมากสำหรับเริ่นอวี่สิง
“เ้าคือฉู่——!”
“ฟุ่บ---”
ก่อนที่เริ่นอวี่สิงจะได้พูดอะไร ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เป็ประกายเย็นเยียบ เขารีบยกฝ่ามือขึ้นและฟาดลงไป แสงพลังปราณพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำรามของัที่ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำให้เส้นเสียงของอีกคนเสียหาย ไม่อาจพูดได้อีก
“แค่กแค่ก... แค่ก…” เริ่นอวี่สิงเบิกตาโพลง ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นเห็นชัดเจนจนเต็มตาของเขา
เขา้าะโชื่อฉู่อวิ๋นแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงเฝ้าดู ไม่เต็มใจ และใ
“คิดไม่ถึงหรือ? ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่ได้ตายในการต่อสู้ที่หมู่บ้านหงอู้ ข้าไม่ได้ตายในการต่อสู้ข้างแม่น้ำโลหิต และหลังจากที่กระแสสัตว์ปีศาจผ่านไป ข้าก็ยังไม่ตาย”
“แต่ตอนนี้ เ้ากำลังจะตาย” ฉู่อวิ๋นมองไปที่เริ่นอวี่สิงราวกับว่ากำลังมองคนตาย ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกและเสียงกระซิบอันเย็นเยียบ
“เอื๊อก... อู! เอื๊อก อู้!” เริ่นอวี่สิงโกรธมากแต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้ ทำได้แค่จ้องมองด้วยความโมโห
ในเวลาเดียวกัน เริ่นอวี่สิงเองก็ใเช่นกัน เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉู่อวิ๋นยังเป็เพียงเด็กหนุ่มที่ถูกไล่สังหารอยู่เลย
แต่ตอนนี้ เขากลับสามารถฆ่านักรบขั้นมหาสมุทรได้ด้วยกระบี่เพียงเล่มเดียว และยังเลี้ยงสัตว์ปีศาจให้เชื่องเป็สัตว์เลี้ยงได้ด้วย นี่คือการเติบโตแบบใดกัน? เหลือเชื่อยิ่งนัก!
เดิมที หากอยากฆ่าฉู่อวิ๋น เริ่นอวี่สิงบีบมือเบาๆ เขาก็ตาย แต่ตอนนี้มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“เขา... เขาคือ...” ในเวลานี้ เริ่นอวี่สิงรู้ว่าไม่อาจหลบหนีได้อีก จึงมองหาหญิงสาวของตระกูลเสวี่ย อยากจะะโชื่อของฉู่อวิ๋นเพื่อเปิดเผยตัวตนของเขา
เพราะก่อนหน้านี้ เขารู้มาจากประกาศในหมู่บ้านหงอู้ว่าฉู่อวิ๋นเป็ที่้าของตระกูลฉู่ และตระกูลเสวี่ยในตอนนี้ก็กำลังคุยเื่การแต่งงานกับตระกูลฉู่อยู่ ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องใช้โอกาสนี้ลงโทษฉู่อวิ๋นอย่างแน่นอน
แต่เริ่นอวี่สิงที่ถูกฉู่อวิ๋นปรามไว้ ทั้งเส้นเสียงก็ถูกทำลาย เขาพูดไม่ออกจริงๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล โกรธมากจนกระอักเื เสียใจยิ่งนัก
“ต้องขอโทษด้วย ข้าคงให้ท่านเปิดเผยตัวตนข้าไม่ได้หรอก ไม่เช่นนั้นคนที่ตายก็คงเป็ข้า” ฉู่อวิ๋นเข้าหาเริ่นอวี่สิง น้ำเสียงของเขาแ่เบา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะบัดมือ ปล่อยให้เถาวัลย์ใบมีดฆ่าเริ่นอวี่สิงเสีย
ทันใดนั้น ใบมีดหลายสิบเล่มก็แทงเข้าไปที่ร่างของเริ่นอวี่สิง สิ้นชีพอย่างไม่เต็มใจ
“ไม่เป็ไรแล้วทุกคน ไม่ต้องกังวลแล้ว” ฉู่อวิ๋นสวมผ้าปิดหน้าแล้วพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะเดินตรงกลับไปที่คาราวาน ปล่อยให้สาวๆ ตกตะลึงและพูดไม่ออกอยู่นาน