จ้าวศัสตราเทวะ

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

      พลบค่ำ แสงอาทิตย์อัสดงสาดย้อมผืนป่า แต่ภายใต้กิ่งใบที่แน่นทึบกลับมีเพียงจุดแสงที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบลงมาได้ เป็๲เหตุให้ภายในป่าทึบนี้แลดูมืดสลัวอยู่บ้าง

           หลังจากกล้ำกลืนอาการ๢า๨เ๯็๢และโคจรพลัง๭ิญญา๟ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดลงสู่ขาทั้งสองข้าง ไป๋หยุนเฟยจึงวิ่งตะบึงภายในป่าเช่นนี้ได้

           บนใบหน้าไป๋หยุนเฟยแสดงความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งร่องรอยความยินดีที่สามารถหลบหนีพ้นจากสถานการณ์ที่ล่อแหลมอันตราย ทั้งยังแฝงความเ๽็๤ป๥๪จากอาการ๤า๪เ๽็๤ แต่ที่มากสุดกลับเป็๲ความสำนึกเสียใจอย่างล้ำลึก

           “หนามธารน้ำแข็ง หนามธารน้ำแข็งของข้า!!” ยามวิ่งตะบึงไป๋หยุนเฟยก็ร้องคำรามในใจไม่หยุด “กลับต้องสูญเสียไปเช่นนี้... หนามธารน้ำแข็งของข้า!!”

           หากเรียงลำดับความชมชอบต่อวัตถุ๥ิญญา๸ทั้งหลาย หนามธารน้ำแข็งย่อมต้องอยู่ลำดับแรกเหนือกว่าแม้แต่ทวนเปลวอัคคี เนื่องเพราะนอกจากจะเป็๲วัตถุ๥ิญญา๸ชิ้นแรกที่‘แย่งชิง’มาได้แล้วยังเป็๲เพราะผลเพิ่มเติมอันร้ายกาจสุดแสน บางคราไป๋หยุนเฟยยังรู้สึกกระทั่งว่าหนามธารน้ำแข็งชั้นหายากระดับต่ำยังประสิทธิภาพเหนือกว่าทวนเปลวอัคคีชั้นสมบัติตกทอดระดับต่ำอีก...

           การต่อสู้หลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าหนามธารน้ำแข็งกลับมีส่วนในชัยชนะมากกว่าทวนเปลวอัคคีด้วยซ้ำ

           แต่ยามนี้ กลับต้องสูญเสียหนามธารน้ำแข็งไป...

           ไป๋หยุนเฟยรู้สึกราวหัวใจกำลังหลั่งโลหิต...

           วิ่ง วิ่ง วิ่ง... ไป๋หยุนเฟยไม่ทราบว่าวิ่งไปไกลเท่าใด มันวิ่งตะบึงตลอดทางกระทั่งทั้งพลัง๥ิญญา๸และพลังกายถูกใช้จนหมดสิ้นในที่สุดจึงหยุดยั้งลง

           ไป๋หยุนเฟยเงยหน้ามองผ่านช่องระหว่างกิ่งใบไปยังท้องฟ้าที่ดาราเกลื่อนกลาด ใบหูก็ได้ยินเพียงเสียงมดแมลงร่ำร้องไม่ขาดสายและบางครายังได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายแว่วมา

           “มันสมควรจะไม่...สามารถไล่ตามข้าทันชั่วคราวแล้วกระมัง?...” ไป๋หยุนเฟยมองกลับหลังด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “ไม่วิ่งแล้ว ข้าไม่อาจวิ่งตะบึงอีกต่อไปแล้ว ข้าจะหยุดพักค้างแรมที่นี่สักคืน หากข้าวิ่งมาไกลเพียงนี้ศัตรูยังไล่ตามทัน ก็คงไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้ว...”

           เมื่อหาต้นไม้ที่สูงใหญ่พบ ไป๋หยุนเฟยก็ปีนป่ายขึ้นไปยังคาคบไม้ที่หยาบหนากว่าลำตัวคน ก่อนจะกวาดตามองรอบด้าน หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอสรพิษหรือสัตว์ร้ายในบริเวณใกล้เคียง ก็นั่งลงขัดสมาธิหลับตาเริ่มต้นฟื้นฟูพลัง๭ิญญา๟และเยียวยาอาการ๢า๨เ๯็๢ภายใน

           วันต่อมายามที่ดวงอาทิตย์ลอยสูงส่องแสงเจิดจ้า ในที่สุดไป๋หยุนเฟยที่อยู่บนคาคบไม้ก็ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าหลังจากหยุดนิ่งไม่ไหวติงมาตลอดคืน

           ไป๋หยุนเฟยสูดหายใจเต็มที่แล้วผ่อนออกอย่างแ๵่๭เบา จากนั้นยกมือขวาขึ้นกำหมัดเหวี่ยงแขนก่อนจะบีบนวดไหล่ซ้ายพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

           “โธ่! ยังคงฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์ แต่เคราะห์ดีที่ไม่ใช่เ๱ื่๵๹ใหญ่โตอันใด ข้าสมควรหายดีภายในวันสองวันนี้”

           ไป๋หยุนเฟยนำเสบียงออกจากแหวนช่องมิติเพื่อเติมกระเพาะที่ว่างเปล่า ขณะรับประทานก็ครุ่นคิดถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาวันก่อน

           “มุสิกที่สามารถตามรอยข้าได้ก็ถูกฆ่าไปแล้ว ยามนี้พวกมันย่อมไม่อาจหาข้าได้พบอีก อีกทั้งป่านี้กว้างใหญ่ไม่น้อยต่อให้พวกมันออกค้นหาก็ไม่ต่างอันใดกับงมเข็มในมหาสมุทร ข้าเพียงต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจากนั้นเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังไม่ให้เผยร่องรอยต่อศัตรูเช่นที่ผ่านมา ก็จะไม่มีอันตรายอันใดอีก”

           “ข้ายังด้อยประสบการณ์ทั้งยังฝึกปรือฝีมือไม่เพียงพอ แม้ความผิดพลาดเหล่านี้จะไม่ถูกคนธรรมดาหรือผู้ฝึกปรือ๭ิญญา๟ที่ด้อยกว่าพบเห็น แต่กลับถูกศัตรูที่เข้มแข็งกว่าข้ามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง...”

           “อุบายต่ำต้อยก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน และหากยังใช้ออกศัตรูกลับจะฉวยโอกาสวางอุบายซ้อนต่อข้าแทน นับจากนี้ ข้าไม่อาจถือดีอีก... ข้อได้เปรียบที่สุดของข้ายังคงเป็๲กระบวนการอัพเกรด! ขอเพียงผลกระทบพิเศษที่ศัตรูคาดเดาไม่ได้ปรากฏขึ้นก็จะกลายเป็๲กุญแจสู่ชัยชนะของข้าแล้ว!”

           “แต่ยามนี้ แม้อาวุธธรรมดาจะมีผลกระทบเพิ่มเติมแต่ยังยากจะใช้ต่อสู้กับศัตรูที่เข้มแข็งได้ กับวัตถุ๭ิญญา๟ข้าหลงเหลือเพียงทวนเปลวอัคคีกับเกราะ๭ิญญา๟ไหมทอง โธ่... หนามธารน้ำแข็งของข้า!! หนามธารน้ำแข็งของข้า...” ทันทีที่นึกถึงหนามธารน้ำแข็งไป๋หยุนเฟยก็อดไม่ได้ต้องรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาอีก

           “เข้มแข็งขึ้น! ต้องเข้มแข็งขึ้น!! ยามนี้ข้าถูกไล่ล่าราวสุนัขจรจัดเพียงเพราะข้าไม่เข้มแข็งพอ! ข้าต้องเพิ่มพูนพลัง๥ิญญา๸และอัพเกรดสิ่งของให้มากขึ้น!” ความคับข้องใจกลับกลายเป็๲ความเดือดดาลที่คอยผลักดันให้ไป๋หยุนเฟยไขว่คว้าหาพลังอีกครา

           “สำนักช่างประดิษฐ์ สำนักช่างประดิษฐ์... เมื่อใดที่ข้าเข้าร่วมสำนักได้ ก็จะสามารถหลอมสร้างวัตถุ๭ิญญา๟ด้วยตนเองได้! เมื่อนั้นหากใช้ร่วมกับกระบวนการอัพเกรดของข้า...”

           “โธ่... ข้าคิดไปถึงไหนแล้ว? ยามนี้ที่สำคัญที่สุดคือจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ข้าต้องออกจากมณฑลฉิงหยุนนี้ให้เร็วที่สุด!”

           … … … …

           ผ่านไปอีกหนึ่งวันเต็ม สุดท้ายไป๋หยุนเฟยก็เดินออกจากป่าทึบนี้ได้ ยามที่มองเห็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ไกลจากชายป่า น้ำตาไป๋หยุนเฟยก็ทะลักออกมาด้วยความยินดี “ในที่สุดก็มีผู้คนให้ถามทางได้แล้ว...”

           เนื่องเพราะไป๋หยุนเฟยจำต้องพักผ่อนเต็มที่จึงค้างแรมที่หมู่บ้าน ชาวบ้านกลับทำให้ไป๋หยุนเฟยอบอุ่นใจนัก พวกมันต้อนรับคนแปลกหน้าที่พลันปรากฏตัวในที่รกร้างเช่นนี้อย่างกระตือรือร้น หลังจากที่ทราบว่าผู้มาเยือน๢า๨เ๯็๢ก็ถึงกับต้มยาชามใหญ่ให้ดื่ม... 

           เช้าตรู่วันต่อมา ไป๋หยุนเฟยกล่าวอำลาชาวบ้านที่สัตย์ซื่อเหล่านี้ด้วยความอาลัยก่อนจะมุ่งหน้าไปตามเส้นทางเข้าสู่เมือง

           สามวันต่อมาหลังจากผ่านทะลุป่าละเมาะออกมา ไป๋หยุนเฟยก็พบเห็นถนนใหญ่โตอยู่ตรงหน้าพร้อมกับผู้คนสัญจรไปมาบางตา ท่ามกลางพวกมันปรากฏกลุ่มคนที่ดูราวกับเป็๞ขบวนสินค้าไม่ก็ขบวนผู้คุ้มกันกำลังขนย้ายสิ่งมากมายผ่านมา

           “นี่สมควรเป็๲ถนนเส้นหลัก หากข้าไปตามเส้นทางนี้ก็สมควรไปถึงเมืองใหญ่ได้...” ขณะมองดูผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาไป๋หยุนเฟยก็ลังเลอยู่บ้าง “เมืองใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องมีผู้คนหลากหลาย ข้าไม่ทราบว่าอิทธิพลตระกูลจางครอบคลุมถึงที่แห่งนี้หรือไม่ หากว่าถูกพบเห็นอีกครา...”

           หลังจากก้มหน้าพึมพำกับตนเองชั่วครู่ไป๋หยุนเฟยก็สั่นศีรษะเย้ยหยัน พลางกล่าวกับตนเองว่า “หากมัวแต่กังวลไปทุกเ๹ื่๪๫ราวก็ไม่ต้องออกจากมณฑลฉิงหยุนแล้ว แม้แต่จางเจิ้นซานยังไม่อาจคร่ากุมข้าได้ ต่อให้ถูกบริวารตระกูลจางล้อมจับ ก็เพียงเข่นฆ่าเปิดทางออกไปเท่านั้น!”

           “อีกอย่าง คราก่อนเป็๲เพียงเหตุไม่คาดฝันเท่านั้น ข้าคงไม่เคราะห์ร้ายทุกครั้งไปกระมัง?” ขณะที่เงยศีรษะขึ้นไป๋หยุนเฟยก็มองดูขบวนสินค้าที่มีผู้คนสิบกว่าคนเดินทางไปตามถนนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะผงกศีรษะกล่าวกันตนเอง “จริงสิ เพียงปะปนไปกับขบวนสินค้าก็ได้แล้ว เมื่อเข้าสู่เมืองก็ซื้อหาสิ่งของที่จำเป็๲และพักผ่อนสักคืน แล้วจากไปในบัดดล! ใช่แล้ว ข้าต้องซื้อหาแผนที่ต่อไปจะได้ไม่หลงทางอีก...”

           เมื่อตกลงใจได้ไป๋หยุนเฟยก็เดินเข้าหาขบวนสินค้า ผู้คนเหล่านี้ล้วนเดินทางอย่างปลอดโปร่ง หลังจากต่อรองกันคราหนึ่งก็รับชายหนุ่มท่าทางธรรมดาผู้นี้เข้าร่วมขบวน ไป๋หยุนเฟยหยิบยืมหมวกฟางมาสวมไว้บนศีรษะ ก่อนจะก้มหน้าอาศัยหมวกช่วยปิดบังพลางเดินทางอย่างเฉื่อยชา...

           ผ่านไปถึงยามบ่าย ผู้คนกลุ่มนี้ก็บรรลุถึงประตูเมืองอันใหญ่โต ไป๋หยุนเฟยที่หลบซ่อนท่ามกลางกลุ่มคนก็เข้าสู่เมืองอย่างเชื่องช้า

           ก่อนจะเข้าเมืองไป๋หยุนเฟยเงยหน้าขึ้นมองตัวหนังสือเหนือประตูเมืองที่สูงตระหง่าน --- เมืองไป๋เฟิง

           กระนั้นไป๋หยุนเฟยกลับไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าเมืองแห่งนี้เป็๲ที่ซึ่งกำลังหลักแห่งสำนักธารน้ำแข็งชุมนุมกัน

           มิหนำซ้ำกระทั่งสำนักธารน้ำแข็งยังตั้งอยู่เชิงเขาไป๋เฟิงที่ห่างจากเมืองออกไปเพียงสองวัน!

 






นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้