เหล่าผู้คุ้มกันเห็นว่ารุ่นเยาว์ทั้งสี่คนเดินห่างออกไปแม้ภายนอกพวกเขาจะยังคงเต็มไปด้วยความเคร่งครึมและใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในกลับสื่อสารกันภายในจิตยิ่งกว่า
'เด็กคนนั้นไม่เลวเลยทีเดียว…'
'ข้าว่าปีนี้คงมีศิษย์ใหม่เข้าร่วมสำนักเยอะที่สุดในประวัติการณ์ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาในอีกไม่กี่ชั่วยามแล้ว...' ผู้าุโคนหนึ่งที่มีญาณััลึกล้ำเอ่ยเสริมขึ้น
'เด็กหนุ่มตัวเล็กที่สุดน่าสนใจอย่างบอกไม่ถูก ข้าว่าในปีนี้ข้าอาจจะเข้าร่วมทดสอบเป็ผู้าุโฝ่ายในก็เป็ไปได้…' ชายวัยกลางคนผู้เป็หัวหน้าคุ้มกันที่คุยกับกลุ่มของหนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเื่พูดคุยเป็เื่อื่นที่ต่างเป็การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของตนเอง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากผู้าุโในห้องโถงหลักของสำนักสักเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งหลายยังคงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นค่ายกลส่งภาพ ในใจพวกเขาต่างรู้สึกอยู่ในใจว่าการรับศิษย์ใหม่ในปีนี้ช่างเต็มไปด้วยเื่ราวที่แปลกประหลาดใจเสียจริง...
ทางฝั่งกลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างพากันเดินไปไม่ไกลไปจากประตูของสำนักทางด้านฝั่งซ้ายมือ ก่อนที่จะเลือกพักกันอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พวกเขาทั้งสี่คนมีความเห็นตรงกันว่าสภาพพวกเขาตอนนี้นับว่าดูไม่ได้เลยสักนิดราวกับว่าพึ่งผ่านศึกามาเสียอย่างนั้น ลู่ซีจึงเดินกลับไปสอบทางทางผู้คุมกันอีกครั้งจนได้รับคำตอบว่าไม่ไกลจากนี้มีลำธารอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสี่คนต่างมีความเห็นตรงกันว่าก่อนที่จะทำอะไรนั้นควรที่จะอาบน้ำก่อนเป็การดีที่สุด
บริเวณข้างทางก่อนไปถึงลำธารเต็มไปด้วยป่าไผ่ขนาดน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายเป็ซุ้มทางเดินที่สวยงามร่มรื่น แน่นอนว่าบริเวณโดยรอบนี้ต่างถือว่าเป็เขตป่าที่อยู่ใกล้กับสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด มีผู้คุ้มกันทั้งที่เปิดเผยตัวตนและมีไม่น้อยเช่นกันที่ซ่อนเร้นอยู่เป็จำนวนมาก บริเวณดังกล่าวนี้ได้รับการดูแลปกป้องจากเหล่าผู้าุโแสดงให้เห็นว่าทางสำนักศึกษาให้ความสำคัญกับศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบมากเพียงใด
กลุ่มของหนิงอ้ายใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามในการอาบน้ำและจัดการธุระส่วนตัวของตนครั้งนี้ ก่อนกลับไปยังที่พักหนิงอ้ายสังเกตเห็นบางสิ่งอย่างก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่สองขาจะก้าวไปด้วยความรวดเร็วจนเห็นได้ชัด
"เ้าจะไปไหนหนิงอ้ายเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้..." อี้หลินเอ่ยทักเด็กหนุ่มขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าตัวคนนั้นเดินแยกออกไปพร้อมกับไปหยุดที่กอไผ่ริมทางเดิน
"เ้ามองหาอะไรงั้นรึให้ข้าช่วยหาหรือไม่?" จินหั่วเอ่ยถามขึ้นแม้ตนจะไม่รู้ว่าอีกฝ่าย้าอะไรแต่แน่นอนว่าเขาย่อมพร้อมที่จะช่วยเหลือสหายของตนอย่างไม่บิดพริ้ว
"ข้ากำลังหาของอร่อยมาทำให้พวกเ้าได้กินอย่างไรเล่า" เมื่อพูดจบหนิงอ้ายได้ใช้พลังปราณของตนผนึกขึ้นก่อนที่จะสั่งการให้ขุดไปยังสิ่งที่โผล่พ้นจากกอไผ่เพียงแค่ส่วนหัวอันน้อยนิดที่หากว่าไม่สังเกตดี ๆ แล้วย่อมไม่เห็นอย่างแน่นอน
"สิ่งนี้เรียกว่าอะไรรึ??" ลู่ซีถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะว่าบ่อยครั้งที่หนิงอ้ายมักจะหาวัตถุดิบแปลก ๆ นำมาทำเป็อาหารซึ่งส่วนมากจะเป็สิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่ด้วยเพราะทุกครั้งต่างลงเอยด้วยรสชาติที่อร่อยแปลกใหม่ดังนั้นสำหรับลู่ซีแล้วเขาไม่มีปัญหาที่จะได้กินฝีมือของเด็กหนุ่ม
สิ่งที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าของพวกเขาจะเรียกว่าอะไรนั้นพวกเขาต่างคาดเดาไม่ถูกและไม่คาดคิดว่าจากส่วนที่โผล่ขึ้นจากพื้นไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือแต่เมื่อขุดไปแล้วกับพบว่ามีขนาดใหญ่ไปไม่ต่างจากรากไม้ขนาดใหญ่ ทั้งสามคนส่งสายตาไปยังเด็กหนุ่มคล้ายกับเป็การถามหนิงอ้ายว่าสิ่งนี้คืออะไร
"สิ่งนี้เรียกว่าหน่อไม้ เป็ต้นอ่อนของไผ่พวกนี้ซึ่งสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนูบอกไปพวกเ้าคงไม่รู้จักเอาเป็ว่าค่อยรอชิมก็แล้วกัน..." หนิงอ้ายตอบกลับทุกคนไปก่อนที่จะแปรเปลี่ยนพลังปราณของตนให้โอบอุ้มหน่อไม้อันนี้ก่อนที่จะเดินนำทุกคนไปยังที่พักใต้ต้นไม้ที่เลือกไว้ในทันที
ถึงจุดที่พักแล้วหนิงอ้ายได้จัดการเื่ที่นอนของตนในคืนนี้เรียบร้อยแล้วด้วยการนำใบไม้มาปูเป็ชั้น ๆ เพื่อทำเป็ที่นอนชั่วคราว ระยะเวลาสิบกว่าวันผ่านมานี้หนิงอ้ายคิดถึงที่นอนอันแสนนุ่มฟูของตนเป็อย่างมาก แต่จะให้ตอนนี้หากตนนำที่นอนและหมอนที่ตนนำออกมาทุกคนคงแตกตื่นเป็แน่
ั้แ่เขาทะลุมิติมานั้นเมื่อปรับตัวได้กับโลกใบนี้และเขาไม่สามารถทำใจได้กับการนอนบนเตียงไม้แข็ง ๆ เขาจึงอ้อนให้ท่านแม้ทำที่นอนและหมอนหนุนด้วยใยฝ้ายที่หาซื้อได้โดยทั่วไปและแน่นอนว่าทั้งหมอนและที่นอนหนานุ่มเช่นนี้หนิงอ้ายล้วนอิงมาจากโลกเดิมของเขาทั้งสิ้น ซึ่งหากเขาทำขึ้นมาขายในโลกนี้คงสร้างความแตกตื่นเป็แน่แต่นั่นก็เป็เื่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ภายหลังอีกไม่กี่สิบปี...
"อี้หลิน ข้าว่าเ้ากับจินหั่วไม่ต้องมาช่วยข้ากับลู่เกอหรอก พวกเ้าไปดูดซับปราณฟ้าดินเพื่อรักษาอาการาเ็ก่อนหน้าให้หายดีเถอะ ตอนปะทะกับอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะพวกเ้าก็ได้ฝืนใช้บทเวทย์ระดับสูงไปเช่นกัน ข้าไม่อยากให้มันส่งผลไปถึงการเพิ่มระดับของพวกเ้าทั้งสองคนในวันข้างหน้าได้..." หนิงอ้ายบอกกับสหายทั้งสองของตนด้วยหวังยินดี
แม้ว่าทั้งสองจะได้กินโอสถรักษาไปแล้ว แต่ในความเป็จริงหากว่าได้มีการดูดซับปราณฟ้าดินไปพร้อมกันจะช่วยให้โอสถแสดงผลที่ดีที่สุดออกมาได้ แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ยินยอมเท่าไหร่นักแต่ด้วยเห็นใบหน้าที่จริงจังของสหายจึงปฏิเสธไม่ได้ ก่อนที่จะยื่นคำขาดว่าในคืนนี้พวกเขาทั้งสองคนจะเฝ้ายามแทนหนิงอ้ายกับลู่ซีเองเพราะทั้งสองก็ต้องได้รับการพักผ่อนเช่นกัน
เวลาได้ผ่านไปหนึ่งชั่วยามด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าหน้าที่ในการหุงข้าวย่อมเป็ลู่ซีที่ดูแลรับผิดชอบส่วนนี้ แต่สำหรับหนิงอ้ายหลังจากจัดการหั่นหน่อไม้ให้มีขนาดที่้าและทำการต้มเพื่อลดความขมให้หมดไปแล้ว ต้องบอกว่าด้วยเวลาเท่านี้หนิงอ้ายได้ทำอาหารขึ้นเกือบสิบอย่าง เป็เหมือนกับรางวัลความพยายามของพวกเขาที่มาถึงประตูทางเข้าของสำนักได้ในที่สุด
หนิงอ้ายได้ขอให้ลู่ซีนั้นไปเรียกอี้หลินและจินหั่วที่กำลังดูดซับปราณฟ้าดินอยู่อีกฝั่งหนึ่งในป่าไม่ไกลจากตรงนี้ เพราะว่าในตอนนี้อาหารทุกอย่างล้วนเสร็จแล้วทั้งสิ้นและถูกจัดเรียงไว้บนโตะอย่างดี แน่นอนว่าเมื่อทั้งสองมาถึงต่างอดไม่ได้ที่จะะโออกมาเสียงดัง...
"โอ้!!!เ้าจะทำเยอะไปไหนกันหนิงอ้าย" จินหั่วเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองอาหารที่แปลกตาบนโตะอาหาร
"หน้าตาของอาหารพวกนี้ไม่ต่างไปจากเหลาอาหารอันดับต้น ๆ ของแคว้นเสียด้วยซ้ำ มีของโปรดข้าด้วย!!!" อี้หลินเอ่ยชื่นชมขึ้นก่อนที่จะร้องดีใจออกมาเมื่อเห็นว่าหนึ่งในนั้นมีของโปรดของตนอยู่ด้วย
"แล้วสิ่งนั้นที่เ้าเรียกว่าหน่อไม้ ข้าไม่เห็นจะมีมันอยู่บนโตะเลยหรือว่าเ้าไม่ได้ทำอาหารจากสิ่งนั้นแล้ว" จินหั่วเอ่ยถามขึ้นเมื่อมองไปทั้งโตะอาหารแล้วพบว่าไม่มีสิ่งใดที่คล้ายกับสิ่งที่สหายตนเรียกว่าหน่อไม้เลยแม้แต่น้อย บนโตะอาหารเต็มไปด้วยของกินที่หลากหลายอย่าง แน่นอนว่าอาหารทั่วไปอย่างเช่นไก่ผัดถั่วลิสง ขนมจีบ ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน เต้าหู้ทรงเครื่อง รวมไปถึงเกี้ยวน้ำก็มีให้เลือกทานเช่นกัน
"เ้าทำเยอะเช่นนี้พวกเราสี่คนจะทานหมดอย่างนั้นรึ??" อี้หลินเอ่ยถามขึ้นด้วยความเสียดาย แม้ว่าเขาจะมาตระกูลใหญ่ก็จริงแต่ถ้าอาหารที่ดูน่าทานเช่นนี้หากต้องเหลือทิ้ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการกินเช่นเขาแล้วนั้นย่อมเป็สิ่งที่ปวดใจยิ่งนัก
"ดูถามเข้าข้าไม่เชื่ออว่าตัวตะกละเช่นเ้าจะกินไม่หมดนะอี้หลินฮ่าฮ่าฮ่า" จินหั่วหยอกสหายของตนไปด้วยรู้ดีว่าเห็นอีกฝ่ายตัวเล็กเช่นนี้แต่ในเื่ของการกินแล้วเขายังต้องยอมแพ้ไปในบางครั้ง
"เอาละ!!ก่อนที่อาหารจะเย็นไปมากกว่านี้ ข้าว่าพวกเราควรกินกันได้แล้ว..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะนั่งลงด้วยท่าทางราวกับคุณชายน้อยผู้หนึ่งก่อนที่จะคีบเอาอาหารที่อยู่ด้านหน้าของตนเข้าปากไปด้วยความรวดเร็ว
อี้หลิน จินหั่ว และลู่ซีต่างไม่รอช้านั่งลงในที่ว่างก่อนที่จะเลือกคีบอาหารที่ใกล้มือตนเข้าปากไปในทันทีเช่นกัน…
"นี่มันอร่อยมาก ข้าไม่เคยกินเกี้ยวน้ำที่มีรสชาติหวานกรอบเช่นนี้มาก่อนนี่ไม่ต่างไปจากเหลาอาหารอันดับหนึ่งของแคว้น..." อี้หลินยังคงพูดไปและคีบอาหารอื่นอีกด้วยความรวดเร็วอีกทั้งดวงตาซุกซนเปิดออกกว้างเป็อย่างยิ่ง เพราะ์สำหรับนักกินเช่นเขาการได้กินอาหารที่อร่อยก็ทำให้มีความสุขมากพอแล้ว
"ไส้ในเกี้ยวน้ำและหรือแม้จะทั่งไส้ของอย่างอื่นมีสิ่งที่เ้าเรียกว่าหน่อไม้อยู่ใช่หรือไม่??" แน่นอนว่าจินหั่วผู้ที่ชื่นชอบในการสังเกต เห็นได้ว่าบนโตะอาหารนี้จะเป็อาหารที่พวกเขาล้วนคุ้นหน้าตาแต่ทว่าทุกจานนั้นกลับมีเ้าสิ่งนั้นสอดแทรกประสานไปได้อย่างลงตัวจนเรียกได้ว่าเกิดเป็รสชาติใหม่เลยทีเดียว
บรรยากาศบนโตะอาหารของกลุ่มหนิงอ้ายทั้งสี่คนนั้นเต็มไปด้วยความสุขและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจในอาหารมื้ออย่างถึงที่สุด แน่นอนว่าเหล่าผู้าุโทั้งหลายที่เฝ้ามองดูผ่านจากค่ายกลส่งภาพต่างท้องร้องกันออกมาเสียงดัง
จริงอยู่ที่ว่าสำหรับผู้ฝึกตนยิ่งมีระดับพลังิญญาสูงเท่าไหร่ ความจำเป็ในการทานอาหารอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาสามารถอดอาหารได้เป็หาลสิบหลายร้อยปี แต่ด้วยเพราะว่าค่ายกลส่งภาพนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่ของสำนักศึกษาซึ่งทำให้กลิ่นหอมของอาหารพวกเขาต่างััได้และตั้งใจว่าต้องมีสักครั้งหนึ่งที่ตนได้กินกินอาหารจากฝีมือของหนิงอ้ายผู้นี้
มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่มองไปถึงว่าหากได้เด็กหนุ่มมาเป็ศิษย์ในตำหนักของตน หากจะให้อีกฝ่ายทำอาหารหน้าตาน่าทานเช่นนี้ทุกวันคงไม่ได้แปลกประหลาดอันใด ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ได้ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว
"สิ่งที่เ้าเรียกว่าหน่อไม้นั้นอร่อยมาก หากข้าอยากจะขอสูตรไปให้พ่อครัวประจำตระกูลของข้าทำให้ท่านพ่อและท่านแม่กินจะได้หรือไม่?" อี้หลินเอ่ยถามสหายตัวน้อยของตนด้วยความคาดหวังเพราะระหว่างการกินอาหารนั้นหนิงอ้ายยังบอกว่าเ้าหน่อไม้นี้ยังทำของอร่อยได้อีกมากมาย
"เอาไว้เวลาว่าง ๆ ข้าจะเขียนสูตรให้เ้าแล้วกัน..." หนิงอ้ายตอบกลับไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ความคิดของเขาแต่แรกเพราะในโลกเดิมของเขาหน่อไม้สามารถนำมาทำอาหารและสิ่งอื่นได้อย่างมากมายสารพัดอย่าง
"ความจริงข้าอยากแนะนำให้พวกเ้ารู้จักกับบางคนด้วย..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งอี้หลินและจินหั่ว ขอเป็ผู้รับผิดชอบในการทำความสะอาดและจัดเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่พวกเขานั้นจะมานั่งล้อมวงคุยกัน
"ใครกันรึ??? หรือว่าผู้ที่ผ่านการทดสอบที่มาถึงก่อนหน้าจะเป็สหายของเ้ากัน..." จินหั่วเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยก่อนที่สายตาของเขาจะเห็นดวงตากลมโตสีแดงที่โผล่พ้นจากอกเสื้อของหนิงอ้ายที่มองมาทางเขาพอดี
แน่นอนว่าอี้หลินก็เห็นความเคลื่อนไหวนั้นเช่นกันก่อนที่จะเอ่ยสิ่งใดขึ้นมานั้นเด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"คนทางขวามือคือจินหั่วส่วนทางซ้ายมือคืออี้หลิน พวกเขาคือสหายใหม่ของข้า..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางเด็กหนุ่มทั้งสอง
"ส่วนนี่คือต้าเฮย ความจริงแล้วต้าเฮยก็อยู่กับพวกเรามาั้แ่ต้นแล้วเพียงแต่ก่อนหน้าเวลายังไม่เหมาะสมที่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จักสักเท่าไหร่..." สิ้นคำเอ่ยของหนิงอ้าย เ้าตัวน้อยอสรพิษสีดำได้เลื้อยลงไปจากอกเสื้อของเขาก่อนที่จะเลื้อยไปทางเด็กหนุ่มทั้งสองก่อนที่จะกัดนิ้วชี้ของเด็กหนุ่มทั้งคู่ด้วยความรวดเร็ว และเลื้อยกลับเข้ามาในอกเสื้อของหนิงอ้ายก่อนที่ส่วนคอนั้นจะโผล่พ้นออกมา พร้อมกับดวงตาสีแดงยังจองจ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
"พวกเ้าไม่ต้องใไป ต้าเฮยเพียงกัดพวกเ้าเพื่อแทรกปราณธาตุพิษเอาไว้ หากในวันข้างหน้าหากพวกเ้าโดนวางยาพิษหรือต้องพบเจอกับสัตว์อสูรปราณธาตุพิษสิ่งนี้จะสามารถปกป้องพวกเ้าได้"
ไม่ทันให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนได้ตั้งสติ ตอนแรกพวกเขาต่างใในความรวดเร็วของเ้าตัวน้อย และที่ทำให้ใไปยิ่งกว่านั้นคือการแทรกปราณธาตุต้นกำเนิดเข้าสู่ร่างกายของผู้ฝึกตนเพื่อส่งมอบความสามารถการปกป้องพิษ
ความสามารถดังกล่าวนี้คงไม่ใช่สัตว์อสูรระดับต่ำทั่วไป แต่ด้วยเพราะหนิงอ้ายที่เป็สหายที่ตนไว้ใจนั้นในเมื่ออสรพิษตัวนี้เป็สัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ไว้ใจและทราบซึ้งใจเป็อย่างมาก
"ขอบใจเ้านะต้าเฮย เ้าช่างดีที่สุด" เสียงของอี้หลินและจินหั่วเอ่ยขึ้นพร้อมกันจากนั้นอสรพิษตัวน้อยเ้าของชื่อต่างชูคอขึ้นราวกับว่าตนนั้นสูงศักดิ์และเหมาะสมกับคำชมนี้มากเพียงใด เมื่อทั้งสองเห็นเป็เช่นนั้นจึงเอ่ยชมเ้าตัวน้อยไปอีกหลายคำ หนิงอ้ายนั้นได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ออกมาดูท่าแล้วต้าเฮยนี่บ้ายอไม่น้อย
พวกเขาทั้งสี่..ไม่สิตอนนี้เป็ห้าแล้วเพราะว่าต้าเฮยได้เปิดเผยตัวให้กับกลุ่มของหนิงอ้ายได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเ้าตัวน้อย แน่นอนว่าผู้าุโที่เฝ้ามองอยู่ก็ทราบเช่นกัน แม้จะััได้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวนี้ช่างเต็มไปด้วยความลึกลับเพียงใดแต่ถึงอย่างนั้นระดับของอีกฝ่ายที่สามารถััได้ก็อยู่เพียงสัตว์อสูรระดับนภาขั้นต่ำเท่านั้น
การที่อีกฝ่ายสามารถแฝงปราณธาตุพิษไปยังเด็กหนุ่มทั้งสองคนนั้นด้วยระดับพลังเท่านี้นับว่าเกินตัวไปจนน่าเหลือเชื่อ แต่นั่นพอเข้าใจได้ว่าอสรพิษน้อยตัวนี้คงมีสายเืพิเศษแอบแฝงอยู่เป็แน่ เพราะโลกแห่งผู้ฝึกตนนี้นั้นยังมีสิ่งอื่นอีกมากที่เต็มไปด้วยปริศนาเช่นกัน
"พวกเ้าคิดว่าทางสำนักจะมีทดสอบอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่??" อี้หลินเอ่ยถามความเห็นของทุกตนที่ในตอนนี้ต่างนั่งล้อมวงพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย
"้าคำตอบแบบสบายใจหรือความจริงเล่า??" หนิงอ้ายเอ่ยถามขึ้นกลับไปยังสหายวัยเดียวกันของตน
"จริงสิ!!! ตอนนี้เรามีท่านเทพพยากรณ์หนิงอ้าย เช่นนั้นท่านเทพช่วยทำนายได้หรือไม่ว่าการทดสอบถัดไปนั้นในวันพรุ่งนี้จะเป็อะไร??" อี้หลินยังคงพูดเล่นกับหนิงอ้าย
ถึงอย่างไรความหมายของคำถามก็เป็สิ่งที่เขา้าทราบเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็สามารถบอกเส้นทางที่ถูกต้องและพาพวกเขาทุกคนมาถึงประตูทางเข้าของสำนักได้สำเร็จ ดังนั้นสำหรับเขาแล้วหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากท่านเทพเซียนแห่งการรอบรู้เสียคงไม่เกินจริงไปนัก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้