“คิดจะไล่นังแพศยานั่นออกไปมิใช่เื่ยาก ขอเพียงข้ายังอยู่ที่จวนแห่งนี้คนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างนางไม่มีวันได้ผุดได้เกินแน่นอน หากท่านพี่สนับสนุนข้านังแพศยาคนนั้นจะต้องถูกตะเพิดออกจากจวนไปได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของหลินเมิ้งหวู่เปี่ยมไปด้วยความปลุกปั่นหากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยารู้จักอุปนิสัยใจคอของหลินเมิ้งหวู่ดีแล้วละก็บางทีนางอาจจะพ่ายแพ้ให้กับคำพูดของน้องสาวคนนี้ไปแล้ว
“พี่สาวชักจะไม่เข้าใจคำพูดของเ้าเสียแล้วสิ”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อย นิ้วยกขึ้นนวดหว่างคิ้วเสแสร้งแสดงท่าทีลำบากใจ ราวกับว่านางกำลังเป็กังวลมากจริงๆ
“หาก้าจะขับไล่นางไปเกรงว่าจะต้องเชิญท่านแม่มาอยู่ที่นี่ด้วย ท่านแม่มีวิธีการมากมายกว่าเราท่านพี่คิดเห็นเช่นไร”
หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้วขึ้นนางพอจะเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลินเมิ้งหวู่จึงพยายามยุแยงตะแคงรั่วให้ตนเองกำจัดเจียงหรูฉินออกไปให้พ้นทาง
โหวกเหวกโวยวายอยู่ครึ่งค่อนวันก็เพื่อสิ่งนี้สินะ
เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้น ตอนมาอาจมาง่าย แต่ตอนไปแลจะยาก ซ่างกวนฉิงเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบายเกรงว่าเส้นทางการเป็พระชายาของนางเองก็คงถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน
แต่...นางยังคงหาเหตุผลที่จะกำจัดสองแม่ลูกนี้ไม่เจอ
หากเชิญพวกนางเข้ามา แล้วนางจะผลักพวกนางออกไปเช่นไร?
“เื่นี้ไม่ยากหรอกขอเพียงข้าได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องก็เพียงพอแล้ว เ้ากลับออกไปก่อนเถอะข้าจะรีบไปทูลท่านอ๋องเื่นี้”
หลินเมิ้งหวู่พยักหน้ารับคำแล้วกลับออกไปอย่างว่าง่าย
“นายหญิง เกรงว่าคุณหนูรองจะไม่ได้คิดดีอย่างคำพูดนะเ้าคะ!”
ตอนที่ยังอยู่จวนสกุลหลินมีเพียงป๋ายจื่อและหลินเมิ้งหยาเท่านั้นที่เข้าใจกันดี
พวกนางต้องทนทุกข์ทรมานเพราะสองแม่ลูกคู่นี้ทุกรูปแบบดังนั้นป๋ายจื่อจึงอยู่ให้ห่างจากสองแม่ลูกคู่นี้ให้ได้มากที่สุด
เพียงได้ยินว่าคุณหนูของตนเองคิดจะพาสองแม่ลูกใจดำออำมหิตคู่นั้นเข้ามาอยู่ที่นี่นางจึงรีบร้องห้าม
“นั่นสิเ้าคะนายหญิง เกรงว่าพอถึงเวลาจริงๆ ตอนมานั้นมาง่ายแต่ตอนกลับท่าจะยาก หากสองแม่ลูกไม่ยอมออกจากเรือนไปเช่นนั้นพวกเราจะขาดทุนมากกว่าได้กำไรนะเ้าคะ”
ป๋ายซ่าวพูดอย่างตรงไปตรงตามตามใจคิดสีหน้าแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน่นี้ป๋ายจื่อเล่าเื่ระหว่างสองพี่น้องให้นางฟังมากมายพอสมควร
ดังนั้นป๋ายจีและป๋ายซ่าวเองก็เจ็บแค้นแทนเ้านายเพียงได้เห็นหลินเมิ้งหวู่ก็คิดอยากเข้าไปตบตีระบายความโกรธเกรี้ยวแล้วแบบนี้จะให้อ้าแขนยินดีต้อนรับฮูหยินสกุลหลินผู้นั้นได้อย่างไร
“ข้าเข้าใจความเป็ห่วงเป็ใยของพวกเ้าดี ลองคิดให้ดีสิป๋ายจื่อตอนนั้นสองแม่ลูกกระทำเช่นไรไว้กับพวกเราสองคน? หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อและท่านพี่คอยดูแลปกป้องเกรงว่าตอนนี้เศษดินคงกลบหน้าพวกเราไปนานแล้ว”
หลินเมิ้งหยากุมมือของป๋ายจื่อเพื่ออยากบอกนางว่านางเองก็ยังไม่เคยลืมเื่ราวในอดีต
“หนู่ปี้เข้าใจสิ่งที่นายหญิง้าจะสื่อแล้วเ้าค่ะหากคิดจะแก้แค้นสองแม่ลูกคู่นั้น จำเป็ต้องให้พวกนางมาอยู่ที่นี่ก่อนมิเช่นนั้นมือของนายหญิงคงยื่นไปไม่ถึงเพราะสองแม่ลูกขลุกอยู่แต่ในจวนหลินอีกทั้งนายหญิงยังไม่ได้กลับบ้านเกิดบ่อยๆ อีกด้วย”
ป๋ายจีเป็คนฉลาด นางจึงเอ่ยสิ่งที่คิดออกมา
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงเพื่อยืนยันความคิดของป๋ายจี
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง แต่นายหญิงเ้าคะ หากฮูหยินมาอยู่ที่นี่นายหญิงจะต้องให้หนู่ปี้อยู่เคียงข้างนายหญิงตลอดเวลานะเ้าคะสองแม่ลูกคู่นั้นร้ายกาจเกินไป หนู่ปี้กลัวพวกนางจะทำร้ายนายหญิงเ้าค่ะ!”
คิ้วของป๋ายจื่อขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อก่อนนางปกป้องคุณหนูอย่างสุดชีวิตเพื่อให้รอดพ้นจากการทำร้ายของสองแม่ลูกคู่นั้น
ต่อจากนี้ไปนางจะต้องปกป้องดูแลคุณหนูให้ดีไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดเข้ามาทำร้ายคุณหนูของนาง!
“ได้ ข้าต้องหวังพึ่งเ้าแล้ว จริงสิป๋ายจี หากฮูหยินมาแล้วเ้ากับป๋ายซ่าวจะต้องดูแลเขตตำหนักแห่งนี้ให้ดี นอกจากเหล่าข้าทาสที่ไว้ใจได้ห้ามมิให้ใครเข้ามาในตำหนักของข้าเด็ดขาด”
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวฝีมือไม่เลวทั้งสองสบตากันก่อนจะพยักหน้าลงตอบรับหลินเมิ้งหยา
“นายหญิงโปรดวางใจ หนู่ปี้และพี่ป๋ายจีจะเฝ้าประตูตำหนักเป็อย่างดีจะไม่มีใครเข้ามาในห้องของนายหญิงได้อย่างเด็ดขาดเ้าค่ะ!”
นางพยักหน้าลง เชื่อใจป๋ายจีและป๋ายซ่าวมาก
แต่...เหตุใดตำหนักของนางจึงเหมือนขาดใครไปสักคนกันเล่า?
“่นี้เสี่ยวอวี้หายไปไหน? เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเลย?”
จะว่าไปหลินเมิ้งหยาก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
ตอนแรกนางพาเสี่ยวอวี้เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้ แต่เพราะมีเื่ราวเกิดขึ้นมากมายนางจึงปล่อยปละละเลยเสี่ยวอวี้ไปบ้าง
“รู้สึกว่านายน้อยจะไม่ค่อยสบายเ้าค่ะพอกินอาหารเย็นเสร็จก็ขังตัวเองไว้ในห้องพร้อมทั้งบอกว่า้าพักผ่อน”
แม้ป๋ายจีจะเป็สาวใช้ประจำตัวของหลินเมิ้งหยาแต่บางครั้งนางจะมักจะไปดูแลหลินจงอวี้ด้วย
แต่เพราะน้าจิ่นเยว่กลัวว่าจะใส่ใจนายหญิงไม่มากพอจึงส่งผอจื่อไปดูแลนายน้อยเอง
ถึงอย่างไรที่นี่ก็ยังเป็เขตของสวนหลิวซินหากเขาเติบโตขึ้นอีกนิดแล้วค่อยย้ายออกไปก็ยังไม่สาย
“ไม่สบาย?ตามหมอมาหรือยัง? ช่างเถอะ ข้าไปดูเขาหน่อยแล้วกัน”
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นแล้วพาสาวใช้ทั้งสามออกจากประตูตำหนัก
แม้เสี่ยวอวี้จะยังเป็เด็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็ชายดังนั้นแม้จะอยู่ในเขตตำหนักของหลินเมิ้งหยา แต่ทว่าก็ยังต้องแยกสัดส่วนให้ชัดเจน
ดังนั้นห้องของเขาจึงถูกจัดอยู่ภายในเรือนเล็กของสวน
เมื่อผ่านประตูเยว่และเดินผ่านสวนป่าไผ่เข้าไปก็จะถึงเรือนเล็กของหลินจงอวี้แสงไฟสลัวจากเปลวเทียนแสดงให้เห็นว่าเ้าของห้องยังไม่นอน
“เสี่ยวอวี้ พี่ได้ยินว่าเ้าไม่สบาย้าให้ตามหมอหลวงมาหรือไม่?”
เพียงเดินถึงประตูเรือนเล็ก นางก็ได้ยินเสียงสะกดกลั้นความเ็ป
“พี่สาว ข้าไม่เป็ไร ข้าไม่เป็อะไรจริงๆ ตอนนี้ดึกแล้วท่านรีบกลับไปนอนเถิด”
นางคิ้วขมวดเข้าหากัน ได้กลิ่นตุๆ ของความไม่ชอบมาพากลอีกทั้งกลิ่นคาวเืยังพุ่งเข้ามาเตะจมูก หรือว่าเสี่ยวอวี้จะได้รับาเ็?
ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของหลินจงอวี้ หลินเมิ้งหยาเปิดประตูใหญ่เข้าไป
ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนแต่นางกลับได้เห็นาแที่ยังไม่ถูกปกปิดเอาไว้ของหลินจงอวี้
“นี่มัน...ใครกล้าทำเช่นนี้!”
่เช้ามีคนกล้าลองดีกับอำนาจของนาง แต่นางยังไม่เคยรู้สึกโกรธเท่านี้มาก่อน!
แผ่นหลังที่ถูกลวกด้วยก้อนถ่านของหลินจงอวี้ยังคงไม่หายสนิท
กว่าแผลจะสมานกันดีคงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน
ทว่าตอนนี้กลับมีรอยเืสีแดงอมม่วงพาดแผ่นหลังของเขาโดยไม่ทราบสาเหตุแล้วไหนจะหยดเืที่เพิ่งจะไหลรินลงมาจากปากแผลนั่นอีก
ใบหน้างดงามหล่อเหลาของหลินจงอวี้เผยความเ็ปออกมาให้เห็นสีหน้าขาวซีด แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยังส่งยิ้มให้กับหลินเมิ้งหยา
“ไม่เป็ไรจริงๆ ขอรับพี่สาว แม้จะดูน่าใแต่ข้าไม่เป็อะไรจริงๆท่านไม่ต้องกังวล”
หลินจงอวี้คิดอยากลุกขึ้นเพื่อปลอบโยนหลินเมิ้งหยาทว่านางชิงก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วกดตัวของเขาเอาไว้บนเตียง
“อย่าขยับ ซุนผอผอ เ้าจงไปนำน้ำสะอาดมาให้ข้าป๋ายจื่อไปเอายาทาแผลถูกลวกมาให้ข้า ป๋ายจีจงมาช่วยข้าทำความสะอาดแผลให้เสี่ยวอวี้”
ซุนผอผอทำตามคำสั่งของนายหญิงนางรีบปาดน้ำตาแล้วเทน้ำสะอาดให้หลินจงอวี้
แม้นายน้อยจะไม่ได้รับความเคารพมากมายอะไรนักแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคารพพวกนางที่เป็ข้าทาส
ดังนั้นนางจึงมองเห็นนายน้อยเป็เสมือนหลานชายคนหนึ่ง
“ฮิๆ ชีวิตของเสี่ยวอวี้โชคดีเหลือเกินที่มีพี่สาวรักษาแผลให้ข้า”
แม้จะเ็ปจนต้องกัดฟัน แต่หลินจงอวี้กลับแสดงสีหน้าพึงพอใจ
หลินเมิ้งหยาเ็ปใจแทบขาดทว่าสีหน้ากลับไม่เผยความรู้สึกออกมาง่ายๆ คิ้วยังคงขมวดเข้าหากันแน่นทว่าฝ่ามือกลับส่งน้ำหนักอันแสนแ่เบา
“ตกลงใครทำร้ายเ้ากันแน่ ยังคิดจะปิดบังข้าอีกหรือ?”
เด็กคนนี้กำลังทำให้นางรู้สึกเ็ปเจียนตาย
ตอนแรกคิดว่าการพาเขาเข้ามาอยู่ในจวนจะทำให้เขาปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงแต่ใครจะคิดเล่าว่าเขาจะต้องเผชิญกับความเ็ปเช่นนี้
เพียงเพราะเขาเป็น้องชายของนางดังนั้นจึงไม่ปล่อยเขาไปอย่างนั้นหรือ?
ใจดำอำมหิตเหลือเกิน ดูท่านางจะออมมือให้ไม่ได้เสียแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก เป็แค้นส่วนตัวของข้า ข้าจะ...เอาคืนพวกนางเองพี่สาวโปรดวางใจ ต่อจากนี้ไปข้าจะระวัง ข้าจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บอีกแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาเทินอยู่บนหมอน ดวงตาสงบนิ่ง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยาเขายังคงเป็เพียงเด็กหนุ่มคนเก่าที่นางรู้จัก
“วางใจเถิด ต่อจากนี้ไปพี่สาวจะเอาตัวเ้ามาไว้ข้างกายตลอดเวลาข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ใครทำร้ายเ้าอีก”
ทายาให้กับหลินจงอวี้ด้วยความชำนาญแต่นางพบว่ารอยแผลพวกนี้ไม่ได้สาหัสอะไรอย่างที่เขาเอ่ย
แต่ไม่ว่านางจะเค้นถามเช่นไรเ้าเด็กหนุ่มก็ไม่ปริปากเอ่ยว่าเขาาเ็เพราะอะไร
ยิ่งเค้น เขาก็ยิ่งร้องโอ้โหยวโอ้โหยวไม่หยุดสุดท้ายนางหมดทางเลือก
การทายาให้หลินจงอวี้นั้นไม่ง่ายเลยกว่าจะพันาแเสร็จก็กินเวลาไปกว่าครึ่งคืน
“ข้ามีของจะมอบให้ท่าน พี่สาวจะต้องสัญญาว่าจะเก็บรักษามันดีๆ นะ”
เสี่ยวอวี้ยิ้มแย้มแจ่มใสประหนึ่งหมู่มวลบุปผาเบ่งบาน เขาหยิบกำไลหยกเส้นหนึ่งออกจากอ้อมกอดแล้ววางลงบนมือของหลินเมิ้งหยา
“เ้าไปเอาหยกเส้นนี้มาจากที่ใด งดงามมากจริงๆ”
หลินเมิ้งหยารับกำไลหยกมาจากหลินจงอวี้พลางยกขึ้นส่องใต้แสงไฟ
เป็หยกน้ำดี กำไลหยกวงนี้มีสีใสเปล่งประกายวาววับเพียงได้เห็นก็รู้ว่าราคาไม่ถูกเลย
“นี่เป็มรดกตกทอดของตระกูลข้า เมื่อก่อนมันอยู่กับข้ามาตลอดดังนั้นจึงไม่ถูกพวกอันธพาลเ่าั้แย่งชิงไป”
ดวงตาของหลินจงอวี้เปล่งประกายสายตาที่จ้องมองกำไลหยกอันนี้ไม่ต่างอะไรจากการได้มองของรักของหวงทว่าหลินเมิ้งหยากลับส่ายหน้าแล้วคืนกำไลหยกให้กับเขา
“ในเมื่อเป็มรดกตกทอด เ้าควรจะเก็บเอาไว้ให้ดีหากได้เจอหญิงสาวที่เ้า้าจะมอบใจให้ในอนาคตเ้าจงนำกำไลหยกวงนี้มอบให้กับนาง”
แต่หลินจงอวี้กลับไม่ละทิ้งความมุ่งมั่นเขาพยายามโน้มน้าวให้หลินเมิ้งหยารับกำไลหยกวงนี้ไป
ทั้งกลัวว่าาแของหลินจงอวี้จะปริออก อีกทั้งยังกลัวว่าเด็กน้อยคนนี้จะไม่มีวันยอมเลิกราง่ายๆดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงหมดทางเลือกและทำได้เพียงรับกำไลหยกวงนั้นไป
“เช่นนั้นพี่สาวจะเก็บของชิ้นนี้เอาไว้ให้เ้าหากวันใดเ้าเจอคนที่เ้ารักก็มารับคืนไป จะเอาไปเป็ของแทนใจหรือของหมั้นก็ได้”
หลินจงอวี้รีบพยักหน้าลง ขอเพียงพี่สาวรับมันไปไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาก็รับปาก
พูดคุยกันอีกสักพักในที่สุดยาแก้ปวดที่หลินจงอวี้กินเข้าไปก็ออกฤทธิ์เขาคลายมือของหลินเมิ้งหยาออกแล้วหลับไป
หลินเมิ้งหยาออกจากห้อง กักเก็บใบหน้าอ่อนโยนกลับไปหลงเหลือไว้เพียงความเ็า
“ซุนผอผอ ตกลงเกิดเื่อะไรกับเสี่ยวอวี้?”
ซุนผอผอที่อยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าเ็ประคนลำบากใจหลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าไม่ควรพูดสิ่งใดที่นี่ นางส่งสายตาให้สาวใช้ทั้งสามป๋ายจีและป๋ายซ่าวจึงรีบพาตัวซุนผอผอไปที่ห้องของพวกนางเพื่อไต่ถาม