ยามเช้ามาถึงพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านต้นกล้วยรอบบ้านทรงไทยอันเงียบสงบ กรวิชญ์ตื่นขึ้นมาในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นและสดชื่น เขาเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำงานซ่อมแซมบ้านหลังเก่าตามปกติ ท่ามกลางเสียงนกร้องเบาๆ ที่แว่วมา เป็กิจวัตรที่ทำให้เขาผ่อนคลายและลืมเื่ราวประหลาดในยามค่ำคืนที่ผ่านมาไปชั่วครู่
ระหว่างที่เขากำลังลงมือทำงานเพลินๆ เสียงหวานใสก็ดังขึ้นแว่วๆ จากทางหน้าบ้าน “พี่กรวิชญ์! พี่กรวิชญ์! ข้าวหอมมาแล้ว” เสียงเรียกทำให้เขาหยุดมือ หันมองไปตามเสียงนั้นก็เห็นหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยเดินเข้ามา ข้าวหอม สาวงามประจำหมู่บ้าน กำลังยิ้มแย้มและก้าวเข้ามาหาเขาอย่างมั่นใจ เสื้อผ้าที่เธอสวมในวันนี้บางเบาจนเผยให้เห็นรูปร่างอ้อนแอ้น และยิ่งทำให้กรวิชญ์หวนคิดถึงภาพที่เธอส่งมาเมื่อคืน ภาพที่ทั้งเย้ายวนและท้าทายจนยังติดตาเขาไม่หาย
กรวิชญ์เผลอจ้องมองเธออย่างประหม่า และเมื่อสายตาของเขาไล่ตามเส้นโค้งของเรือนร่างใต้เนื้อผ้าบางเฉียบนั้น ก็อดรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ เขาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “วันนี้แต่งตัวมาสวยเชียวนะน้องข้าวหอม”
ข้าวหอมยิ้มอ่อนหวานและส่งสายตายั่วเย้า ก่อนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “ก็อยากให้พี่กรวิชญ์ชมบ้างนี่คะ”
ท่าทีของทั้งสองดูผ่อนคลาย แต่ความทรงจำเมื่อคืนกลับชัดเจนในใจทั้งคู่ กิจกรรมที่พวกเขาทำร่วมกันยังคงเร่าร้อนอยู่ในความคิด แต่บรรยากาศในยามเช้าที่เต็มไปด้วยความสงบเย็นนี้ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ ทว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันนั้นกลับไม่ได้จางหายไปแม้แต่น้อย
กรวิชญ์หันไปมองข้าวหอมที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยสายตาฉงนปนขบขัน “น้องข้าวหอม เรามาที่บ้านของพี่ เราไม่กลัวเหรอ? ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างรู้กันดีว่าที่บ้านทรงไทยหลังนี้มีผี”
ข้าวหอมทำเพียงยิ้มบางๆ ที่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ก่อนจะตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าเป็ตอนกลางวันหนูไม่กลัวหรอกค่ะ แต่ถ้าตอนกลางคืน หนูขอไม่มานะคะ” เธอเอียงหน้าหัวเราะเบาๆ พลางส่งสายตาหวานเยิ้มให้เขา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “แต่ที่หนูมานี่ก็เพราะพี่กรวิชญ์หล่อเกินห้ามใจ และ…หนูก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้จับพี่กรวิชญ์เป็ผัวหรอกค่ะ”
กรวิชญ์หลุดหัวเราะกับคำพูดตรงๆ ของข้าวหอม ความกล้าของเธอทำให้เขายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ “ข้าวหอมพูดจาตรงดีจริงนะ ไม่กลัวพี่จะใเหรอ?”
“พี่ไม่ใหรอกค่ะ” ข้าวหอมตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน “หนูรู้ว่าพี่เองก็ชอบหนูอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน”
ทั้งคู่ต่างหัวเราะเบาๆ ไปกับความสนิทสนมที่แฝงไปด้วยความลึกซึ้ง
"พี่กรวิชญ์คะ กินข้าวกันเถอะค่ะ วันนี้หนูทำต้มยำทะเลกับหมูทอดมาให้" ข้าวหอมพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสขณะค่อยๆ วางถุงข้าวลงตรงหน้าเขา จากนั้นเธอก็จัดเรียงอาหารลงบนจานอย่างตั้งใจ พยายามให้ทุกอย่างดูน่ากินที่สุด สายตาอันกระตือรือร้นของเธอจ้องมองกรวิชญ์ รอคอยคำชื่นชมอย่างตื่นเต้น
กรวิชญ์ตักต้มยำทะเลคำแรกเข้าปาก แล้วตามด้วยหมูทอดที่หอมกรุ่น ความอร่อยและรสชาติกลมกล่อมทำให้เขาต้องเผลอยิ้มออกมา "อร่อยมาก ข้าวหอม พี่ไม่คิดเลยว่าเราจะทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมอย่างจริงใจ
ข้าวหอมได้ยินดังนั้นก็ยิ้มรับอย่างเขินอาย หัวใจเต้นแรง แต่ในใจเธอกลับคิดถึงความจริงเื้ัเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะพี่กรวิชญ์" เธอตอบด้วยเสียงอ่อนหวาน แม้ว่าอาหารนี้จะมาจากฝีมือแม่แทบทั้งหมด เธอเองเพียงแค่ช่วยหยิบจับนิดๆ หน่อยๆ
ใต้ถุนบ้านทรงไทยที่เงียบสงัดนั้น กลายเป็สถานที่แห่งความใกล้ชิดระหว่างกรวิชญ์และข้าวหอมทันทีที่พวกเขากินข้าวเสร็จ เขาโน้มตัวเข้าหาเธอ ส่งมอบรสจูบอันเร่าร้อน มือของเขาประคองใบหน้าเธอไว้อย่างแ่เบา ขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาประสานกันด้วยความ้าที่ล้นทะลัก ข้าวหอมเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยตัวให้ตอบรับรสจูบอันล้ำลึกนั้นด้วยลิ้นที่วาบหวามไม่แพ้กัน
เมื่อริมฝีปากผละออกจากกันเล็กน้อย เธอเอ่ยถามเสียงกระซิบ "พี่กรวิชญ์…ตรงนี้จะไม่มีใครเห็นเราเหรอ?" ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเขินอาย ขณะที่สายตายังคงแฝงความปรารถนา
กรวิชญ์ยิ้มออกมาด้วยความหื่นกระหายแต่มั่นใจ เขากระซิบตอบเบาๆ “ไม่ต้องกลัวหรอกน้องข้าวหอม บ้านของพี่ล้อมรอบไปด้วยป่ากล้วย ไม่มีใครเห็นเราหรอก”
ด้วยคำพูดนั้น ความกังวลที่หลงเหลือในใจของข้าวหอมค่อยๆ จางหายไปหลงเหลือก็แต่เพียงความเร่าร้อนที่ค่อยๆปลดปล่อยออกมา
ข้าวหอมค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออก เผยเรือนร่างอันเย้ายวนภายใต้แสงที่ส่องลอดลงมา ร่างของเธอขาวนวลและเต็มไปด้วยความงดงามที่ทำให้กรวิชญ์ไม่อาจละสายตาได้ ความหลงใหลในตัวเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดอย่างไม่อาจควบคุมได้
กรวิชญ์จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและความปรารถนาที่เกินห้าม มือของเขาค่อยๆ ยื่นออกไป แตะััผิวกายของเธออย่างแ่เบา ราวกับจะเก็บเกี่ยวทุกััที่ได้รับ ขณะที่ความรู้สึกของทั้งสองถูกถ่ายทอดผ่านมือและสายตาที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความปรารถนา
"พี่กรวิชญ์ รออะไรอยู่คะ ให้ข้าวหอมแก้ผ้าคนเดียว หนูอายนะ…" เมื่อสิ้นเสียงของเธอ กรวิชญ์มองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น เผยให้เห็นร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็ชาย
ข้าวหอมจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เป็ประกาย หลงใหลในเรือนร่างของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างปิดไม่มิด เธอสูดหายใจลึก รวบรวมความกล้า ค่อยๆ เอื้อมมือไปััผิวเนื้อของกรวิชญ์อย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วไล้ผ่านแผงอกของเขาช้าๆ ราวกับจะซึมซับทุกัันั้นไว้
กรวิชญ์มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ทั้งคู่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้กันมากขึ้น ความเงียบของใต้ถุนบ้านในยามนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่อุ่นไอและอ่อนหวาน ความรู้สึกของทั้งสองสอดประสานกันอย่างเป็ธรรมชาติ
“ขอหนูชิมผิวกายของพี่หน่อยนะค่ะ” น้ำเสียงของข้าวหอมนั้นถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความอ่อนหวานแต่มันก็เก็บซ่อนความเร่าร้อนของเธอเอาไว้ไม่พ้นมือของเธอลูบไล้ไปตามเรือนร่างของกรวิชญ์ ลิ้นของเธอค่อยๆลูดไล้ไปตามแผงกล้ามของชายหนุ่มพร้อมทั้งดูดเลียไปที่บริเวณท้องน้อย ข้าวหอมทำราวกับเรือนร่างของชายหนุ่มตรงหน้าเป็เพียงอาหารว่างของเธอ
“อ๊า...ข้าวหอม” กรวิชญ์ทำได้แต่เพียงส่งเสียงร้องครางออกมาเมื่อถูกลิ้นััของเธออย่างเร่าร้อนราวกับว่าใน่เวลานี้เธอกำลังที่จะปลดปล่อยความหื่นกระหายออกมาอย่างเต็มที่
“ใจเย็นๆนะค่ะพี่กรวิชญ์ หนูกำลังที่จะทำให้พี่รู้สึกมีความสุขมากที่สุด” ในขณะที่เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะอ่อนโยนมือของเธอกับเล่นงานท่อนเนื้อของกรวิชญ์อย่างเร่าร้อนพร้อมทั้งรูดไล้ไปมาจนมันเกิดการแข็งตัวอย่างเต็มที่ สาวน้อยถึงกับแอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอท่อนเนื้อของกรวิชญ์นั้นมันทั้งใหญ่ทั้งยาวกว่าในรูปที่ส่งมาให้เธอดูเมื่อคืนอีกหรือว่าเมื่อคืนตัวเขานั้นจะแอบช่วยตัวเองมากจนเกินไปมันเลยไม่แข็งตัวอย่างเต็มที่
“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องช่วยตัวเองแล้วนะค่ะหนูจะมาช่วยพี่เอง” สาวน้อยไม่รอรับฟังคำตอบของชายหนุ่มแต่ตัวของเธอนั้นกับบดขยี้ริมฝีปากของเขาอย่างหิวกระหายกรวิชญ์ทำได้แต่เพียงส่งเสียงร้องครวญครางไปมาเมื่อถูกจู่โจมอย่างเร่าร้อนเช่นนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้