ลู่หยวนฮวายืนอยู่ริมสวนนอกงานเลี้ยง ขณะที่บรรยากาศภายในงานยังคงคึกคัก แต่หัวใจของนางกลับไม่อาจสงบลงได้ ราวกับมีบางสิ่งที่ผิดปกติแผ่ซ่านอยู่รอบตัว
และแล้ว...ภาพนิมิตที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้น ลู่หยวนฮวาเห็นจางชิงหยวน มือของเขาจับจอกเหล้าไว้แน่น ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปช้าๆ เข้าหาขอบจอกที่บรรจุเหล้าผสมยาปลุกกำหนัด เมื่อเหลวสีอำพันนั้นกำลังจะไหลผ่านลำคอ ทุกอย่างในนิมิตก็ดูหม่นหมองลง ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา
จากนั้นภาพที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น ร่างของจางชิงหยวน ผู้ที่นางเคยเห็นแต่ในบทบาทของนักรบผู้เก่งกล้า กลับถูกพิษจากยาเล่นงาน จนเขาค่อยๆ ถลาไปทาบทับบนร่างของเิอวี้ หญิงสาวที่ยิ้มอย่างมีชัยในนิมิตนั้น ถือเป็ภาพความใกล้ชิดที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันทำให้หัวใจของลู่หยวนฮวาเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมา
ริมฝีปากหนานั้นกำลังหว่านพรมความร้อนไปั้แ่ซอกหูและซอกคองามระหงของเิอวี้ และเห็นส่วนที่เชื่อมโยงกันบีบรัดอย่างเร่าร้อน สะโพกแกร่งตบเข้าออกอย่างรุนแรง ถึงลู่หยวนฮวาจะไม่เคยมีประสบการณ์แต่ว่านางก็หาใช่คนที่ไม่รู้ความ
ความคิดของหญิงสาวกำลังตีกันยุ่งเหยิง ภาพเ่าั้ทำให้นางรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดิน ลมหายใจตื้นขึ้น ร่างกายของนางแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้อยู่กับที่ นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น นางจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกเสียใจที่ไม่อาจลบเลือนได้ตลอดชีวิต
“ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!” ขาทั้งสองของนางพุ่งไปยังงานเลี้ยงอย่างรวดเร็วเหมือนสายลม แม้หัวใจของนางจะเต้นรัวด้วยความกลัว นางก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแล้ว
เมื่อมาถึงงานเลี้ยง ลู่หยวนฮวาเห็นจางชิงหยวนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตรงหน้าเขาคือจอกเหล้าที่ถูกยกมาเพื่อฉลอง นางหายใจเร็วขึ้น สายตาของเิอวี้จับจ้องไปที่แม่ทัพหนุ่มอย่างมีความหวัง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังจะเป็ไปตามแผนของนาง
“ข้าไม่อาจปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น...” ลู่หยวนฮวาคิด นางรู้สึกเหมือนเวลาหยุดชะงักลงขณะที่มองไปที่จอกเหล้าในมือของจางชิงหยวน หัวใจของนางเต้นแรง นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้เขาดื่ม นิมิตอันน่าสะพรึงนั้นจะกลายเป็ความจริง นางไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างของนางพุ่งไปข้างหน้า
เพียงไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จางชิงหยวนจะยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม ลู่หยวนฮวาใช้มือปัดจอกเหล้านั้นจนมันหกลงพื้น ทุกอย่างหยุดนิ่งทันที เสียงดนตรีหยุดกึก ผู้คนในงานเลี้ยงหันมามองนางด้วยความตกตะลึง บรรยากาศที่เคยคึกคักเปลี่ยนเป็ความเงียบงันราวกับลมหายใจของทุกคนถูกหยุดลงชั่วขณะ
และแล้ว ความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงตวาดของเิชาง "นังตัวซวยแห่งตระกูลลู่ เ้ากล้าดียังไงถึงทำเช่นนี้!"
เขาเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แววตาของเขาเหมือนจะเผานางให้มอดไหม้ “เ้ากล้าทำลายเกียรติในงานเลี้ยงของข้า เ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือการดูิ่ข้าและท่านแม่ทัพ!”
ลู่หยวนฮวายืนอยู่ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมา นางรู้สึกถึงความกดดันที่หนักอึ้งเหมือนูเาถล่มลงมาทับร่างของนาง แต่นางกลับไม่รู้สึกเสียใจหรือหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
สายตาของลู่หยวนฮวานั้นจับจ้องไปที่จางชิงหยวนซึ่งมองมาทางนางเช่นกัน ความสับสนปรากฏขึ้นในแววตาของเขา นางพยายามสูดลมหายใจลึกและพูดด้วยเสียงที่แน่วแน่
“ท่านแม่ทัพ... เหล้าจอกนั้นมีบางอย่าง” นางพูดออกมาเสียงสั่น แต่หนักแน่นพอที่ทุกคนจะได้ยิน
เิอวี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังมีสีหน้าใ นางพยายามควบคุมอารมณ์ แต่ความโกรธแค้นเริ่มปะทุในใจ เิอวี้รีบเข้ามาแทรกทันที
“เ้าโกหก! ข้าจะใส่ยาพิษในเหล้าของท่านแม่ทัพได้อย่างไร! เ้าเองนั่นแหละที่พยายามก่อเื่!” เสียงของเิอวี้ดังขึ้นจนทุกคนหันไปมอง นางพยายามจะพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็ผลดีกับตัวเอง แต่สายตาที่จ้องมองนางกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
ลู่หยวนฮวาไม่ได้หวั่นไหวต่อคำกล่าวหานั้น นางเพียงยืนนิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็น “ข้าไม่สนใจว่าเ้าจะพูดอย่างไร แต่ข้ารู้ว่านี่คือสิ่งที่ข้าต้องทำ เพื่อปกป้องท่านแม่ทัพ”
จางชิงหยวนยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบตัว เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างง่ายดาย แต่สัญชาตญาณบางอย่างกระซิบในใจของเขาให้เชื่อในสิ่งที่ลู่หยวนฮวากล่าว
ทั้งที่ยังไม่เข้าใจเื่ราวทั้งหมดอย่างถ่องแท้ แต่ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นภายในใจของจางชิงหยวน ราวกับเสียงที่กระซิบเตือนเขาว่า...เขาจะต้องปกป้องนาง
"ข้าเชื่อเพียงคำพูดของคนของข้าเท่านั้น" จางชิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ขณะก้าวเข้ามายืนเคียงข้างลู่หยวนฮวา ราวกับเพื่อยืนยันความเชื่อมั่นของเขา เขาใช้นิ้วเชยคางนางขึ้นเบาๆ ให้สายตาของทั้งสองได้สบกัน ความคิดแ่เบาแล่นเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างไม่ทันรู้ตัว
ฮวาเอ๋อร์ ข้าอยากเห็นความจริงใจของเ้า...ผ่านดวงตาคู่งามคู่นี้
สายตาคมของเขาจับจ้องไปยังลู่หยวนฮวา แม้ใบหน้านางจะแฝงความกังวลและความสับสน แต่ในแววตาสีนิลที่มองกลับมานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จางชิงหยวนรู้ทันทีว่านางพูดความจริง มันไม่ได้เป็เพียงแค่คำพูดที่ออกจากปาก แต่มันสะท้อนผ่านสายตาที่ไม่อาจปิดบัง
น้ำเสียงของเขาทำให้ทั้งงานหยุดนิ่ง ทุกสายตาจับจ้องมาที่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งในตอนนี้ยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ถูกกล่าวหา ราวกับสิ่งที่เขาตัดสินใจเป็ความจริงแท้ที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง แม้แต่เิชางที่เคยโกรธเกรี้ยวก็ต้องชะงัก หยุดชั่งใจในคำพูดของตนเอง
ลู่หยวนฮวารู้สึกถึงแรงกดดันที่ค่อยๆ หายไปในทันทีที่จางชิงหยวนออกตัวปกป้องนาง
ความอบอุ่นและความมั่นใจจากเแผ่ซ่านเข้ามา หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มไว้ในเกราะแห่งความปลอดภัย แม้ว่าความกดดันจากทุกสายตายังคงถาโถมเข้ามา แต่นางก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
เิอวี้ที่กำลังเดือดดาลจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตวาดเสียงดังลั่นด้วยความเดือดดาล
“เ้ามันตัวซวย! คำสาปจากตระกูลลู่ของเ้าทำให้ทุกคนต้องพบกับความหายนะ” นางกล่าวหาอย่างไร้เหตุผล ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"ถ้าไม่มีเ้ามาที่นี่ ทุกอย่างคงจะเป็ไปตามแผน ยาปลุกกำหนัดที่ข้าสั่งให้ใส่ในจอกเหล้าของแม่ทัพ!"
คำพูดที่หลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจของเิอวี้ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งเงียบด้วยความใ จางชิงหยวนที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเ็า รัศมีของความโกรธค่อยๆ ปะทุขึ้นภายในใจ แม้จะไม่เข้าใจเื่คำสาปของตระกูลลู่ แต่เขารู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เิอวี้ทำเป็สิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
"แม่นางลู่มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น มิใช่มาเพื่อสร้างความเดือดร้อน และนางไม่ใช่ตัวซวยของใคร" จางชิงหยวนกล่าวเสียงเข้ม ขณะที่ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างลู่หยวนฮวา
สายตาของจางชิงหยวนสาดส่องไปยังเิอวี้ด้วยความเ็า “ข้าไม่อาจทนเห็นคนของข้าถูกกล่าวหาด้วยเื่เล่าหลอกลวงเ่าั้ได้”
คำพูดของแม่ทัพหนุ่มทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งเงียบงัน ทุกคนต่างหันมาจ้องมองเขาด้วยความตื่นตะลึง
เิอวี้ที่ถูกเปิดโปงเริ่มพยายามหาทางออก นางรีบโยนความผิดไปที่ข้ารับใช้ของตนทันที “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้ารับใช้ของข้าต่างหากที่เป็คนวางแผนทั้งหมดนี้!”
ข้ารับใช้ที่ถูกเิอวี้โยนความผิดหันมองรอบตัวด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเมื่อถูกกล่าวหาต่อหน้าทุกคน สายตาที่จับจ้องมาทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตัดสินในทันที
แต่ในขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับความกดดัน ลู่หยวนฮวาที่อยู่ใกล้ๆ กลับก้าวเข้ามาข้างหน้า
“เื่นี้ไม่ใช่ความผิดของเขา ข้ารู้ว่าเขาถูกสั่งให้ทำเช่นนั้น” ลู่หยวนฮวาพูดขึ้น ก่อนจะหันไปมองข้ารับใช้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน “บางครั้งคนเราอาจถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ความกล้าหาญที่แท้จริงคือการยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง”
คำพูดของลู่หยวนฮวาทำให้ข้ารับใช้รู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยััมาก่อน น้ำตาเริ่มคลอเบ้า สายตาของข้ารับใช้คนนั้นมองนางด้วยความซาบซึ้ง ความรู้สึกผิดที่คั่งค้างอยู่ในใจเริ่มกลายเป็แรงผลักดันให้เขากล้าหาญมากขึ้น “แม่นาง...” เขาเอ่ยเสียงสั่น ก่อนจะกลั้นใจพูดความจริงออกมา
“ไม่! ข้าขอโทษ... ข้าทำตามคำสั่งของคุณหนูเิอวี้ นางเป้นคนสั่งให้ข้าทำขอรับ”
หลังจากข้ารับใช้สารภาพความจริง บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความตึงเครียด จางชิงหยวนยืนนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขามองตรงไปยังเิชางและเิอวี้ที่ยืนอยู่ข้างกัน ทั้งสองคนใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเิอวี้ที่พยายามจะปิดบังความผิดพลาดของตนด้วยการแสดงท่าทีเ็า แต่ไม่สามารถซ่อนความหวาดกลัวในสายตาได้
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับเ้าเมืองเิชาง “ข้าหวังว่าท่านเ้าเมืองเิชางจะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การกระทำของบุตรสาวเ้า ไม่เพียงแต่เป็การกระทำที่ผิดศีลธรรม แต่ยังเป็การล่วงเกินเกียรติของทหารและกองทัพต้าหยาง”
เสียงของจางชิงหยวนแข็งกร้าวเหมือนดั่งค้อนที่กระแทกลงบนหิน ผู้อยู่ในงานต่างเงียบสนิท ความเกรงกลัวต่อแม่ทัพผู้นี้ชัดเจนในสายตาของทุกคนในที่นี้
“สำหรับแม่นางเิอวี้ ข้าไม่มีความ้าที่จะเห็นเ้าหรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเ้าอีก เ้าควรตระหนักว่าการกระทำของเ้าในวันนี้ไม่ได้เพียงแต่ทำลายเกียรติของข้าเท่านั้น แต่ยังทำลายอนาคตของเ้าด้วย”
เิอวี้หน้าเสีย สีหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายและความโกรธ แต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
จางชิงหยวนหันไปมองลู่หยวนฮวา ความอบอุ่นในสายตาของเขาต่างจากที่เขามอบให้เิอวี้อย่างสิ้นเชิง
“ไปกันเถอะ หยวนฮวา...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วหันหลังเดินออกจากงาน โดยมีลู่หยวนฮวาและผู้ติดตามของเขาเดินตามไปอย่างเงียบๆ
เ้าเมืองเิชางและเิอวี้ได้แต่ยืนมองตาม ทั้งคู่รู้ดีว่าอำนาจและเกียรติที่พวกเขาเคยมีอยู่กำลังล่มสลายลงในคราวเดียว