การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้นำทีมโดยเหลยิและหลินซิวอู่ โดยให้เหลยินำทหารกลุ่มหนึ่งไปโรงพยาบาลทหารเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหลินซิวอู่เตรียมพร้อมหน่วยของตัวเองประจำตำแหน่งซึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก เผื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายสวมหน้ากากผู้น่าหวั่นเกรง กองกำลังทหารรักษาความมั่นคงทั้งหมดจึงทำหน้าที่สอดแนม การปะทะซึ่งหน้าเป็หน้าที่ของทีมสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่นำโดยเหลยิ เพราะยุทโธปกรณ์ต่างๆ มีความละเอียดแม่นยำมากกว่า รวมถึงมีบุคลากรชั้นยอดที่สามารถต่อกรกับผู้ฝึกวรยุทธ์
“พวกเราไปกันเถอะ” เย่เฟิงจูงมือเดินนำซูเมิ่งหาน ในเวลานี้เขาจำเป็ต้องอยู่เคียงข้างหญิงสาวเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยให้เธอ เมื่อเื่นี้จบ เขาจะมอบหินจิติญญาให้เธอ หญิงสาวจะได้ดูดซับเพื่อเพิ่มระดับวรยุทธ์จนมีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้บ้าง
ตระกูลหลินที่เหลือส่วนใหญ่แยกย้ายกันกลับ เหลือเพียงหลินเต๋อเทียน หลินเหรินเทียน และเหลยิ หัวหน้าทีมสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติหรือ NSA มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล
ทีมของเหลยิมีมากกว่าสี่สิบคน เขาจึงพาทหารอาวุธครบมือทั้งหมดสามสิบคนมุ่งหน้าไปด้วย ส่วนที่เหลือจำเป็ต้องอยู่คุ้มกันบ้านพักแห่งนี้
เย่เฟิงและซูเมิ่งหานเข้าไปนั่งบนรถบรรทุกทหารด้วยกันถัดจากหลินเหรินเทียน ชายวัยกลางคนจ้องทั้งคู่ด้วยสายตาไม่เป็มิตร
ลูกชายของเขาต้องกลายเป็คนปัญญาอ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล แต่หนุ่มสาวคู่นี้ยังหัวเราะให้กันได้ จะให้เขาอารมณ์ดีได้อย่างไร?
เย่เฟิงเหลือบมองอีกฝ่ายพลางคิดในใจ หลินซิวเหวินหมกมุ่นในกามขนาดไหนถึงเชื่อคำล่อลวงของไช่เฉ่าหงจนไปโผล่ที่ห้องของเซียวฉี่กลางดึกแบบนั้น เขาถึงต้องกลายเป็คนปัญญาอ่อนอย่างนี้ไง แต่ชายหนุ่มก็เลิกสนใจ เพราะอย่างไรเื่นี้ก็ไม่เกี่ยวกับตน
ซูเมิ่งหานที่นั่งข้างเย่เฟิงกอดแขนชายหนุ่มแน่น เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนไปจนวุ่นวายได้ขนาดนี้ เธอคิดว่าจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างราบรื่นเสียอีก แต่เมื่อคิดอีกมุม ั้แ่วินาทีที่เย่เฟิงสอนวรยุทธ์ให้เธอ ชีวิตของเธอก็ถูกลิขิตให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางทีเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้อาจเป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น...
ไม่นานนักรถบรรทุกทหารทั้งสองคันซึ่งบรรทุกคนมากกว่ายี่สิบชีวิตก็มาถึงโรงพยาบาลทหารเยี่ยนจิง
เงื่อนไขการรักษาของเมืองเยี่ยนจิงเป็ที่รู้กันทั่วประเทศ ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงจึงเป็เื่ธรรมดาที่หลินซิวเหวินจะถูกส่งตัวมาโรงพยาบาลนี้เซียวฉี่ซึ่งเป็เพื่อนของหลินซือฉิงก็ถูกส่งตัวมาที่นี่เช่นกัน น่าเสียดายที่หนึ่งในนั้นกลายเป็คนปัญญาอ่อน และอีกคนก็เพิ่งถูกลักพาตัวไปจากโรงพยาบาลทหารแห่งนี้ ชายสวมหน้ากากนั่นไม่ธรรมดาเสียจริง!
เมื่อรถหยุด หลินซือฉิงที่รออยู่หน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาลก็ทักทายพวกเขาด้วยสีหน้ากังวล
ซูเมิ่งหานกอดแขนของเย่เฟิงขณะก้าวลงจากรถ เมื่อเห็นหลินซือฉิงก็อดหยิกแขนเย่เฟิงทีหนึ่งไม่ได้ หญิงสาวคิดถึงเื่ในวันนี้ที่เย่เฟิงออกไปข้างนอกกับหลินซือฉิงทั้งวัน แถมยังเกิดเื่วุ่นวายขนาดนี้อีก นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังเป็สาวสวยดูน่าค้นหา จนซูเมิ่งหานอดหึงไม่ได้
เย่เฟิงถูกซูเมิ่งหานหยิกก็ทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงรอเวลาเท่านั้นเพื่อเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ซูเมิ่งหานฟัง ทั้งเื่วรยุทธ์ที่ซูเมิ่งหานฝึกฝน เื่ชายสวมหน้ากาก ไช่เฉ่าหง และเื่อื่นๆ ด้วย
หลินซือฉิงในชุดเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสั้นดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเป็จังหวะยามวิ่งตรงมาทางนี้ จนเย่เฟิงอดเหลือบมองสิ่งล่อตาตรงหน้าไม่ได้
“เสี่ยวเย่เธอมาได้ยังไง...” หลินซือฉิงวิ่งมาจุดที่เขายืนอยู่จนผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย หญิงสาวแปลกใจที่เห็นเย่เฟิง
“เพราะผมรู้จักกับชายสวมหน้ากาก เลยถูกพามาที่นี่ด้วย” เย่เฟิงแบมือ “จริงสิ หน้ากากของคนที่ลักพาตัวพี่เซียวฉี่เป็แบบไหนครับ? ใช่แบบนี้ไหม”
เขาถามพลางหยิบหน้ากากผีสีขาวออกมา คำถามนี้เป็สิ่งที่หลินเต๋อเทียนอยากถามอยู่แล้ว เขาจึงไม่ขัดจังหวะ ทำเพียงมองลูกสาวเพื่อรอคำตอบ
“ไม่ใช่แบบนี้ คนที่ลักพาตัวเซียวฉี่ไปใส่หน้ากากหัวกะโหลกสีดำ” หลินซือฉิงส่ายหัวแล้วอธิบาย
เมื่อเย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็ใคร!
ชายหน้ากากหัวกะโหลกต้องเป็คนที่รู้จักไช่เฉ่าหงอย่างดี เขาคาดว่าเซียวฉี่อาจได้รับอันตรายจึงได้พาเธอออกมาและทิ้งโน้ตไว้ ตอนนี้เย่เฟิงมั่นใจแล้วว่าที่อยู่ในโน้ตแผ่นนั้น โรงงานร้างแถบชานเมืองต้องซ่อนความลับของไช่เฉ่าหงไว้แน่นอน เพียงเข้าไปตรวจสอบ ความจริงทุกอย่างก็จะกระจ่าง!
“ชายหน้ากากหัวกะโหลกไม่มีวรยุทธ์ การจะลักพาตัวคนในโรงพยาบาลทหารแบบนี้ได้ ต้องใช้วิธีที่ฉลาดและแยลยล ต้องเป็คนที่มีความสามารถมากจึงจะทำเช่นนี้ได้” เย่เฟิงอดคิดเช่นนี้ไม่ได้
หลินซือฉิงหันไปถามหลินเต๋อเทียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าไม่เหลือแม้แต่ศพของไช่เฉ่าหงก็คิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วแบบนี้จะไม่แย่หรือคะ? เพ่ยเค่อกรุ๊ปมีอิทธิพลในระดับนานาชาติ แล้วยังครองตำแหน่งในวุฒิสภา จะตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎร...” หลินซือฉิงพูดด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสแฝงความกังวลเล็กน้อย
เมื่อหลินเต๋อเทียนได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจในตัวลูกสาว เธอสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้อย่างสุขุมเช่นนี้ การเสียชีวิตของไช่เฉ่าหงไม่ทำให้เธอเสียใจเลยงั้นหรือ? ชายวัยกลางคนเหลือบมองเย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างพลางคิดในใจ หากพ่อของเขารู้ว่าเย่เฟิงเกี่ยวข้องกับคนที่ทำให้หลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อน ไม่รู้ว่ายังจะยืนกรานสัญญาหมั้นของทั้งสองคนอยู่หรือไม่ ทุกคนรู้ดีว่าหลินซิวเหวินเป็หลานที่ผู้เฒ่าหลินรักมากที่สุด เย่เฟิงเป็เพียงหลานชายของคนอื่น จะเทียบกันได้อย่างไร?
“งั้นไปโรงงานร้างกันเถอะครับ” เย่เฟิงออกความเห็น “ตราบใดที่เราพบหลักฐานซึ่งบ่งชี้ว่าไช่เฉ่าหงร่วมปฏิบัติการลับบางอย่างในประเทศนี้ เพ่ยเค่อกรุ๊ปจะไม่กล้าสู้หน้าประเทศเราแน่นอน”
การทดลองหรือการทดสอบสารเสพติดชนิดใหม่ล้วนเป็ข้อห้ามระดับสากล เพ่ยเค่อกรุ๊ปไม่มีวันกล้าทำเื่เหล่านี้บนดินแน่นอน!
“ปฏิบัติการลับงั้นเหรอ?” หลินเต๋อเทียนและหลินซือฉิงต่างนิ่งอึ้ง พวกเขาไม่รู้ว่าความจริงไช่เฉ่าหงแอบทำเื่อะไรในประเทศ
เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ไช่เฉ่าหงแฝงตัวและจัดการเื่ทั้งหมดโดยอาศัยลูกน้อง ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเปิดเผยตัวเองเลย ทำให้ตระกูลหลินไม่เคยสงสัยหมอนั่นสักนิด
“หัวหน้าครับ ผมก็สงสัยเื่นี้เหมือนกัน” เหลยิกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ที่ห้องใต้ดินในบ้านของไช่เฉ่าหง ผมพบสิ่งที่น่าสงสัยหลายจุด เพราะงั้นมันคงเกี่ยวข้องกับโรงงานร้าง คงจะดีกว่าถ้าเรารีบไปที่นั่น”
ความหมายของเหลยิก็คือไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ไม่ต้องมีคนคุ้มกันหลินซิวเหวินซึ่งกลายเป็คนปัญญาอ่อนก็ได้
“ไม่ได้ ต้องมีคนคุ้มกันลูกชายฉัน!” หลินเหรินเทียนยืนขึ้นทันที ใบหน้าใต้แว่นตาทรงเหลี่ยมดูเกรี้ยวกราด
“งั้นปล่อยให้ตำรวจจัดการเื่นี้เถอะ” หลินเต๋อเทียนโบกมือสั่งอย่างเด็ดขาด ก่อนพากำลังคนของทีมเหลยิ รวมทั้งเย่เฟิง ซูเมิ่งหาน และหลินซือฉิงออกจากที่นี่
คุ้มกันคนปัญญาอ่อนคนเดียวจำเป็ต้องใช้คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติด้วยหรือไง?
แม้หลินซิวเหวินจะเป็คนของตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง แต่หลินเต๋อเทียนไม่ชอบความยโสโอหังของอีกฝ่าย หากเขามีลูกชายเช่นนี้คงได้ตีจนมันก้นลายแน่
หลินเหรินเทียนที่ไม่ได้ไปโรงงานร้างทำได้เพียงกระทืบเท้าระบายความโมโห ก่อนมองรถบรรทุกทหารสองคันเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความเดือดดาลมากกว่าเดิม
อยู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก คดีฆาตรกรรมหญิงชราคนหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนถูกยกขึ้นมาไต่สวนอีกครั้ง และโจทก์ที่ยื่นฟ้องคดีนี้คือซูเมิ่งหาน ดูเหมือนคู่กรณีเป็พี่น้องตระกูลเซี่ยแห่งเมืองเยี่ยนจิง
ใบหน้าบูดบึ้งของหลินเหรินเทียนพลันเปลี่ยนไป เขาไม่มีวันปล่อยให้ซูเมิ่งหานได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแน่ ตำแหน่งงานของหลินเหรินเทียนคือผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และเป็หนึ่งในคณะกรรมการตุลาการศาลของเมืองเยี่ยนจิง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้